เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - บทที่ 13 – บรรลุขั้นที 3 เคล็ดวิชาใหม่ปรากฏ
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- บทที่ 13 – บรรลุขั้นที 3 เคล็ดวิชาใหม่ปรากฏ
บทที่ 13 – บรรลุขั้นที 3 เคล็ดวิชาใหม่ปรากฏ
ในตอนนี้ ชิงสุ่ยกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง เขาจองมองหมาป่าอสูรทองคำที่กำลังพุ่งเข้าหาเขาอย่างจดจ่อ ร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน แขนขวาสั่นเล็กน้อยพร้อมทั้งระเบิดพลังไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
” ซู “
ก้อนกรวดพุ่งเข้าหาขากรรไกรของหมาป่าตัวนั้นหมายจะเอาชีวิต มันสร้างเสียงดังสนั่นวันไหวขณะแหวกผ่านอากาศ
ขณะที่ก้อนกรวดกำลังพุ่งออกไปนั้น ชิงสุ่ยเลือกที่จะไม่ถอยหลังแต่เขากลับพุ่งออกไปข้างหน้า ชิงสุ่ยจงใจที่จะใช้มือทั้งคู่ของเขานั้น แทงทะลุหลังของหมาป่าอสูรทองคำ
” สำเร็จจจจ ! “
” บรู้ววววววว ! ” หมาป่าอสูรทองคำหอนเนื่องจากความเจ็บปวด
เสียงจากกระดูกที่หักออกจากกันดังขึ้นพร้อมกับเสียงหอน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส
ในขณะที่หมาป่าอสูรทองคำบาดเจ็บ ชิงสุ่ยใช้ข้อศอกกระแทกเข้ากับหมาป่าอสูรทองคำตัวนั้นอีกครั้ง เพื่ออาศัยแรงจากการกระแทก ผลักตัวเขาให้ออกจากพื้นที่อันตรายนี้ หมาป่าอสูรทองคำที่บาดเจ็บกำลังหมอบลงบนขาของมัน มันอ้อนวอนขอความเมตตา ขณะที่จ้องมองมายังตัวชิงสุ่ย
เมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย จิตใจของชิงสุ่ยไม่อาจสงบลงได้ ถ้าหากเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการโจมตีของก้อนกรวดที่ยิงออกไปนั้น ชิงสุ่ยคงจะไม่ได้มีโอกาสที่ทำให้หมาป่าอสูรทองคำบาดเจ็บอย่างแน่นอน
โดยธรรมชาติของหมาป่านั้น มันมักจะมีนิสัยเจ้าเลห์มาก เมื่อเป็นเช่นนั้น ชิงสุ่ยไม่กล้าแม้ที่จะประมาทในคู่ต่อสู้ของเขา เขาระวังตัวในทุกๆการกระทำ ร่างกายของเขาตอนนี้เปียกโชกไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาราวกับลำธารขนาดเล็ก เขาจับตามองหมาป่าอสูรทองคำอย่างไม่ลดละ
ตอนนี้ ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังหมาป่าอสูรทองคำได้รับบาดเจ็บอย่างหนักนั้น ชิงสุ่ยเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เมื่อเขาผ่อนคลายพลังลง พลังปราณที่เข้มข้นนั้น ก่อให้เกิดอาการมึนงง สมองของเขาได้รับผลของอาการนี้ในทันที ทำให้เขาไม่สามารถแม้แต่จะยืนบนเท้าของตัวเองได้
อาการวิงเวียนศีรษะก็ปรากฏขึ้น เสื้อผ้าของเขาก็ขาดออกจากกันเผยให้เห็นถึงจี้หยกที่อยู่บริเวณหน้าอก มันปลดปล่อยคลื่นความร้อนออกมา พลังงานปราณเริ่มหมุนเวียนในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยพยายามทรงตัวขึ้น ความรู้สึกนี้เหมือนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่เต็มไปด้วยแสงแดดจากพระอาทิตย์
คลื่นพลังงานความร้อนเริ่มหมุนเวียนถ่ายเทออกมา ชิงสุ่ย รู้สึกว่าแขนขาของเขาไม่สามารถจะกระทำสิ่งใดได้ แม้ร่างกายของเขารู้สึกแสนผ่อนคลาย จนชิงสุ่ยเกือบที่จะหลับ และแล้วสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งนักก็เกิดขึ้น!!!!!
เคล็ดวิชากายาบรรพกาล ของชิงสุ่ยปัจจุบันอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นที่ 2 ตอนนี้ชิงสุ่ยอยู่ในความสงบ เขาไม่คาดคิดเลยว่าเคล็ดวิชากายาบรรพกาล จะพัฒนาไปสู่ขั้นที่ 3 ในตอนนี้ พลังปราณที่อ่อนโยนและอบอุ่นไหวเวียนผ่านไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว (เกิดเสียงแตกของกระดูก เส้นชีพจรพลันขยายตัวหนาขึ้น ซึ่งทั้งหมดอยู่ในช่วงการปรัปแต่งพลังปราณ)
ร่างกายของเขาค่อยๆฟื้นคืนพลัง ชิงสุ่ยตระหนักว่าพลังของเขานั้นได้เกินขีดจำกัด ของเขาก่อนหน้านี้ “ความแตกต่างของพลังมันช่างมหาศาลมาก !” ชิงสุ่ยรู้ว่าเคล็ดวิชากายาบรรพกาล มีทั้งหมด 9 ขั้น ขั้น 1-3 เปรียบได้กับระดับต่ำ ขั้น 4-6 เปรียบได้กับกลางระดับ ขั้น 7-9 เปรียบดังชั้นบนสุด ตอนนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่ขั้นที่ 3 ถ้าหากเขาสามารถบรรลุผ่านขั้นที่ 4 ได้ ชิงสุ่ยไม่กล้าที่จินตนาการถึงความแข็งแกร่งที่จะได้รับหลังจากบรรลุ หากเขาสามารถก้าวบรรลุผ่านได้ อาณาจักรพลังใหม่จะต้องก้าวผ่านได้อย่างง่ายดายแน่ ชิงสุ่ยคาดหวังอย่างยิ่งที่จะพัฒนาสู่เคล็ดวิชากายาบรรพกาล ขั้นที่ 4
และแล้วเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ก็ปิดการทำงานลง ชิงสุ่ยรู้สึกปลื้มปิติมากก เขาไม่คาดคิดว่าแค่เพียงประสบการณ์ที่ได้รับจากการต่อสู้ชีวิต ระหว่างความเป็นความตายจะให้ประโยชน์เกินกว่าเพียงการฝึกฝน
เขาหันกลับมามองยังหมาป่าอสูรทองคำ ดวงตาของมันกวาดมองไปทั่วทั้งยังแสดงถึงความหวาดกลัวออกมา ชิงสุ่ยรับรู้ได้ทันทีว่า มันกำลังจะหนี
ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะไม่ไล่ตามมันไป เขารู้สึกขอบคุณหมาป่าอสูรสีทองตัวนี้ ถ้าหากไม่มีมันเขาคงไม่สามารถบรรลุผ่านเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ขั้นที่ 3 ได้ เมื่อชิงสุ่ยทำการตรวจสอบพลังปราณในจุดตันเถียนของเขา เขาก็ตระหนักได้ว่า เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าก็บรรลุสู่ขั้นที่ 3 แล้วเหมือนกัน หลังจากเคล็ดวิชาทั้ง 2 ได้พัฒนาขึ้น เส้นพลังปราณสีฟ้าและสีเหลืองได้มาบรรจบกัน เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าที่เขาฝึกนั้น มีความแตกต่างเล็กน้อยจากเคล็ดวิชาทั่วไปที่เยาวชนตระกูลชิงฝึกฝน แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะระบุถึงความแตกต่างนั้น
เขาขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “ข้าจะไม่ดูถูกว่าเป็นขยะอีกต่อไปแล้ว”
ชิงสุ่ยไม่ได้ตระหนักถึงการหลบหนีของหมาป่าอสูรทองคำเลย เพราะเขาคิดเพียง
” เคล็ดวิชากายาบรรพกาล นั้น ลำบากและจะลำบากยิ่งกว่าหากต้องการที่จะบรรลุในแต่ละขั้น ไม่รู้จะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน ข้าถึงจะบรรลุชั้นที่ 4 ได้ และนี้ก็หมายความว่า หากข้าบรรลุในเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าความเมื่อยล้าก็จะมีมากเกินไป” ชิงสุ่ยครุ่นคิดเพื่อหาเคล็ดวิชาอื่นๆสักอย่างเพื่อเสริมพลัง
“ ช่างเถอะ ยังไงข้าก็ยังมีหมัดอสูรสันโดษ จากการบรรลุผ่านเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ขั้นที่ 2 ข้าสงสัยอย่างยิ่ง ว่าเคล็ดวิชาอะไรกันจะปรากฏขึ้นหลังจากที่ข้าบรรลุเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ขั้นที่ 3!” ชิงสุ่ย คิดเข้าข้างตัวเอง
” เคล็ดหลับหนีไร้ทิศทาง นี้คือทักษะใหม่ที่เขาได้รับจากการบรรลุเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ขั้นที่ 3เคล็ดวิชาจากทะเลแห่งปัญญาไหลเข้าสู่สมองของเขา ชิงสุ่ยขบฟันราวพร้อมทั้งรู้สึกผิดหวังอย่างมาก
” อ๊ากกกก ทำไมข้าต้องได้เคล็ดหลับหนีไร้ทิศทางในตอนนี้ด้วย ? แม้รางวัลจากการบรรลุจะไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรุงยาทิพย์ อย่างน้อยข้าก็ควรฝึกฝนเทคนิคอื่นๆด้วย” เขาพึมพำอย่างเฉื่อยชา ข้าต้องใช้เวลานานแค่ไหนเพื่อที่เคล็ดวิชากายาบรรพกาล ขั้นที่ 4 เมื่อไหร่ข้าจะสามารถปรุงแต่งยาทิพย์ ? จิตใจของเขายังคงมีข้อมูลเกี่ยวกับยามหัศจรรย์ต่างๆไหลวนอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ยาฟื้นฟูขนาดเล็ก ยารากฐานเสริมสร้างพุทธคุณ ยาเสริมสร้างร่างมังกร ยาเก้าชีพกลับชาติฟื้นคืน “ อร๊ากกกกก!!!!”
น่าเสียดาย ชิงสุ่ยอยากเรียนรู้เทคนิคการปรุงยาทิพย์อย่างมาก เพราะสมุนไพรในตระกูลชิงนั้นมีมากเหลือเฟือ ไม่ต้องพูดถึงอีกว่า ชิงอี้แม่ของเขายังเป็นแม่ค้าสมุนไพรอีกด้วย อีกทั้งตระกูลชิงยังถือครองสมุนไพรราคาแพงและมีคุณค่ามากมาย นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ชิงสุ่ย ไม่อาจรอที่จะได้รับเคล็ดวิชาปรุงยาทิพย์ ถ้าหากเขาสามารถปรุงแต่งยาทิพย์ได้ ความเร็วในการบ่มเพาะพลังก็จะเพิ่มความเร็วขึ้นอีกด้วย ถ้าไร้ซึ่งการช่วยเหลือจากคนภายนอก ชิงสุ่ยคาดคิดไว้แล้วว่า คงต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยเลย ที่จะสามารถบรรลุเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ขั้นที่ 4 ได้
” เคล็ดหลับหนีไร้ทิศทางก็ไม่เลวเหมือนกัน อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย ถึงข้าจะต้องการเคล็ดปรุงยาทิพย์ แต่ข้าก็ควรพอใจในเคล็ดวิชาที่ใช้หลบหนีนี้ เพราะถ้าหากถึงช่วงเวลาอันตราย มันสามารถช่วยชีวิตได้เลย” ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเคล็ดหลบหนีไร้ทิศทางที่ปรากฏขึ้นในทะเลแห่งปัญญาของเขานั้น เป็นเคล็ดวิชาหลบหนีอันดับต้นๆในเหล่ายอดเคล็ดวิชาหลบหนี มันเปรียบได้กับยอดเพชรในหมู่เพชรนั้นเอง
ชิงสุ่ยปิดตาของเขาขณะที่เขาเริ่มวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับเคล็ดหลบหนีไร้ทิศทาง เขาตระหนักว่าเคล็ดวิชาหลบหนีไร้ทิศทางนี้เหมาะสำหรับการลักลอบเพื่อขโมยของสำคัญได้ เคล็ดวิชานี้ถูกจัดเก็บอย่างซับซ้อน มันถูกออกแบบมาให้สามารถหลบซ่อนได้ในทุกภูมิประเทศ หลบซ่อนได้ในทุกๆปัจจัยรอบข้าง มันถูกออกแบบให้ดูกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ชิงสุ่ยถึงกลับตกตะลึงในความสามารถของเคล็ดวิชาหลบหนีไร้ทิศทางนี้
” อืม ข้าจะใช้เคล็ดวิชานี้เพื่อการหลบหนี ข้าจะต้องได้เคล็ดวิชาที่ซ่อนอยู่ในความซับซ้อนนี้ทั้งหมด” ชิงสุ่ยพึมพำกับตัวเอง เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่มากกว่านี้
ที่จริงแล้ว ชิงสุ่ยนั้นมีความสามารถในการเรียนรู้ที่สูงมาก เขารับรู้ได้ทันทีว่า เคล็ดวิชานี้ถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่งจะเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคซ่อนเล้น ในขณะที่ส่วนที่สองจะเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะการหลบหนีไร้ทิศทาง โดยที่ศิลปะการหลบหนีไร้ทิศทางนั้นจะสามารถใช้งานมันได้ก็ต่อเมื่อ ชิงสุ่ยได้ทำการเปิดใช้งานเคล็ดวิชากายาบรรพกาล แล้วเท่านั้น
โดยมันถูกบันทึกไว้ในชื่อ “ก้าวไร้วิญญาณ”
ชิ่งสุ่ยสนใจในชื่อเคล็ดวิชาที่ปรากฎขึ้นภายในใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาพร้อมที่จะเรียนรู้มันเหมือนกับเคล็ดวิชาศาสตราวุธเล้นลับที่ให้สุดยอดเพลงหมัด หมดอสูรสันโดษแก่เขา ชิงสุ่ยต้องการที่จะเรียนรู้อย่างมากว่าเขาจะได้รับสิ่งใดจาก วิชาก้าวไร้วิญญานนี้
อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยพยายามที่จะเข้าใจพื้นฐานของมัน แต่ที่ชิงสุ่ยได้รับกลับมาคืออาการปวดหัว เขารู้ดีว่าเคล็ดวิชานี้ไม่ได้เรียนรู้ง่ายๆ ยิ่งถ้าเขาไม่ได้รับพลัง การรับรู้ที่แท้จริงแล้วล่ะก็ เขาคงไม่สามารถเข้าใจเคล็ดวิชาศาสตราวุธเล้นลับได้ง่ายๆเช่นกัน มันเปรียบได้กับ เขาสามารถบรรลุถึงขั้นระดับผู้เชี่ยวชาญยังต้องใช้เวลาเกือบ การบรรลุความเชี่ยวชาญ ปี เพื่อบรรลุ แต่เขาสามารถบรรลุได้เพียงวันเดียว
เคล็ดหลบหนีไร้ทิศทาง ก้าวไร้วิญญาน นั้นได้รับมาจากกายันศ์แปดทิศในลัทธิเต๋า ซึ่งมาจากส่วนลึกลับของ เคล็ดวิชาพยากรณ์ทิศทาง ฉีเหมินตุ้นเจีย ก่อนเรียนรู้วิชาก้าวไร้วิญญาณได้นั้น ชิงสุ่ยจะต้องเรียนรู้ทุกการคำนวณของเคล็ดวิชาพยาการณ์ วิธีต่างๆจะต้องตราตรึงในความคิดของเขา เขาต้องจดจำมันซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
ชิงสุ่ยสั่นหัวของเขาเล็กน้อยเพื่อลบล้างอาการปวดหัว ชิงสุ่ยรีบเดินทางออกจากป่าพรรณไม้มรกตในทันที เขาไม่ต้องการที่จะปะทะกับสัตว์อสูรตนอื่นๆอีก แม้ว่าเขาจะได้รับปรโยชน์ที่สูงมากจากการเผชิญหน้าเมื่อก่อนหน้านี้ แต่หากเขาได้เผชิญหน้ากับหมาป่าอสูรทองคำเกิน 2ตัว หรือเจอเขากับฝูงหมาป่าอสูร ป่าพรรณไม้มรกตแห่งนี้อาจเป็นที่ฝังศพของชิงสุ่ยแทนอย่างแน่นอน
“ถ้าเป็นเช่นนั้น หากข้าต้องเจอศัตรูที่แข็งแกร่งกว่ามาก ข้าคงต้องรีบฝึกฝนวิชาก้าวไร้วิญญาณ”
และอีกเหตุผลนึงที่เขาต้องรีบเรียนรู้วิชาก้าวไร้วิญญาณนั้น นอกจากจะสร้างความปลอดภัยให้แก่เขา มันยังเป็นทางเลือกที่ดีที่จะใช้จู่โจมร่วมกับหมัดอสูรสันโดษ ซึ่งมันจะเพิ่มพลังในการโจมตีได้ 2 ถึง 3 เท่า
เมื่อชิงสุ่ยกลับไปสู่ยอดเขาที่เขาขึ้นไปก่อนจะลงไปยังป่าพรรณไม้มรกต ที่อยู่ใกล้กับตระกูลชิง ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน เหลือเพียงเสียงพลบค่ำ ท้องฟ้าทิศตะวันตกแผ่เรืองแสงสีแดงราวกับภาพวาดท้องฟ้าเหนือจิตนการ
จะตีเหล็กให้ได้รูป ก็ต้องตีมันในขณะร้อน ชิงสุ่ยเริ่มบ่มเพาะพลังพื้นฐานของเคล็ดวิชาก้าวไร้วิญญาน แม้ว่าการเรียนรู้ก้าวไร้วิญญานจะต้องเข้าใจการคิดคำนวณรูปแบบยันต์ 8 ทิศ 9 ทิศทาง นั้นคือจุดเริ่มต้น แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องทำมัน