เทพมังกรสงครามอหังการ - Dragon Marked War God ตอนที่ 186 ปรุงยา
แปลไทยโดย : Subaru Kyun
ตรวจทาน : Subaru Kyun
====================================
ยอดเขากั๋วฉานที่เงียบสงบ สมุนไพรกระจายออกไปทั่วทุกหนแห่ง เป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยพลังหยวนธรรมชาติ เป็นที่ดีที่สุดสำหรับการบ่มเพาะในนิกายทมิฬ
หลังจากก้าวผ่านบทเรียนที่แสนเจ็บปวด กั๋วฉานไม่กล้าที่จะละเลยอีกต่อไป เขาพาหยานเฉินหยู่กับฮันหยานไปยังเรือนที่พักของเขา และเขาบ่มเพาะพลังอยู่ใกล้สวนสมุนไพรนอกเรือนที่พักขณะที่ปกป้องหยานเฉินหยู่และฮันหยานจากอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น หากมีใครพยายามเข้าใกล้ยอดเขา กั๋วฉานจะตรวจพบได้ในทันที
หลังจากที่กั๋วฉานได้รับทักษะหกสุริยัน ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มมากขึ้น เพียงไม่กี่วัน ฐานบ่มเพาะขั้นแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางของเขาก็เสถียรโดยสมบูรณ์
เมื่อสัมผีสว่ามีใครสักครู่ใกล้เข้ามา ดวงตาของกั๋วฉานก็เบิกขึ้นในทันที เมื่อเขาเห็นเจียงเฉินและหวงต้า ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกปิติยินดีด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก
"น้องชาย เจ้ากลับมาแล้ว!"
กั๋วฉานลุกขึ้นมาจากที่ซึ่งเขานั่งอยู่และเดินไปหาเจียงเฉิน
"พี่ชาย หยู่น้อยกับพี่หยานเป็นอย่างไรบ้าง?"
เจียงเฉินถาม
"ไม่ต้องกังวลไป พี่ชายของเจ้ายืนคุ้มกันอยู่ตลอดเวลา แม้แต่บินก็ไม่สามารถหลุดรอดไปจากสัมผัสของข้าได้!"
กั๋วฉานพูดด้วยความมั่นใจเต็มร้อย เขาดูโดดเด่น และจิตวิญญาณของเขาเพิ่มสูงขึ้น พลังหยวนของเขากล้าแข็งยิ่งขึ้น หลังจากบ่มเพาะทักษะหกสุริยันและทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง กั๋วฉานได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก อาจบอกได้ว่าเขาได้เกิดใหม่อีกครั้ง
"เยี่ยมมาก"
เจียงเฉินผงกหัวของเขา ในเวลานี้กั๋วฉานไม่ทำให้เขาผิดหวัง แม้ว่าเฟินจงถังจะยังไม่มาสร้างปัญหาใดๆให้เขาในตอนนี้ เจียงเฉินพอใจกับท่าทีของกั๋วฉานตอนนี้
"น้องชาย เจ้าพบหมูป่าหนามอัคคีในหุบเขาสายหมอกรึไม่? มันเป็นสัตว์ที่น่าสะพรึงกลัว การจะได้ดวงจิตวิญญาณอสูรของมันมา เจ้าต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะตัดสินใจใดๆ!"
กั๋วฉานพูดขึ้นมาอย่างรีบร้อน
"บัดซบ ตาแก่ ทำไมเจ้าถึงได้ดูถูกพวกเราเช่นนี้เล่า? หมูป่าหนามอัคคีที่น่าสะพรึงกลัวงั้นหรือ! ข้าจะบอกเจ้าให้เอาบุญ พวกเราสังหารหมูป่าหนามอัคคีไปแล้ว!"
หวงต้ากรอกตาของมันและจ้องไปยังกั๋วฉาน
อะไรนะ? หมูป่าหนามอัคคีถูกเจ้าฆ่าตาย? ใครจะไปเชื่อ!
"หวงต้า ข้ารู้ว่าทุกคนชอบที่จะโม้ออกมาแม้เพียงเล็กน้อยก็ดี แต่เจ้าก็รู้ดีว่าทั้งหมดนั่นมันเป็นไปไม่ได้! ด้วยความสามารถของพวกเจ้าทั้งสอง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารหมูป่าหนามอัคคีเพียงไม่กี่วัน อย่ามาพยายามหลอกข้าเหมือนเด็กสามขวบ!"
กั๋วฉานจ้องกลับไปมองที่หวงต้าด้วยท่าทีจริงจัง
"บัดซบ ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าเป็นเด็กสามขวบ! แต่ในความคิดบิดาเจ้า เจ้าเป็นเพียงแค่เด็กหกเดือนเท่านั้น!"
หวงต้าอุทานออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม กั๋วฉานกล้าดียังไงถึงได้ดูถูกมัน ? หากไม่ใช่ว่าเจียงเฉินอยู่ที่นี่ ป่านนี้หวงต้าคงกระโจนเข้าไปกัดก้นของกั๋วฉานเรียบร้อยแล้ว
"พี่กั๋ว หวงต้าพูดจริง พวกเราสังหารหมูป่าหนามอัคคีได้จริงๆ นี่คือดวงจิตวิญญาณอสูรของมัน"
เจียงเฉินพลิกฝ่ามือของเขาขึ้น และเอาดวงจิตวิญญาณอสูรออกมาจากแหวนของเขา ท่าทีของกั๋วฉานพลันเปลี่ยนไปในทันที เมื่อเขารู้สึกถึงความผันผวนของพลังงานที่แข็งแกร่ง ออกมาจากดวงจิตวิญญาณอสูรนั่น
"นะ… นี่มัน ดวงจิตวิญญาณอสูรหมูป่าหนามอัคคี! นะ.. น้องชาย เจ้าทำได้ยังไงกัน? นี่มันไม่น่าเชื่อ มันสามารถเป็นไปได้ด้วยหรือ?"
กั๋วฉานตกตะลึงในสิ่งที่เขาเห็น เขาไม่เคยเห็นดวงจิตวิญญาณอสูรของหมูป่าหนามอัคคีจริงๆสักครั้ง แต่เขาสามารถบอกได้ว่ามันคือดวงจิตวิญญาณอสูรจุดสูงสุดของแก่นแท้ศักดิสิทธิ์ขั้นกลาง มันต้องเป็นของหมูป่าหนามอัคคีเป็นแน่ เจียงเฉินไม่เคยล้อเล่นแต่อย่างใด
"ไม่จำต้องตกตะลึงไป พี่ชาย ข้าจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้ท่านฟัง"
เจียงเฉินเริ่มบอกกั๋วฉานถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในหุบเขาสายหมอก เรื่องราวทั้งหมดนี้ทำให้กั๋วฉานงุนงงอย่างแท้จริง
"น้องชายเจ้า….ประเสริฐมาก! เจ้าฉลาดจริงๆ! เจ้าวางแผนเจ้าเล่ห์เช่นนี้ได้อย่างไร? นิกายวิหารมรกตที่น่าสงสารต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เพราะเจ้า อีกทั้งยังใช้พวกมันช่วยเจ้าสังหารหมูป่าหนามอัคคี และรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งหมด เจ้าสามารถลดทอนกำลังทั้งสองฝ่าย! ช่างเป็นแผนที่ฉลาดเสียจริง!"
กั๋วฉานได้ตกหลุมรักเจียงเฉินขึ้นมาในทันที ในความจริงนั้น เขาไม่ได้ตาดหวังกับเจียงเฉินที่เดินทางไปหุบเขาสายหมอกก่อนหน้านี้ เป้าหมายของพวกเขาคือหมูป่าหนามอัคคีที่ทรงพลัง เขาไม่สามารถจิตนาการได้เลยว่าเจียงเฉินจะสามารถสังหารสัตว์อสูรที่อยู่ในจุดสูงสุดของแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางได้อย่างไร
แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ เจียงเฉินสามารถทำได้ และเขาก็ได้ทำในสิ่งที่กั๋วฉานไม่สามารถฝันเกี่ยวกับมัน ใส่ร้ายคนหนึ่งและให้พวกมันสู้กันเอง เป็นวิธีที่ประเสริฐเสียจริง
"ไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องพูดถึงมัน จริงๆแล้ว นิกายวิหารมรกตล่วงเกินข้าก่อน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงไม่รู้สึกผิดใดๆที่ใช้มันเพื่อประโยชน์ของข้า"
เจียงเฉินพูดออกมา ในความจริง ถึงแม้ว่านิกายวิหารมรกตจะไม่ได้ล่วงเกินเขา แต่เพื่อที่จะเอาดวงจิตวิญญาณอสูรหมูป่าหนามอัคคี เจียงเฉินก็ยังคงใช้วิธีเดิม
ชายคนนี้ มีเหตุผลที่จะบ้าคลั่งเพื่อคนรักและพี่ชายของเขา เขาสามารถโหดร้ายมากเพียงใดก็ได้หากจำเป็นที่จะช่วยคนใกล้ตัวของเขา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสิ่งของ เขาสามารถใช้พวกมันทั้งหมดเพื่อผลประโยชน์ของเขาได้ และนิกายวิหารมรกตในตอนนี้เป็นแค่เครื่องมือของเขา
"อย่างไรก็ตาม ข้าไม่คิดว่านิกายวิหารมรกตจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ง่ายๆแน่ ข้ารู้มาว่า มันเป็นหนึ่งในนิกายใหญ่ของแคว้นเฉวียน ความแข็งแกร่งของพวกมันนั้นเทียบเท่าเรานิกายทมิฬ พวกมันไม่ใช่ใครที่สามารถล้อเล่นได้ง่ายๆ ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะปล่อยเจ้าออกมาเช่นนั้น"
กั๋วฉานพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
"ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เคยเก็บนิกายวิหารมรกตไว้ในใจข้า เมื่อเราได้ดวงจิตวิญญาณอสูรหมูป่าหนามอัคคีมา ตอนนี้ข้าจะเริ่มปรุงยาหกสุริยัน ท่านเตรียมส่วนผสมทั้งหมดพร้อมแล้วหรือไม่?"
เจียงเฉินถามออกมา อาการของหยานเฉินหยู่ทรุดลงวันต่อวัน เมื่อเขาได้ดวงจิตวิญญาณอสูรหมูป่าหนามอัคคีมาแล้ว เขาก็ไม่ต้องการให้มันล่าช้าอีกต่อไป
"ส่วนผสมจากสี่สิบเก้าชนิดที่จำเป็นสำหรับการปรุงยาหกสุริยัน ข้าเตรียมไว้แล้วสี่สิบเจ็ดชนิด รวมดวงจิตวิญญาณอสูรของหมูป่าหนามอัคคีก็เป็นสี่สิบแปดชนิด ยังขาดสมุนไพรอย่างสุดท้าย กล่วยไม้หยินม่วง สมุนไพรนี้มันเติบโตเฉพาะที่ มันไม่สามารถเติบโตที่นี่ได้ และข้าไม่สามารถหามันได้จากทั่วทั้งนิกายทมิฬ"
กั๋วฉานขมวดคิ้วของเขา เขาพยายามสุดความสามารถในการรวบรวมสมุนไพรทั้งหมดในไม่กี่วันมานี้ เพื่อให้เจียงเฉินปรุงยาหกสุริยันได้ เขาได้ใช้โชคทังหมด แต่มันยังขาดสมุนไพรอย่างสุดท้ายที่เขาไม่มี กล้วยไม้หยินม่วง เป็นส่วนผสมหลักของยาหกสุริยันไม่สามารถใช้สิ่งอื่นทดแทนได้
"ข้าเจอกล้วยไม้หยินม่วงในหุบเขาสายหมอก"
ขณะที่พูด เจียงเฉินได้นำกล่วยไม้หยินม่วงที่กำลังส่องประกายออกมาจากแหวนของเขา กั๋วฉานถึงกับตกตะลึง เขาจ้องมองที่เจียงเฉินพร้อมทั้งปากของเขาเปิดกว้าง เขาถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเผชิญกับน้องชายคนนี้
ในอดีต เขาเชื่อว่าไม่มีใครในโลกที่สามารถได้ทุกสิ่งที่เขาต้องการ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้พบเจอเจียงเฉิน เขาเริ่มที่จะเชื่อมั่นว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นชายที่เต็มไปด้วยปาฏิหารย์
กั๋วฉานกังวลว่าเขาจะหากล้วยไม้หยินม่วงมาได้อย่างไร แต่ตอนนี้เจียงเฉินกลับมาพร้อมกับมัน นี่ไม่เพียงพิสูจน์ถึงความสามารถของเจียงเฉินเท่านั้น แต่มันยังแสดงถึงโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ที่เจียงเฉินมี
"น้องชาย เจ้านี่มันทำอะไรก็ได้จริงๆ สมุนไพรที่เหลือเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว มีที่ว่างอยู่ในห้องเตา เจ้าสามารถไปปรุงยาที่นั้นโดยไม่มีสิ่งใดรบกวนเจ้าได้"
การปรุงยาหกสุริยันนั้นแตกต่างจากการปรุงยาเบญจธาตุอย่างสิ้นเชิง ขั้นตอนมันซับซ้อนยิ่งกว่า ไม่มีเม็ดยาธรรมดาใดๆสามารถเทียบกับมันได้ หากเจียงเฉินปรุงยาขึ้นมาหนึ่งเม็ด เขาจำเป็นต้องใช้เวลาสองถึงสามวันเพื่อปรุงมัน เพียงแค่ขั้นตอนการหลอมรวมดวงจิตวิญญาณอสูรหมูป่าหนามอัคคีลงในเม็ดยาก็ยุ่งยากมากพอแล้ว
หากเป็นกั๋วฉาน ไม่เพียงแค่ไม่ทราบเวลาที่จำเป็นต้องใช้ เขายังไม่มีความสามารถที่จะปรุงเม็ดยานี่ได้ เปลวเพลิงปกติไม่สามารถทำอะไรกับดวงจิตวิญญาณอสูรของหมูป่าหนามอัคคีได้
ห้องเตาของกั๋วฉานนั้นกว้างใหญ่ยิ่งนัก มันเป็นห้องเตาที่ใหญ่ที่สุดในนิกายทมิฬ กำแพงทั้งสี่ด้านถูกปิดผนึก มันกว้างใหญ่ราวกับวัง มีลิ้นชักลับมากมายอยู่ภายในกำแพงของห้องเตา แม้ว่าลิ้นชักจะปิดอยู่ เจียงเฉินยังคงสามารถได้กลิ่นหอมของสมุนไพรจากพวกมันได้
ในนี้ สมุนไพรเกือบทั้งหมดของนิกายทมิฬถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่
พื้นของห้องเตาทำจากหินสีทอง มันดูหรูหรา ด้านบนของห้องเตา มีหน้าต่างทรงกลมทำจากคริสตัลโปร่งแสงจำนวนมากมาย หน้าต่างทรงกลมด้านบนกับพื้นสี่เหลี่ยมด้านล่างเข้ากันราวกับเป็นธรรมชาติ และตรงกลางห้องมีเตาสีทองสูงสามเมตรตั้งตระหง่านอยู่
นี่เป็นเตาที่ล้ำค่าอย่างมาก ด้วยความสามารถของกั๋วฉาน เขาไม่จำเป็นต้องใช้เตาในการปรุงยาธรรมดาทั่วไป เขาสามารถใช้พลังหยวนและพลังวิญญารวมถึงเปลวไฟ อย่างไรก็ตามหากเขาต้องการปรุงยาที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน เขาจำเป็นต้องใช้เตาในการช่วยปรุง หากมิเช่นนั้นเขาก็ไม่สามารถอดทนรอกระบวนการทังหมดของมันได้
แม้ว่าห้องเตานี้มันจะดูหรูหราและยิ่งใหญ่ สำหรับเจียงเฉินที่มีประสบการณ์มากมาย เขาเคยพบเห็นห้องเตาจำนวนมาก ห้องเตาเช่นนี้ไม่มีค่าใดๆสำหรับเขา ถึงอย่างนั้น เมื่อเขายืนอยู่ภายในมัน เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงจวนเจ้าเมืองในเมืองฟ้าหอม หากเขาเทียบกับห้องเตาในจวนเจ้าเมือง ห้องเตาที่จวนเจ้าเมืองก็ไม่ต่างอะไรกับขยะ
"ข้าสงสัยว่าพ่อข้าเป็นอย่างไรบ้าง อาณาเขตรอบเมืองฟ้าหอมสงบสุขมาก ตราบเท่าที่ยังอยู่ในการปกป้องของราชันย์อสูร ข้าไม่คิดว่าจะมีอันตรายใดๆเกิดขึ้น นอกจากนี้ข้ายังทักษะพลังหยวนแก่ท่านพ่อไปแล้ว ด้วยความสามารถและศักยภาพของเขา ข้ามั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดตอนนี้เขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้สวรรค์ได้แน่นอน"
เมื่อคิดถึงเจียงเจิ้นไห่ เจียงเฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา
กลับมาในปัจจุบัน เจียงเฉินพบสมุนไพรทุกประเภทซ้อนขึ้นนอกเตา พวกมันมีทั้งหมดสี่สิบเจ็ดชนิด และทั้งหมดจำเป็นในการปรุงยาหกสุริยัน
"กั๋วฉานยังคงเชื่อถือได้จริงๆ"
เจียงเฉินยิ่มออกมา ทันใดนั้นเขาก็ปรับพลังของเขาให้อยู่ในสภาพดีที่สุด ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาในปัจจุบันการปรุงยาหกสุริยันเขาต้องทุ่มสุดกำลัง
"มันง่ายที่จะหลอมรวมสมุนไพรทั้งสี่สิบแปดชนิดเข้าด้วยกัน ส่วนที่ยากที่สุดคือตอนที่หลอมรวมเข้ากับดวงจิตวิญญาณอสูรหมูป่าหนามอัคคี ดวงจิตวิญญาณอสูรที่จุดสูงสุดของแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางนั้นทนทานเป็นอย่างมาก เปลวเพลิงทั่วไปไม่อาจแผดเผามันได้ โชคดีที่ข้ามีเปลวเพลิงมังกรแท้จริง หากไม่มีมันข้าคงไม่สามารถปรุงยาหกสุริยันได้ หรือแม้กระทั่งได่ดวงจิตวิญญาณอสูรของมันมา"
เจียงเฉินรู้สึกโชคดีอย่างมาก เปลวเพลิงที่เขามีก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่เปลวเพลิงจากพยัคฆ์อัคคี แต่มันยังอ่อนแอมาก แต่เพียงพอสำหรับการปรุงยาขั้นมนุษย์ อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นตัวยาขั้นสูงขึ้นและซับซ้อน ยาพยัคฆ์อัคคีก็ไร้ค่า แต่เมื่อเขาได้รับเปลวเพลิงมังกรแท้จริง เปลวเพลิงนั้นสามารถเทียบได้กับการสรรสร้างของเอกภพ มันสามารถแผดเผาได้ทุกสิ่ง เขาจึงสามารถปรุงยาระดับสูงได้
"ส่งมา!"
เจียงเฉินโบกมือของเขาอย่างเรียบง่าย ภายใต้การควบคุมพลังหยวนของเขา สมุนไพรทั้งสี่สิบเจ็ดชนิด ตลอดจนกล้วยไม้หยินม่วง ลอยอยู่ตรงหน้าเขา หลังจากนั้นเจียงเฉินก็ปลดปล่อยทักษะรากวิญญาณยอดเยี่ยมออกมาทันที ด้วยสิ่งนี้เขาสามารถควบคุมสมุนไพรทุกต้นได้อย่างแม่นยำ
ฟู่..!
ตามแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย เจียงเฉินพ่นลูกไฟออกมาจากปากของเขา ทันใดนั้นลูกไฟก็ได้ระเบิดขึ้น และแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงห้อมล้อมสมุนไพรทั้งหมด
ภายใต้ความร้อนของเปลวเพลิงมังกรแท้จริง สิ่งสกปรกทั้งหมดภายในสมุนไพรได้ถูกเผาไหม้ไป แม้ว่ากระบวนการชำระล้างจะดูธรรมดา แต่มันเป็นขั้นตอนที่สำคัญไม่อาจละเลยได้ ที่น่าตกใจคือเจียงเฉินชำระล้างสมุนไพรจำนวนมากในคราวเดียว
เจียงเฉินจำเป็นต้องควบคุมอุณหภูมิของเปลวเพลิงมังกรแท้จริงด้วยทักษะรากวิญญาณยอดเยี่ยม หากอุณหภูมิสูงเกินไป สมุนไพรทั้งหมดจะแปรเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านในทันที
====================================
โปรดติดตามตอนต่อไป…………