เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - บทที่ 12 – สัตว์ร้าย ลึกลับ
บทที่ 12 – สัตว์ร้าย ลึกลับ
การที่จะขึ้นเขานั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การที่จะลงนั้นช่างยากยิ่ง ทางต่างๆไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฝีมือมนุษย์หรือเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เส้นทางลงเขามันแคบมาก โดยเฉพาะด้านตะวันตกของภูเขา
โชคดีที่ภูเขาลูกนี้ไม้ได้สูงมาก นอกจากนี้ ชิงสุ่ยมีความมั่นใจอย่างมากในความแข็งแกร่งของร่างกายของเขาในปัจจุบัน ทำให้เขาไม่เกรงกลัวสิ่งใดที่จะปรากฏขึ้น ” แม้ว่าจะมีอันตราย เขาก็สามารถขอความช่วยเหลือได้ จึงไม่ค่อยมีสัตว์ร้ายกล้ามาอยู่อาศัยบริเวณนี้ นอกจากนี้ที่แห่งนี้ มันค่อนข้างใกล้กับบ้านตระกูลชิงอีกด้วย ” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างมีเหตุผล
หลังจากที่เขาพยายามกล่อมตัวเอง ข้อกังขาในจิตใจของเขาค่อยๆ เข้ารีบเดินลงจากเขาแม้ว่าจะต้องผ่านป่าพรรณไม้มรกต
การที่จะขึ้นเขานั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การที่จะลงนั้นช่างยากยิ่ง ชิงสุ่ยสามารถพิสูจน์ความจริงของคำพูดนี้ได้ทันที เขาได้ใช้เวลาเดินทางไปแล้วกว่า 30 นาที แต่ยังเหลือระยะทางอีกกว่า 200 เมตร ก่อนที่เขาจะกลับไปยังบริเวณตีนเขาได้ เมื่อเทียบกับตอนที่เขาวิ่งขึ้นภูเขาไปยังจุดที่จุดสูงสุด เขากลับใช้เวลาเพียง 15 นาที
เหลืออีกเพียง 100 เมตรก่อนถึงตีนเขา ชิงสุ่ยก็จะได้เห็นศพของนกอินทรีดำ ศพของมันอยู่ใกล้ขอบเขตของป่าพรรณไม้มรกต ชิงสุ่ยระมัดระวังตัวอีกครั้งเพื่อวิเคราะห์สภาพแวดล้อมรอบตัวเขา หลังจากที่เขามั่นใจแล้วว่าไม่มีสัตว์ตัวใดซ่อนตัวอยู่ เขาเริ่มก้าวเข้าไปใกล้ศพของนกอินทรีดำยักษ์ตัวนั้น
ลมจากภูเขานั้นช่างสบายยิ่งนัก มันไม่ร้อนเกินไปดั่งเช่นลมฤดูร้อน หรือหนาวเข้ากระดูกดั่งเช่นลมฤดูหนาว ถ้าสถานที่นี้มีอยู่จริงในโลกก่อนหน้าของเขา มันต้องถูกสร้างเป็นสถานที่พักผ่อน ไม่ก็เป็นรีสอร์ท หรือบ้านคนชรา
แม้ว่าชิงสุ่ย ไม่เคยมาที่นี่มาก่อน เขาเคยได้ยินคำเตือนจากผู้ใหญ่หลายๆคน และพวกเขาต่างบอกกล่าวถึงอันตรายที่มีอยู่ในป่าพรรณไม้มรกต ชิงสุ่ยได้แต่เตือนตัวเองให้ตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาและทุกๆย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เขาก็หวังลึกๆว่าจะมีสัตว์ป่าเถื่อน ดุร้าย ปรากฎตัวต่อหน้าเขาเพื่อให้เขาได้ทดสอบความแข็งแรงในปัจจุบันของเขากับมัน
นกอินทรีตัวนั้นตายสนิทอย่างไม่ต้องสงสัย ก้อนกรวดเล็กๆก้อนนั้นทะลุผ่านสมองของนกตัวนั้น
ชิงสุ่ยกำลังมองดู ” ผลงานชิ้นเอก ” ชิงสุ่ยไม่รู้เกี่ยวกับชื่อหรือชนิดของนกตัวนี้ เขาแค่รู้สึกว่า มันมีความคล้ายคลึงกันมากกับนกอินทรีจากโลกเดิมของเขา ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือมันมีขนาดใหญ่มากในขนาดกว่านกอินทรีที่มีอยู่ในโลกของเขาก่อนหน้านี้ ถ้าเขายังเป็นขยะเช่กเช่นเมื่อก่อน เขาย่อมต้องยอมถูกนกอินทรีตัวนี้กินอย่างแน่นอนวันนี้ เมื่อคิดถึงผลที่เขาได้รับชัยชนะ เขากำหมัดที่มีกรวดที่เหลืออยู่ในมือของเขา และรู้สึกถึงความสุขที่เปี่ยมล้นภายในจิตใจของเขา
ความเชื่อมั่นมาจากความแข็งแกร่งในตัวของชิงสุ่ย เขามองเส้นทางที่ต้องก้าวผ่านไปสู่อนาคตด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวัง ถ้าเขาสามารถก้าวผ่านสายหมอกแห่งกาลเวลา เขาอยากให้ชีวิตทั้งชีวิตของเขาพบพานแต่ความสุข และนี่คือเป้าหมายของเขา
ทันใดนั้น ชิงสุ่ยก็รับรู้ได้ถึงภัยคุกคามที่กำลังจ้องมองเขามาจากทางด้านหลัง การรับรู้ของเขาเริ่มฉียบคมมากขึ้นเมื่อเขาได้บรรลุขั้นที่ 2 ของเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวที่เกิดจากแสงสะท้อนบางอย่าง แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่สามารถรับรู้ได้ถึง 100% แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงตำแหน่งและระยะห่างระหว่างมันกับเขา
” ทางทิศใต้ ไปทางซ้าย 30 องศา ด้านหลังต้นไม้สีเขียว ความกว้างของมันประมาณ 2 ตัวคน” นี้คือสิ่งที่ชิงสุ่ยรับรู้ได้ แต่เขาไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสัตว์หรือมนุษย์
ชิงสุ่ยไม่คิดแม้แต่จะขยับตัว มือของเขากำแน่นจนกลายเป็นหมัดอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกได้ว่ามันกำลังจ้องมองมาทางบริเวณนี้ เขาไม่กล้าแม้แต่ขยับตัวหรือกระทั่งประมาทศัตรูของเขา หากว่ามันเป็นสัตว์ป่า ระยะทาง 30 เมตรถือว่าใกล้มากนัก มันสามารถพุ่งเข้าหาเขาได้ทันที ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาและก้อนกรวดที่อยู่ในกำปั้นของเขา ชิงสุ่ยหวังว่า เขาจะสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมสัญชาตญาณของเขากลับเตือนเขาว่า สิ่งที่ซ่อนตัวอยู่นั้นมีความแข็งแกร่งที่สูงมาก
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก้อนกรวดในกำปั้นของชิงสุ่ยเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขารู้ว่าเขาไม่ควรปล่อยให้เป็นแบบนี้ หัวใจของเขาถูกรบกวนอย่างหนัก หากศัตรูก็เปิดฉากจู่โจมก่อนคงเป็นเรื่องแย่อย่างแน่นอน
ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ในป่าใหญ่ ชิงสุ่ยรวบรวมสมาธิอย่างแน่วแน่ เขาเริ่มมองเห็นเงาเป็นรูปของหัวสัตว์ชนิดนึง มันมีรูปร่างคล้ายคลึงกับหมาป่า…….หมาป่าที่มีขนาดใหญ่มาก
ชิงสุ่ยค่อนข้างมั่นใจในการคาดเดาของเขามาก หมาป่ามีความฉลาดและอดทนมาก มันอดทนรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อจู่โจมเขา
พลังงานในร่างกายของชิงสุ่ยเริ่มหมุนเวียนปล่อยออกมา เขาต้องการที่จะล่อหมาป่าให้ออกมา
” ชู่ววววววว ” ชิงสุ่ยเปล่งเสียงออกมากเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากตัวหมาป่า
ชิงสุ่ยโคจรพลังปราณไปที่มือซ้ายที่กำลังกำก้อนกรวดได้อย่างแน่นหนา พร้อมกับสะบัดมือของเขา หินพุ่งออกไปด้วยความเร็วคล้ายกับระเบิดสายฟ้า หมายให้ปะทะกับเงาหัวของหมาป่าตัวนั้น
” ปัง ! ” ส่งผลให้ฝุ่นและเศษดินบริเวณนั้นลอยตัวกระจายตลบอบอวล
บริเวณพื้นที่เงาสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ก็ระเบิดออกอย่างน่ากลัวเบื้องหน้าของเขา
ชิงสุ่ยตกใจเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าสิ่งมีชีวิตเบื้องหน้าของเขานั้น มันไม่ได้เป็นเพียงหมาป่ายักษ์ มันกลับเป็นถึง
หมาป่าอสูรทองคำ ! ร่างกายของมันยาวถึง 3 เมตร และความสูงถึง 2 เมตร ร่างกายของมันใหญ่มากแต่มันกับไม่ได้รับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วง มันมีความรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ร่างกายของมันปลดปล่อยจิตสังหารพร้อมความกดดันที่รุนแรง !
ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง มันพุ่งกระโจนเข้าหาตัวของชิงสุ่ยราวกับสายลม
” นี่มันคือหมาป่าจริงๆหรือ ? ทำไมตัวมันช่างใหญ่โตขนาดนี้ ” ชิงสุ่ยอุทาน ที่สวนสัตว์ในอดีตของเขา เสือ และสิงโตเป็นราชาแห่งสัตว์ แต่หากเทียบกับหมาป่าอสูรทองคำตัวนี้พวกมันเทียบกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ชิงสุ่ยพลันเกิดกลัวขึ้น หลังจากที่เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ความเป็นความตายเป็นครั้งแรกนี้ แม้ว่าเขารู้ว่าร่างกายของเขาปัจจุบันมีความแข็งแกร่งมาก คู่ต่อสู้ของเขามีน้ำหนักประมาณ 500 จิน แต่ที่น่ากลัวคือมันมีความเร็วและความแข็งแรงที่สูงมาก
เขาก้าวถอยไปข้างหลัง พร้อมทั้งหยิบก้อนกรวดจากพื้นดินและซ่อนมันไว้ในมือข้างขวาของเขา ชิงสุ่ยหวังจะใช้เคล็ดวิชาศาสตราวุธเล้นลับเพื่อฆ่ามันโดยไม่ต้องต่อสู้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความกลัว ความคิดมากมายแวบผ่านเข้ามาในจิตใต้สำนึกของชิงสุ่ย เขาได้เห็นท่านตาของเขา แม่ของเขา เขาเห็นลุงของเขากำลังอบรมเหล่าเยาวชนรุ่นที่ 3 อยู่ในสนามฝึกซ้อม ถึงแม้ว่าเขาไม่เคยต่อสู้ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ชิงสุ่ยรู้ตัวทันที่ว่าเขาต้องสงบอารมณ์และจิตใจ ไม่ปล่อยให้ความกลัวครอบงำจิตใจเขา แต่ต้องใช้ความกลัวคอยเสริมพลังโจมตีของเขาแทน! เมื่อเปลี่ยนความคิดได้แบบนั้น เขาไม่ลังเลอีกต่อไป และเตรียมใช้หมัดอสูรสันโดษ ในขณะก้าวถอยหลัง ขณะที่ที่เตรียมปลดปล่อยพลังหมัดอสูรสังหาร ความขัดแย้งเกิดขึ้นในจิตใจของเขาอีกครั้ง มือข้างนึงเกิดอาการตื่นกลัว แต่เขายังคงต้องการที่จะทดสอบกำลังของเขากับหมาป่าอสูรสันโดษ
“ตูม ตูม ตูมมมมม”
ชิงสุ่ยปลดปล่อยกระบวนท่าหมัดอสูรสันโดษที่เกือบสมบูรณ์ ติดต่อกันถึง 3 ครั้ง ก้อนกรวด 2 ก้อนแรก กระแทกเข้าไปยังกล้ามเนื้อขาหน้าของหมาป่าอสูรทองคำ และอีก 1 ก้อนกระแทกเขากับหัวของมัน ชิงสุ่ยขมวดคิ้วทันที แขนของเขารู้สึกถึงอาการชาจากผลกระทบ!
ผู้คนต่างกล่าวว่า [ หมาป่านั้น หัวเป็นเหล็ก หางเป็นทองแดง หลังนิ่มราวเตาหู ] ตอนนี้ ชิงสุ่ยรับรู้แล้วว่าเรื่องหัวเหล็กนั้นจริงแท้แน่นอน อย่างไรก็ตาม คำพูดที่กล่าวถึงจุดอ่อนของมันนั้นไม่เป็นความจริงเลย หากเทียบกับหมาป่าอสูรทองคำตัวนี้เพราะหลังของมันนั้นแข็งแกร่งและหนาอย่างกับควาย!
หมาป่าอสูรทองคำขนาดยักษ์หยุดการโจมตีชั่วขณะอีกครั้ง และตรวจสอบชิงสุ่ย ที่มันมาปรากฏอยู่บริเวณนี้นั้น เหตุผลเดียวคือความหิวกระหายที่จะกินนกอินทรียักษ์สีดำตัวนั้น มันไม่ได้คาดคิดเลยว่าเด็กมนุษย์คนนี้จะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้ามัน และมันคาดไม่ถึงอีกว่าเด็กมนุษย์คนนี้จะทำให้มันเกิดลางสังหรณ์ใจในอันตราย ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะซุ่มโจมตีชิงสุ่ย
หลังจากการปะทะในครั้งแรก ชิงสุ่ยสามารถขจัดความกลัวในใจของเขา หรืออีกทางนึงคือ เขากำลังจะใช้กำลังที่แท้จริงเพื่อรับมือกับหมาป่าอสูรทองคำตัวนี้แล้ว
เขากำหมัดอีกครั้ง เคล็ดวิชากายาบรรพกาล เริ่มเปิดใช้งานอย่างช้าๆ ชิงสุ่ยจะรู้สึกว่าพลังของเขาที่หายไปค่อยๆเพิ่มขึ้น การโจมตีทั้ง 3 ครั้งก่อนหน้านี้เขาไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงของเขาเพราะยังมีความกลัวหลงเหลืออยู่ ตอนนี้หลังจากที่จิตใจของชิงสุ่ยสงบลงอย่างแท้จริง เขาตัดสินใจที่จะปลดปล่อยพลังปราณออกมาเต็มที่เพื่อเปลวเพลิงนรกที่กำลังเผาไหม้อันเปรียบดั่งพลังที่สูงสุดของเขาในตอนนี้ หากเขาประมาทขึ้นมาเขาอาจจะสูญเสียชีวิตของเขาได้อย่างง่ายดาย
หมาป่าอสูรทองคำยกหัวของมันขึ้นสูงและเห่าหอนออกมา เสียงหอนของมันดั่งขึ้นครอบคุมถึงสวรรค์ มันเปล่งประกายคลื่นแห่งทรราชย์ล้มราชันออกมา หมาป่าอสูรทองคำตัวนี้ได้ยอมรับชิงสุ่ยเป็นคู่ต่อสู้อย่างแท้จริงแล้ว มันเตรียมตัวเขาสู้การต่อสู้ พร้อมขยายร่างขึ้นอีก 1 เท่าตัวทันที
” อร๊าาาาากกกก ” มันปล่อยเสียงคำรามดังสนั่น หมาป่าอสูรทองคำพุ่งเข้าใส่ชิงสุ่ย ตัวใหญ่คล้ายกับภูเขาขนาดยักษ์ที่มาพร้อมกับแรงกดอันมหาศาล ขากรรไกรของมันที่เต็มไปด้วยเขี้ยวหยักหมายที่จะกัดออกคอของชิงสุ่ย !