เทพมังกรสงครามอหังการ - Dragon Marked War God ตอนที่ 184 การประสานการโจมตีอันทรงพลัง
- หน้าแรก
- เทพมังกรสงครามอหังการ
- Dragon Marked War God ตอนที่ 184 การประสานการโจมตีอันทรงพลัง
แปลไทยโดย Subaru Kyun
ตรวจทานโดย Subaru Kyun
====================================
เมื่อเผชิญกับความโกรธที่น่าชิงชัง ใบหน้าของหลิวหงกับผู้อาวุโสอีกสองคนแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วง หากมีรอยแตกปรากฏขึ้นบนพื้นข้างหน้า พวกมันคงมุดเข้าไปอย่างไม่ลังเล
นี่เป็นเรื่องน่าอัปยศอดสูอย่างแท้จริง มันน่าอับอายจนพวกมันอยากฆ่าตัวตายเสียตรงนั้น
หลังจากที่ใช้ชีวิตมานาน พวกมันจบลงด้วยการถูกหลอกจากชายหนุ่มและหมา คำดูถูกที่เกิดจากเหตุการณ์นี้สามารถทำให้ทั้งสามไม่อาจลืมเลือนได้ นับแต่นี้ไปทั้งสามสูญเสียหน้าตาทั้งหมดของพวกมันในนิกายวิหารมรกต
"ท่านผู้นำนิกาย ได้โปรดลงทัณฑ์ข้า ข้าเป็นคนนำหมูป่าหนามอัคคีมาที่นี่แต่เพียงผู้เดียว อีกสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย"
หลิวหงขบฟันแน่นขณะพูดออกมา ในช่วงสำคัญนี้มันยังคงแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมด นี่ทำให้ชายแก่อีกสองคนประทับใจในเกียรติของเขาอย่างแท้จริง
"ท่านผู้นำนิกาย ตอนที่ชายหนุ่มคนนั้นเอาไข่ทองคำออกมา พวกเราทั้งสองก็อยู่ที่นั่นด้วย เช่นนี่นความรับผิดชอบนั่นไม่ควรเป็นของผู้อาวุโสหลิวแต่เพียงผู้เดียว พวกเรามีตา หามีแววไม่ พวกเราไม่สามารถบอกได้ว่าไข่ทองคำนั่นมีลูกหมูป่าหนามอัคคีอยู่ นั่นเป็นเหตุว่าทำไมเจ้าหนุ่มนั่นถึงสามารถหลอกพวกเราได้อย่างง่ายดาย"
ผู้อาวุโสอีกคน กระโดดเข้ามาในวงสนทนา และอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คำพูดของมันได้ดึงดูดการด่าว่าจากชิงฉื่อ แม้แต่หลิวหงกับชายแก่อีกคนจ้องมองที่มันด้วยความโกรธ บัดซบ เจ้าแก่โง่นี่ หากเจ้าไม่รู้จะพูดอะไร ก็หุบปากไปซะ!
"บัดซบ เจ้าหมายความว่าข้ามีตาหามีแววไม่ด้วยงั้นหรือ และยังไม่สามารถบอกได้ถึงแหล่งกำเนิดของไข่ทองคำใช่หรือไม่? ข้ารู้สึกถึงพลังงานที่คุ้นเคยจากไข่ทองคำนั่น แต่ว่าข้าถูกคำพูดของพวกเจ้าหลอก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงไม่สนใจที่จะตรวจสอบมันอีก!"
ชิงฉื่อตะโกนออกมาเสียงดัง ส่งผลให้ชายแก่ถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อที่เย็นเฉียบ ตอนนี้มันรู้ว่าคำพูดของมันไม่เหมาะสม เพราะว่าตัวชิงฉื่อเอง ยังไม่สามารถบอกได้ว่าไข่ทองคำนี่คือลูกหมูป่าหนามอัคคี เช่นนั้นเมื่อมันพูดว่ามีตาหามีแววไม่ มันได้บอกเป็นนัยว่าชิงฉื่อเป็นเช่นเดียวกับพวกมัน
หลิวหงและชายแก่อีกคนถอนหายใจในใจของพวกมัน ดูเหมือนว่าเจ้าแก่โง่นี่ไม่ใช่แค่เพียงมีตาหามีแววไม่เท่านั้น แต่มันยังโง่งมอีกต่างหาก เป็นปาฏิหารย์จริงๆที่มันอยู่รอดมาได้ถึงอายุปูนนี้ และเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ได้
"ข้าต้องขออภัย ท่านผู้นำนิกาย ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น"
ชายแก่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของมันและรีบอธิบาย
"พอแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของพวกเจ้าทั้งหมด ต้นเหตุคือชายหนุ่มนั่นต่างหาก"
ชิงฉื่อโบกมือของมัน
เมื่อชายหนุ่มชุดขาวกับหมาสีเหลืองถูกกล่าวขึ้น ทันใดนั้นหลิวหงกับชายแก่สองคนก็กราดเกรี้ยวขึ้นมา เปลวเพลิงโทสะในดวงตาของพวกมันสามารถแผดเผาอากาศตรงหน้าพวกมันได้อย่างแท้จริง
"ท่านผู้นำนิกาย ข้าไม่คิดว่าเจ้าหนุ่มนั่นจะหลบหนีไปได้ไกล! ข้าจะจับตัวมันและพามันกลับมาที่นี่"
หลิวหงพูดออกมาอย่างชั่วร้าย
"ก็ได้ ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าชดใช้ความผิด นำชายหนุ่มนั่นกลับมาที่นี่ ข้าต้องการให้มันชดใช้สิ่งที่นิกายวิหารมรกตสูญเสียไปทั้งหมด ! เจ้าหมานั่นก็ด้วย"
ชิงฉื่อรู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างมาก หนึ่งในนิกายใหญ่ในแคว้นเฉวียน อย่างนิกายวิหารมรกตที่เกรียงไกรและเป็นนิกายที่ได้รับความนับถือ ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน วันนี้พวกมันได้รับความสูญเสียมากมาย และรากฐานของพวกมันเกือบจะสั่นคลอน หากพวกมันจับคนร้ายไม่ได้ ชื่อเสียงของนิกายวิหารมรกตต้องหมดสิ้น และพวกมันคงยากที่จะครองอำนาจต่อไปไว้ได้
"รับทราบ!"
หลิวหงกับชายแก่อีกสองคนที่คุกเข่าอยู่ยืนขึ้นในทันที นี่เป็นโอกาสเดียวของพวกมันที่จะชดใช้ความผิด ไม่ว่ายังไง ต้องจับชายหนุ่มกับหมา สับพวกมันทั้งคู่เป็นชิ้นๆเป็นทางเดียวที่จะระงับความโกรธไว้ได้
"ท่านผู้นำ หมูป่าหนามอัคคีเกลียดชังพวกเรา และมันห้ามคนจากนิกายเราเข้าไปยังหุบเขาสายหมอก ส่งผลให้เราเสียสถานที่ฝึกดีๆสำหรับศิษย์ระดับต่ำ"
หลังจากที่ชายแก่ทั้งสามออกไปจากห้องโถง หนึ่งในผู้อาวุโสก็ได้พูดออกมา
"ใช่แล้ว ท่านผู้นำ เราต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่หากเราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในหุบเขาสายหมอก นั่นเป็นเพราะเหตุการณ์ในวันนี้ หมูป่าหนามอัคคียังแค้นใจและเห็นเราเป็นศัตรูอยู่เช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่าศิษย์ระดับต่ำจะสามารถเข้าไปยังหุบเขาสายหมอกได้อีกต่อไป"
"ฮึ่ม ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น ข้าไม่ยอมให้ทรัพยากรในหุบเขาสายหมอกต้องเสียเปล่าเป็นแน่! นอกจากนี้ นี่ยังเป็นโอกาสดีที่จะได้ครอบครองหุบเขาสายหมอกโดยสมบูรณ์อีกด้วย!"
ชิงฉื่อแค่นเสียง และก็ยิ้มเยาะออกมา
"ท่านผู้นำนิกาย ท่านมีความคิดใดๆงั้นหรือ?"
ผู้อาวุโสทั้งหมดต่างรู้สึกยินดียิ่ง
"ถูกแล้ว ระหว่างการต่อสู้ หมูป่าหนามอัคคีได้ผลาญพลังชีวิตเพื่อแลกกับพลังงานมหาศาล หลังจากที่มันทำเช่นนั้นไม่นาน มันก็จะเข้าสู่สภาวะอ่อนแอ ระหว่างนั้น หมูป่าหนามอัคคีที่ทรงพลังก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป มันไม่ใช่เสือที่ดุร้าย แต่เป็นแกะเชื่องๆเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ข้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ครั้งนั้นเช่นกัน ข้าจำต้องใช้เวลาพักฟื้นสองวัน ความแข็งแกร่งของข้าจึงจะกลับมา จากนั้นข้าจะไปยังหุบเขาสายหมอกและสังหารหมูป่าหนามอัคคีลงซะ ดวงจิตวิญญาณอสูรกับลูกของมันทั้งสองอย่างเป็นสมบัติล้ำค่า หากข้าสามารถได้ทั้งสองอย่างมา ข้าจะสามารถทะลวงคอขวดที่ทำให้ข้าต้องใช้เวลากว่าสิบปีในการทะลวงเข้าสู้ขอบเขตจิตวิญญาณยุทธได้"
ชิงฉื่อหัวเราะอย่างชั่วร้ายพร้อมทั้งจินตนาการแผนของมัน
"ยอดเยี่ยม นี่มันยอดเยี่ยมเหลือเกิน นี่เป็นโอกาสดีที่จะสังหารหมูป่าหนามอัคคี! หากท่านผู้นำนิกายสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณยุทธได้ ท่านก็จะเป็นผู้เชี่ยวชาญจิตวิญญาณยุทธคนแรกในแคว้นเฉวียน! เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราก็จะสามารถล้างบางนิกายอื่นทั้งหมดในแคว้นเฉวียนลงได้และควบคุมพวกมันทั้งหมด หลังจากนั้นแคว้นเฉวียนก็จะเหมือนกับแคว้นใหญ่แคว้นอื่น ได้รับความสนใจจากเซัยนยุทธแห่งยุค"
"ถูกแล้ว แคว้นเฉวียนเป็นแคว้นระดับต่ำในทวีปตะวันออก จึงไม่มีผู้เชี่ยวชาญจิตวิญญาณยุทธอยู่แม้แต่คนเดียว นั่นเป็นเหตุว่าทำไมพวกเราถึงถูกปฏิเสธมาโดยตลอด เมื่อท่านผู้นำทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณยุทธ เซียนยุทธแห่งยุคต้องให้ความสนใจผู้เชี่ยวชาญจิตวิญญาณยุทธเป็นแน่!"
หลังจากที่ได้ยินชิงฉื่อพูดว่าจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณยุทธได้ ผู้อาวุโสทั้งหมดรู้สึกปิติยินดีพร้อมกับความตื่นเต้นที่พรั่งพรูออกมา พวกมันได้วาดฝันอนาคตของนิกายวิหารมรกตภายในใจของพวกมัน
หากให้ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดรวมพลังกัน หลบซ่อนอยู่ในหุบเขาสายหมอก และรอจนกระทั่งหมูป่าหนามอัคคีเข้าสู่สภาวะอ่อนแอ พวกมันก็จะสามารถสังหารมันได้ และแม้แต่เจียงเฉินก็ไม่อาจหยุดพวกมันได้ หากเป็นเช่นนั้น ความฝันของพวกมันทั้งหมดก็จะกลายเป็นจริง
น่าเสียดายที่หมูป่าหนามอัคคีเพิ่งออกจากที่แห่งนี้ และตอนนี้ไม่มีใครกล้าพอที่จะเข้าไปยังหุบเขาสายหมอก พวกมันจึงทำได้แค่เพียงรอผู้นำนิกายของมันฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกมันไม่รู้ก็คือใครบางคนจะมาจัดการมันก่อนพวกมัน
ในใจกลางหุบเขาสายหมอก หมูป่าหนามอัคคีได้วางไข่ทองคำอย่างระมัดระวังกลับเข้าไปในถ้ำ หลังจากนั้น มันก็ออกมานอนลงในสถานที่มันนอนหลับเสมอ จากที่ดูมัน ใครก็สามารถบอกได้ว่ามันอ่อนล้ามากเพียงใด ดวงตาของมันมัวหมอง และเพียงไม่กี่อึดใจมันก็เข้าใส่สภาวะหลับลึก มันไม่ได้เอะใจว่าไม่ไกลจากมันมีคนกับหมาเร้นกายและซ่อนตัวอยู่
เจียงเฉินและหวงต้ายังคงนอนลงอยู่ในจุดเดียวกันในใจกลางของหุบเขา พวกเขาจ้องมองไปที่หมูป่าหนามอัคคีโดยไม่แม้แต่กระพริบตา ในตอนนี้ร่างกายของหมูป่าหนามอัคคียังคงปกคลุมไปด้วยแสงสีแดงโลหิต นั่นหมายความว่าเวลาที่มันอ่อนแออย่างแท้จริงยังคงมาไม่ถึง
เจียงเฉินมีความอดทนมากเป็นพิเศษ เขาได้รอคอยมาแล้วหลายวัน และจึงไม่เป็นอะไรที่เขาจะรอต่ออีกเล็กน้อย ตอนนี้พวกเขายังไม่มีทางที่จะโจมตีมันได้ สภาวะอ่อนแอยังมาไม่ถึง และหมูป่าหนามอัคคียังแข็งแกร่งกว่าพวกเขา หากพวกเขาลงมือตอนนี้ นั่นมันก็ไม่ค่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย
"ข้าคาดว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงก่อนที่สภาวะอ่อนแอจะมาถึง"
หวงต้า พูด
"ใช้แล้ว รอให้เวลานั้นมาถึง จากนั้นพวกเราก็จู่โจมและสังหารมัน"
เหตุผลที่เจียงเฉินมายังหุบเขาสายหมอกก็เพื่อการนี้ ด้วยความ 'ช่วยเหลือ' จากนิกายวิหารมรกต เจียงเฉินจึงสามารถบรรลุเป้าหมายของเขาได้เร็วที่สุดที่ทำได้
ชั่วโมงผ่านไป แสงสีแดงโลหิตที่ปกคลุมร่างกายของหมูป่าหนามอัคคีได้หายไปโดยสมบูรณ์ แม้แต่สีทองบนร่างกายของมันก็ได้เลือนหายไป เจียงเฉินและหวงต้าสามารถบอกได้ว่าหมูป่าหนามอัคคีเหนื่อยล้าอย่างมาก และพลังงานจากแหล่งกำเนิดของมันก็อ่อนแอในที่สุด
"หมูป่าหนามอัคคีเข้าสู่สภาวะอ่อนแอแล้ว"
ดวงตาของหวงต้าส่องประกายขึ้นมา เพียงแค่หมูป่าหนามอัคคีเข้าสู่สภาวะอ่อนแอ หมูป่าหนามอัคคีก็ตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ที่สุด มันไม่สามารถใช้พลังได้มากกว่าหนึ่งในร้อย มันอ่อนแอลงอย่างมาก ตอนนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นก็สามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดาย
จิตวิญญาณของเจียงเฉินนั้นลุกโชน ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง และท่าทีของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง มันอาจพูดได้ว่าอูฐตายนั้นยิ่งกว่าม้าที่มีชีวิต ดังนั้นแม้หมูป่าหนามอัคคีจะเข้าสู่สภาวะอ่อนแอ เขายังคงไม่สามารถประมาทได้
"หวงต้า เจ้าพุ่งไปหาหมูป่าหนามอัคคีและโจมตีมันจากด้านหน้า ขณะที่ข้าจะลอบโจมตีมันจากด้านหลัง เราต้องลงมือเต็มกำลังสังหารมันเพียงครั้งเดียว และไม่เปิดโอกาสให้มันโต้ตอบได้ ข้าไม่รู้ว่ามันจะมีความสามารถสุดยอดอื่นๆอีกหรือไม่"
เจียงเฉินหรี่ตาของเขาแล้วพูดออกมาคำต่อคำ เขาวางแผนล่วงหน้าเสมอ ครอบคลุมฐานทั้งหมดก่อนที่จะลงมือ เขาไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดขึ้น แม้ว่าหมูป่าหนามอัคคีจะเข้าสู่สภาวะอ่อนแอ สัตว์อสูรอย่างมันยังคงมีทักษะที่สั่นสะเทือนพื้นดินโดยมันสามารถใช้ได้หากชีวิตของมันถูกคุกคาม
ดังนั้น เจียงเฉินจึงไม่ต้องการให้หมูป่าหนามอัคคีมีโอกาสที่จะต่อสู้ เจียงเฉินต้องการสังหารมันในครั้งเดียว
"ตกลง"
หวงต้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แสงสีทองเจิดจ้าปกคลุมร่างกายของมัน ทันใดนั้นมันได้พุ่งไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า สัญลักษณ์ลึกลับได้ปรากฏขึ้นบนหัวที่แข็งราวกับเหล็กกล้าของมันก่อนที่จะกระแทกเข้ากับหัวของหมูป่าหนามอัคคี
ฟิ้ววว!
ทันใดนั้นหมูป่าหนามอัคคีที่นอนหลับได้เปิดตาของมันขึ้น ความรู้สึกที่อันตรายอย่างมากได้เกิดขึ้นในใจของมัน มันไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีใครเสี่ยงซ่อนตัวอยู่ใกล้มัน
แต่น่าเสียดาย ที่หวงต้ารวดเร็วอย่างมาก ราวกับสายฟ้าฟาด แม้หมูป่าหนามอัคคีจะรู้สึกตัวในเวลาวิกฤติเช่นนี้ แต่มันก็ไม่สามารถหลบการโจมตีของหวงต้าได้
เปรี่ยงง…!
หัวของหวงต้ากระแทกเข้ากับหัวของหมูป่าหนามอัคคี เพราะว่ามันไม่ทันป้องกันตัว แถมยังอยู่ในสภาวะอ่อนแอจึงไม่อาจต้านทานการกระแทกที่ทรงพลังของหวงต้าได้
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าหัวของหวงต้าสามารถทำให้ยุทธภัณฑ์ขั้นกลางแตกกระจายได้
ร่างกายอันใหญ่โตของหมูป่าหนามอัคคีกระเด็นไปด้านหลังเป็นเส้นตรง ในเวลาเดียวกัน มันกรีดร้องอย่างหวาดผวาบนท้องฟ้า หัวที่ใหญ่โตของมันเป็นหลุมเลือดขนาดใหญ่ที่ได้รับจากการโจมตีที่รุนแรงของหวงต้า เลือดและสมองของมันสามารถมองเห็นได้จากหลุมนั่น มันเป็นแผลร้ายแรงมาก
หัวของหวงต้าเป็นอาวุธไร้เทียมทาน หากใช้มันลอบโจมตีผู้คนก็จะสามารถสังหารใครก็ได้ในทันที
แม้ว่ามันจะบาดเจ็บสาหัส หมูป่าหนามอัคคียังคงไม่ตายในเร็วๆนี้ สายเลือดของมันแข็งแกร่ง แม้มันจะอยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุด แถมยังบาดเจ็บสาหัส แต่มันยังสามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้ สัตว์อสูรดุร้ายเช่นนี้น่ากลัวที่สุดในตอนที่มันดิ้นรนในการมีชีวิตของมัน
โฮก..!
หมูป่าหนามอัคคีปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงโทสะอีกครั้ง การลอบจู่โจมราชันย์อสูรในฐิ่นของมันเช่นนั้นรึ? นี่มันไม่อาจทนได้อีก มันรู้สึกศักดิ์ศรีของมันกำลังถูกท้าทาย
หลังจากที่หมูป่าหนามอัคคีเตรียมโต้ตอบกลับ เสียงระเบิดก็ดังขึ้นเหนือหัวของมัน วินาทีต่อมา มันก็เห็นกรงเล็บมังกรสีแดงโลหิตกดทับมันราวกับแรงกดดันของขุนเขา
====================================
โปรดติดตามตอนต่อไป………………….