เทพมังกรสงครามอหังการ - Dragon Marked War God ตอนที่ 185 เคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ได้สองต่อ
- หน้าแรก
- เทพมังกรสงครามอหังการ
- Dragon Marked War God ตอนที่ 185 เคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ได้สองต่อ
แปลไทยโดย Takumi Kun
ตรวจทานโดย Takumi Kun
===================================
กรงเล็บมังกรโลหิตสีชาดใหญ่โตดั่งภูเขา ทันใดนั้นมันได้กดลงมาด้วยพลังมหาศาล
ตึง!
นำมาซึ่งความประหลาดใจ หมูป่าหนามอัคคีโดนตบร่วงหล่นบนพื้น ร่างกายอันใหญ่โตของมันปะทะกับพื้น ทำให้เกิดเป็นหลุมอุกาบาตขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นมา กระบวนที่ที่เจียงเฉินได้ปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลังนั้นน่าอัศจรรย์นัก แค่เพียงกล้ามเนื้อของเขานั้นมีความแข็งแกร่งเกินกว่าสามล้านจิน และเมื่อใช้ประสานกับฝ่ามือมังกรแท้จริง ความแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น หมูป่าหนามอัคคีเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง แต่เมื่อมันไร้การป้องกันในขณะที่อยู่ในสภาพอ่อนแอ ตลอดจนได้รับบาดแผลมากมายจากการย่องประสานการโจมตีของเจียงเฉินและหวงต้า ไม่ว่ามันจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งเพียงใด ไม่มีเวลาสำหรับมันที่จะปลดปล่อยพลังภายใต้การลงมือประสานของเจียงเฉินและหวงต้า
กรรรร!
หลังจากที่โดนฝ่ามือมังกรแท้จริงไปแล้ว หมูป่าหนามอัคคียังไม่ได้แสดงสัญญาณว่าใกล้จะตาย มันยังร้องออกมาอย่างไม่รู้จบขณะที่แสงสีทองสลัวอยู่รอบตัวมัน มันเตรียมตัวที่จะปลดปล่อยความสามารถเฉพาะของมัน
"ฮึ่ม!เจ้าหมูป่าหนามอัคคี เจ้าอย่าได้ดิ้นรนโดยไร้ประโยชน์ วาระสุดท้ายของเจ้ามาถึงแล้ว!หวงต้า!"
เจียงเฉินตะโกนออกมา หลังจากคำพูดออกมาจากปากเขา หวงต้าได้ลงมือทันที ด้วยความเร็วอย่างมากและหัวของมันแข็งดั่งเพชร มันกระแทกไปยังร่างของหมูป่าหนามอัคคี
ครั้งนี้หวงต้าได้พุ่งชนไปยังท้องของหมูป่าหนามอัคคี ส่งผลให้เลือดและอวัยวะภายในไหลออกมา
"เพลิงมังกรแท้จริง จงสำแดงเดชเพื่อข้า!"
เจียงเฉินไม่อาจปล่อยโอกาสนี้ผ่านไปได้ เขาปลดปล่อยเพลิงมังกรแท้จริงจากกรงเล็บมังกรของเขา เพลิงได้ทะลวงบาดแผลหมูป่าหนามอัคคีและมันเริ่มแผดเผาร่างของมัน พวกเขาได้ลงมือซ้ำจนมันตาย พวกเขาไม่อาจปล่อยให้มันตั้งตัวได้
อูวววววว
ด้วยการลงมือของเจียงเฉินด้วยเพลิงมังกรแท้จริงและฝ่ามือมังกรแท้จริงพร้อมกัน ไม่ว่าหมูป่าหนามอัคคีจะแข็งแกร่งเพียงใด ไม่มีทางที่มันจะทนได้ อาการบาดเจ็บของมันหนักขึ้น หนักขึ้นเรื่อยๆ หวงต้าใช้หัวของมันสร้างหลุมเลือดสองหลุมไว้บนร่างของมัน และพลังชีวิตของมันอ่อนลง อ่อนลงเรื่อยๆ
เพลิงมังกรแท้จริงเป็นราชันย์ในหมู่เพลิงทั้งมวล และเมื่อประสานกับแรงกดดันของฝ่ามือมังกรแท้จริง หมูป่าหนามอัคคีทำได้เพียงกรีดร้องออกมาอย่างท่าสยดสยอง
หมูป่าหนามอัคคียังร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มันดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด….อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆ ไม่มีทางที่มันจะหนีรอดไปจากกรงเล็บมังกรของเจียงเฉินได้ ท้ายที่สุดมันตกตายด้วยการประสานการโจมตีของเจียงเฉินและหวงต้า
ตึง!
หมูป่าหนามอัคคีร่วงหล่นลงพื้น ร่างที่ไหม้เกรียมของมันในที่สุดก็ได้ได้แน่นิ่งไป (หมูย่างถูกเผา)
ราชาผู้ที่ครองเขาสายหมอกมาหลายปี มันไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งมันจะพบกับจุดจบเช่นนี้ มันไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นหน้าเหล่าผู้ที่สังหารมันอย่างชัดเจน ….นีเป็นการตายอย่างน่าอนาถโดยแท้
เจียงเฉินหดพลังของเขากลับไปและมองไปยังหวงต้า ทั้งคู่ต่างมองเห็นถึงความตื่นเต้นของกันและกันผ่านดวงตา พูดกันตามตรง ก่อนที่จะมายังเขาสายหมอก พวกเขาไม่มีความมั่นใจในการที่จะทำให้เป้าหมายประสบความสำเร็จได้ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะจัดการหมูป่าหนามอัคคีที่ทรงพลังได้อย่างไร
ตอนนี้ ด้วยความ 'ช่วยเหลือ' ของนิกายวิหารมรกต ในที่สุดเขาก็สามารถสังหารหมูป่าหนามอัคคีและนำส่วนผสมที่สามารถช่วยชีวิตหยานเฉินหยู่มาได้
"เร็วเข้า รีบๆเอาดวงจิตอสูรของมันมาได้แล้ว"
หวงต้าดันเจียงเฉิน
เจียงเฉินชี้นิ้วดั่งดาบและปลดปล่อยแสงสว่างออกมาไปเปิดกระโหลกของหมูป่าหนามอัคคี ร่างของหมูป่าหนามอัคคีทนทานอย่างมาก หากว่าผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์มาถึงหลังจากหมูป่าหนามอัคคีตกตายไปแล้ว เขาก็ไม่มีความสามารถที่จะนำดวงจิตอสูรออกจากศพได้
วิ้งงงๆๆ
ไข่มุกสีทองขนาดเท่ากับกำปั้นได้ออกมาจากกระโหลกของหมูป่าหนามอัคคี มันเป็นดวงจิตอสูรของหมูป่าหนามอัคคี ตลอดจนเป็นเป้าหมายหลักของการเดินทางครั้งนี้ของเจียงเฉินอีกด้วย ด้วยการโบกมือ เจียงเฉินได้หยิบดวงจิตอสูร ดวงจิตอสูรนี้มันอบอุ่นและมีพลังมากมายอยู่ภายใน
"ช่างเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าเสียจริง!"
เจียงเฉินยิ้มออกมาและเก็บดวงจิตอสูรไว้ในแหวนมิติของเขา ในที่สุดเขาก็สามารถวางใจได้
"คู่หู ร่างของหมูป่าหนามอัคคีเปรียบดั่งสมบัติล้ำค่า!นอกจากวิญญาณอสูรของมันแล้ว ขนของมันเองก็ล้ำค่าเช่นกัน!"
หวงต้ากล่าว สัตว์ป่าหนาดใหญ่เช่นนี้ หากว่าผู้ใดจะนำมันมาทำเสื้อเกราะ เกราะนั้นจะมีความแข็งแกร่งในการป้องกันอย่างน่าอัศจรรย์
"ฮี่ฮี่ งั้นทิ้งไว้ให้นิกายวิหารมรกตแบบนี้เถอะ พวกมันได้ช่วยพวกเราไว้เยอะครั้งนี้ พวกเราควรจะให้อะไรดีๆแก่พวกมันบ้าง"
เจียงเฉินหัวเราะซุกซน เขาไม่ได้สนใจร่างของหมูป่าหนามอัคคีมากนัก หลังจากที่ทำการบ่มเพาะด้วยทักษะร่างแปลงมังกร ร่างการของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และเกราะที่ทำจากขนของหมูป่าหนามอัคคีนั้นไร้ประโยชน์สำหรับเขา หวงต้าเองก็ไม่จำเป็นเช่นกัน แล้วร่างของมันแกร่งยิ่งกว่าร่างของหมูป่าหนามอัคคีเสียอีก
"โอ๊ะ ใช่แล้วไข่ทองคำ!"
หวงต้าตาเป็นประกาย
"ใช่แล้ว ไข่ทองคำนี่เป็นสมบัติที่แท้จริง!"
เจียงเฉินหันไปแล้วบินเข้าไปยังถ้ำด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ทันใดนั้นเขาก็กลับมาพร้อมไข่ในมือ
"ไข่ทองคำนี่มีพลังงานอันมากมายอยู่ภายใน หากข้าสามารถดูดซับมันโดยสมบูรณ์ได้ ข้าจะสามารถสร้างตราประทับมังกรได้อย่างน้อยอีกหนึ่งร้อยดวงและสามารถทะลวงผ่านเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้สวรรค์ขั้นปลายได้ และยังมีสายเลือดของหมูป่าหนามอัคคีที่สมบูรณ์อยู่ภายในไข่อีกด้วย ดังนั้นข้าสามารถที่จะได้รับความสามารถเฉพาะของหมูป่าหนามอัคคีได้อีกด้วย"
เจียงเฉินมีความสุขอย่างมาก การเดินทางไปเขาสายหมอกครั้งนี้คุ้มค่าอย่างแท้จริง ไม่เพียงแค่เขาสามารถบรรลุเป้าหมายหลักของเขาได้และได้รับวิญญาณอสูรของหมูป่าหนามอัคคี เขายังได้รับไข่ทองคำมากอีกด้วย นี่เป็นการได้ถึงสองต่อในการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
"คู่หู เจ้าเป็นบุรุษที่เกิดมาพร้อมโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ และไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใด โชคชะตาจักติดตามเจ้าไป ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าไม่อาจทำไม่สำเร็จได้ ข้าไม่คิดว่าหนานเป่ยเฉาสามารถเทียบได้กับเจ้า"
หวงต้าพูดด้วยท่าทางที่มั่นใจในตัวของเจียงเฉิน โชคชะตาไม่อาจจับต้องได้ มันเป็นสิ่งลึกลับและไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ด้วยการกำเนิดใหม่ดั่งที่เขาทำ เจียงเฉินมีโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่และด้วยการบ่มเพาะด้วยทักษะร่างแปลงมังกรทำให้โชคชะตาของเขายิ่งใหญ่ยิ่งกว่าเก่า การพบเจอสิ่งต่างๆตลอดการเดินทางของเขาได้พิสูจน์มันแล้ว
การเดินทางมายังเขาสายหมอกนั้นแสดงให้เห็นว่าเจียงเฉินมีโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ การที่ได้รู้ว่าเป็นไข่ทองคำนั้นทำให้เจียงเฉินใช้โอกาสนี้ในการใช้งานนิกายวิหารมรกต และเป็นหนทางเดียวที่จะมีโอกาสที่จะสังหารหมูป่าหนามอัคคี โชคชะตาที่ต้องเผชิญเช่นนี้ จะมีผู้ใดไม่อาจมั่นใจได้?
"ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่! เมื่อออกจากเขาสายหมอกแล้วกลับไปยังนิกายทมิฬกันเถอะ"
หลังจากพูดจบเจียงเฉินก็กระโจนขึ้นฟ้าไปด้วยกันกับหวงต้า พวกเขาบินไปยังทางออกของเขาสายหมอก
ภายนอกเขาสายหมอก ตอนที่เจียงเฉินและหวงต้ากำลังไปยังทางออกของภูเขา ทันใดนั้นพวกเขาได้ยินเสียงตะโกนออกมา
"ไอ้สารเลวเจียงเฉิน หยุดอยู่ตรงนั้น!"
เสียงตะโกนดังดั่งฟ้าผ่า มันราวกับว่าคนผู้นั้นตะโกนออกมาอย่างเจ็บแค้นจากความกราดเกรี้ยวอย่างมาก เจียงเฉินและหวงต้าหันมา ทันใดนั้นพวกเขาพบหลิวหงและชายชราอีกสองคนกำลังทะยานมาหาพวกเขาด้วยความกราดเกรี้ยวอย่างมาก
"ฮ่าฮ๋าฮ๋า!"
เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดตามมา เจียงเฉินและหวงต้าระเบิดหัวเราะออกมาทันที
การหัวราะของเจียงเฉินเหมือนเอาน้ำมันไปราดกองเพลิง ทั้งสามได้กู่ร้องออกมาทันที และดูเหมือนว่าพวกมันจะฉีกทั้งสองให้เป็นชิ้นๆ
"สารเลว!พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงใส่ร้ายพวกข้า?! เจ้าสมควรตายพันครั้ง!"
หลิวหงตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
"ฮ่าฮ๋า!ข้าต้องขอบคุณท่านผู้อาวุโสหลิวหงสำหรับความช่วยเหลือ ขอบคุณมาก!"
เจียงเฉินประสานมือแก่หลิวหง หลังจากนั้นเขาวางมือบนหัวของหวงต้าและพูดว่า "เจ้ามันเป็นหมาอกตัญญูเสียจริง รีบๆพูดในสิ่งที่เจ้าคิดต่อผู้มีพระคุณของพวกเราหน่อย!"
ในที่สุดหวงต้าก็ได้สติ มันรีบหันหัวไปยังทั้งสาม และขณะที่ผงกหัวแล้วพูดว่า "พวกข้าจะไม่ลืมการกระทำที่น่ายกย่องของท่าน ก๊ะก่ะก่ะ!"
อ๊าาาาาาาาก!
หวงหงทุบอกตัวเองและกระทืบเท้า มันไม่อาจทนได้อีก และมันตะโกนออกมาด้วยความกราดเกรี้ยวอย่างมาก มันรู้สึกเหมือนสำลักความโกรธตนเอง และรู้สึกเหมือนจะกระอักเลือด
นี่มันโกรธแล้ว มันโกรธอย่างมาก! เจ้าสารเลวทั้งสองพยายามที่จะสังหารมันด้วยการยั่วโมโหมัน?ไม่มีผู้ใดเทน้ำมันลงบนกองไฟเช่นนี้
"ฆ่า ฆ่า ฆ่า!ข้าจักฆ่าพวกเจ้าทั้งคู่!ข้าจะแร่หนังของเจ้าและฉีกเส้นเอ็น ข้าจะขยี้กระดูกทุกชิ้นในร่างของเจ้า!"
หลิวหงปกคลุมด้วยเพลิงแห่งความโกรธ ดาบได้ปรากฎขึ้นที่มือของมันทันที มันปลดปล่อยพลังหยวนทั้งหมดออกมาระลอกคลื่นได้กวาดผ่านทั่วบริเวณ ทันใดนั้นมันพุ่งมาหาเจียงเฉินและหวงต้าด้วยการลงมือที่ดุดัน ชายชราอีกสองคนก็กราดเกรี้ยวเช่นเดียวกันและพวกเขานำยุทธภัณฑ์ออกมาและตามหลิวหงไป
"ฮ่าฮ่า มันอารมณ์เสียแล้ว!"
หวงต้าหัวเราะออกมาอย่างสะใจ โดยไม่ให้มันมากเกิน
"ช้าไม่ได้คิดจะสู้กับท่านผู้อาวุโสหลิวตอนนี่หรอก ดังนั้นข้าจะมาเพื่อบอกลาพวกเจ้า อย่าได้กังวลไปด้วยโชคชะตาจะนำพาพวกเราได้พบกันภายหน้า"
เจียงเฉินโบกมือให้หลิวหงผู้ที่กำลังพุ่งมาหาเขาด้วยความเร็วอย่างมาก ในเวลาเดียวกันเขากางปีกโลหิตและด้วยกันกับหวงต้า พวกเขาบินไปด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ
"ไล่ตามพวกมันไป วันนี้ข้าจักต้องฆ่าพวกมันให้ได้!"
ดวงตาทั้งคู่ของหลิวหงแดงก่ำ มันไม่เคยเกลียดชังผู้ใดมากขนาดนี้ มันไม่เคยที่จะโกรธเกรี้ยวผู้ใดจนอยากที่จะฆ่า ผู้อาวุโสนิกายทั้งสามต่างเร่งความเร็วเต็มที่และไล่ตามเจียงเฉินและหวงต้าไป
"หวงต้า ทิ้งห่างพวกมันเถอะ"
เจียงเฉินได้สิ่งที่เขาตามหามาแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นที่เขาจะต้องไปตอแยกับนิกายวิหารมรกตอีก นอกจากนี้ พลังยุทธของเขาในตอนนี้ไม่สามารถที่จะมีชัยเหนือหลิวหงได้ แม้ว่าไม่อาจมีชัยได้ในด้านของพละกำลัง ในด้านของความเร็ว กระทั้งหลิวหงมีสองคนก็ไม่อาจไล่ตามเจียงเฉินและหวงต้าทันได้
ฟ้าว………….
ปีกโลหิตของเขากระพืออย่างรวดเร็ว และใช้ร่วมกับเคลื่อนย้ายมิติ เขาเป็นเหมือนอุกาบาตและอีกด้านหนึ่งปีกแสงคู่หนึ่งออกมาจากหลังของหวงต้า มันบินเคียงข้างเจียงเฉินและทันใดนั้น พวกเขาได้ทิ้งห่างหลิวหงและชายชราอีกสองคนไว้เบื้องหลัง
หลิวหงและชายชราอีกสองคนไล่ตามอย่างบ้าคลั่งหลายร้อยไมล์ แต่ท้ายที่สุดพวกมันก็หยุดไล่ตาม พวกมันไม่เห็นแม้แต่เงาของเป้าหมาย แล้วจะให้ไล่ตามอะไร?พวกมันไม่เห็นกระทั่งฝุ่นที่ทิ้งให้พวกมัน
"ผู้อาวุโสนิกายหลิว พวกมันหนีไปได้"
ชายชรากล่าวอย่างเดือดดาล
"พวกเจ้าเห็นหรือไม่?พวกมันตรงไปยังแคว้นฉี!บางทีพวกมันอาจมาจากแคว้นฉีก็เป็นได้!"
หลิวหงกล่าว
"ไม่มีชายหนุ่มที่แข็งแกร่งอย่างมันอยู่ในแคว้นเฉวียน หากเป็นคนเช่นเขา จนถึงตอนนี้มันคงมีชื่อเสียงไปแล้ว และพวกเราจักต้องรู้ว่ามันเป็นใคร"
ผู้อาวุโสนิกายอีกคนหนึ่งกล่าว
"ไปกันเถอะ พวกเรากลับไปยังนิกายและรายงานท่านผู้นำนิกาย จากนั้นพวกเราจะจับผู้ที่พบปะกับเจียงเฉินและสอบถามพวกมัน หากชายผู้นั้นไม่ได้เป็นคนของแคว้นเฉวียน พวกเราจักตรงไปยังแคว้นฉีและหามัน พวกเราไม่อาจปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ หากพวกเราไม่อาจฆ่ามันและหมานั่นได้ พวกเราทั้งสามไม่อาจที่จะอยู่อย่างสงบสุขในแคว้นเฉวียนได้ และชื่อเสียงของพวกเราจะป่นปี้หมด"
หลิวหงขบฟันขณะที่พูด เมื่อพวกมันไม่อาจไล่ตามเจียงเฉินได้ทัน พวกมันต้องกลับไปมือเปล่า
สำหรับนิกายวิหารมรกต การที่จะค้นหาผู้ที่เคยพบกับเจียงเฉินนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดาย มันทำให้หลิวหงใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวันในการที่มันจะพบทุกคนที่อยู่ด้านนอกเขาสายหมอกในวันที่เจียงเฉินมาถึง รวมถึงชายที่เจียงเฉินถามข้อมูลด้วย
เพราะว่าชายคนนั้นทำให้หลิวหงพบว่าเป็นครั้งแรกที่เจียงเฉินมายังแคว้นเฉวียน แล้วเมื่อเจียงเฉินและหวงต้าบินตรงไปยังแคว้นฉี มันจึงสรุปได้ว่าเจียงเฉินและเจ้าหมานั่นมาจากแคว้นฉีจริงๆ
ดังนั้นทั้งสามจะไปยังแคว้นฉีด้วยตนเอง และการนำผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ไปสมทบเพิ่มขึ้น พวกมันสาบานว่าจะตามหาเด็กหนุ่มนามเจียงเฉิน นี่เป็นความอัปยศอย่างมากสำหรับนิกายพวกมันและตัวพวกมันเองด้วย มันจักต้องหาชายหนุ่มผู้นี้และหมา หากไม่เช่นนั้น ชื่อเสียงของนิกายจะได้รับผลกระทบอย่างมาก
ช่วงบ่ายแก่ๆในวันรุ่งขึ้น เจียงเฉินและหวงต้าได้ปรากฎขึ้นเหนือน่านฟ้านิกายทมิฬ จากนั้นพวกเขาลงไปยังยอดเขาของกั๋วฉาน
******************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป………….