เทพมังกรสงครามอหังการ - Dragon Marked War God ตอนที่ 179 ความกราดเกรี้ยวของหมูป่าหนามอัคคี
- หน้าแรก
- เทพมังกรสงครามอหังการ
- Dragon Marked War God ตอนที่ 179 ความกราดเกรี้ยวของหมูป่าหนามอัคคี
เป็นไปตามคาด หลังจากที่พวกเขาได้ฟังสิ่งที่เจียงเฉินพูด ท่าทีของหลิวหงกับผู้อาวุโสอีกสองคนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด พวกมันมองไปที่ไข่ทองคำอย่างหลงใหล ไม่อาจละสายตาออกจากมันไปได้โดยง่าย
"ชายคนนี้มีความสามารถพอที่จะจัดการผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้น แถมก่อนหน้านี้ยังได้สังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นอีก ชายหนุ่มผู้นี้มีความแข็งแกร่งถึงเพียงใดกัน? ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะเป็นเพราะสมบัตินี่"
หลิวหงถูกล่อลวงเข้าอย่างจัง สี่วันก่อนมันได้เป็นสักขีพยานที่เจียงเฉินสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้น ยิ่งไปกว่านั้นเจียงเฉินยังดูเยาว์วัย เขาเป็นแค่คนหนุ่มเท่านั้น หากว่าเขาไม่พบสิ่งที่พิเศษ เขาคงไม่แข็งแกรงถึงเพียงนี้เป็นแน่ ดังนั้นพวกมันทั้งสามจึงไม่ได้สงสัยในสิ่งที่เจียงเฉินพูดแม้แต่น้อย
"สมบัตินี้มันต้องเกิดขึ้นจากธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมเป็นแน่! บางทีมันอาจเป็นมรดกตกทอดมาจากยุคโบราณ! มีพลังงานอัดแน่นอยู่ภายในนี้จำนวนมาก เจ้าหนุ่มนี่มันโชคดีจริงๆ! แค่ดูดซับพลังงานจากมันเพียงเล็กน้อย มันก็ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้สวรรค์ได้ และจากนั้นสิบวัน มันก็ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้สวรรค์ขั้นกลาง ! นี่มันยากที่จะพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ มันเป็นเพราะสมบัตินี่อย่างแน่นอน"
ผู้อาวุโสอีกคนคิดในใจของมัน
"การที่ชายหนุ่มมีสมบัติหายากนี่มันช่างเสียเปล่าเสียจริง ! หากข้าได้ดูดซับพลังงานภายในไข่นี่ ข้าต้องทะลวงคอขวดและเข้าสู่แก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางได้แน่"
ชายแก่อีกคนไม่สามารถละสายตาที่หลงใหลออกจากไข่ทองคำไปได้
"มันเป็นสมบัติหายากของแท้! ด้วยสมบัตินี้ ความแข็งแกร่งของนิกายวิหารมรกตจะต้องยกระดับขึ้น และในเวลานั้น พวกเราก็จะสามารถพิชิตได้ทั่วทั้งแคว้นฉี!"
ท่าทีประหลาดใจด้วยความสุขเติมเต็มบนใบหน้าของหลิวหง
ชายแก่ทั้งสามต่างถูกดึงดูดความสนใจโดยไข่ทองคำ หรือว่า พวกมันถูกล่อลวงจากคำพูดของเจียงเฉิน แต่ความจริง ไข่ของหมูป่าหนามอัคคีไม่ได้ให้ประโยชน์มากขนาดนั้น อย่างมาก มันก็เป็นเพียงสิ่งที่มีพลังงานจำนวนมากข้างในเท่านั้น แต่หลังจากที่เจียงเฉินปรับแต่งมันไข่ทองคำถึงได้เป็นสิ่งที่พิเศษเช่นนี้
สมบัติที่สามารถทำให้ผู้คนทะลวงผ่านแก่นแท้สวรรค์ขั้นกลาง จากแก่นแท้มนุษย์ขั้นสูงสุดมันยากที่จะพบเจอ อีกทั้งชายทั้งสามไม่รู้จักไข่ของหมูป่าหนามอัคคี ดังนั้นพวกมันทั้งหมดจึงเชื่อในคำพูดของเจียงเฉิน
พวกมันไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้จะเป็นของสำคัญของหมูป่าหนามอัคคี ในความคิดของพวกมัน ไม่มีใครกล้าแตะต้องสิ่งใดๆของหมูป่าหนามอัคคี หากชายหนุ่มแล้วเจ้าหมานั่นกล้าทำเช่นนี้ ป่านนี้ทั้งสองคงตายไปแล้ว
"สมบัตินี้คือลมหายใจของชีวิตข้าข้าน้อย ไม่ว่าสมบัติจะดีมากเพียงใดแต่มันไม่อาจเทียบได้กับชีวิตข้าน้อยได้ เช่นนั้น ข้าน้อยขอมอบสิ่งนี้แทนคำขออภัยต่อนิกายวิหารมรกต ข้าน้อยหวังว่าท่านผู้อาวุโสจะไว้ชีวิตข้าน้อย ส่วนเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสที่ตายไป ข้าน้อยทำได้แค่เพียงขออภัย ไม่มีทางที่คนที่ตายแล้วจะกลับมาเดินได้อีก เฮ้อ…ทั้งหมดเป็นเพราะข้า ข้าน้อยไม่ยั้งคิดแท้ๆ"
เจียงเฉินโค้งหัวของเขาลงด้วยสีหน้าที่โศกเศร้าและขมขื่น เขาได้แสดงการขออภัยที่จริงใจเป็นอย่างมาก
"ฮึ่ม! ทิ้งสมบัติไว้ด้านหลังซะ และเจ้าเตรียมตัวตายไปได้แล้ว!"
ชายแก่อีกคนแค่นเสียงอย่างเย็นชาและขู่กรรโชกเจียงเฉิน
"ข้าน้อยมาเพื่อแสดงความจริงใจ ข้าน้อยแค่เพียงต้องการจากไปทั้งยังมีชีวิตอยู่ หากท่านทั้งสามคิดว่าความจริงใจของข้าน้อยยังไม่เพียงพอ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ข้าน้อยแค่ทำลายสมบัติต่อหน้าท่านทั้งหมด ข้าน้อยจะไม่มีทางทิ้งมันไปด้านหลัง เพราะยังไงข้าน้อยก็ต้องตายอยู่ดี"
ความบ้าคลั่งได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจียงเฉิน เขามีท่าทีที่จะทำลายมัน
"ช้าก่อน…!"
เป็นไปตามคาด เมื่อหลิวหงได้ยินว่าเจียงเฉินจะทำลายไข่ทองคำ เขาก็ตะโกนหยุดเขาเสียงดังออกมาในทันที หากสมบัติหายากเช่นนี้ถูกทำลายลง ต้องทำให้พวกเขารู้สึกเสียดายเป็นแน่
"น้องชาย เจ้ามีนามว่าอะไร?"
น้ำเสียงของหลิวหงอ่อนลงเล็กน้อย และในเวลาเดียวกัน มันก็ได้ถอนพลังงานและจิตสังหารกลับ
"เจียงเฉิน"
เจียงเฉินประสานมือให้กับหลิวหง
"อย่างที่เจ้าพูด คนตายไม่มีทางที่จะกลับมาเดินได้อีกครั้ง ถึงแม้ข้าจะสังหารเจ้าไป พวกเขาก็ไม่มีทางฟื้นคืน อีกทั้งเจ้ายังขออภัยพวกเขาอย่างจริงใจ ตราบที่เจ้าส่งสมบัติให้กับพวกเรา ข้าจะปล่อยเจ้าไป"
หลิวหงพูดอย่างเป็นมิตร ถึงอย่างนั้น ในใจของมันก็ยิ้มเยาะออกมา มันตัดสินใจที่จะสังหารทั้งสองเมื่อมันได้สมบัติมา
แต่สิ่งที่หลิวหงคิด มีหรือจะปกปิดเจียงเฉินได้ แต่เจียงเฉินไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือทำให้พวกหลิวหงเชื่ออย่างสนิทใจว่าไข่ทองคำนั่นเป็นสมบัติหายาก และเขาต้องพยายามเต็มที่เพื่อให้มันเอาไปให้ได้
"ข้าน้อยจะเชื่อท่านได้แค่ไหน?"
เจียงเฉินจงใจถามขึ้นมา เขาได้แสดงถึงความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ เพื่อให้เจ้าแก่โง่งมพวกนี้ไม่สงสัยใดๆเกี่ยวกับไข่ทองคำ
"ข้าเป็นคนชั้นสูงและเชื่อถือได้ อีกทั้งยังเป็นผู้อาวุโสนิกายวิหารมรกต ข้ารับประกันความปลอดภัยของเจ้าด้วยชื่อเสียงของข้า"
หลิวหงทุบไปที่หน้าอกของตัวเองพร้อมทั้งให้สัญญา
"ตกลง ข้าน้อยเชื่อท่าน"
หลังจากพูดเช่นนั้น เจียงเฉินได้โยนไข่ทองคำไปให้หลิวหง
หลิวหงยื่นมือออกไปรับไข่ทองคำ เมื่อมันได้สัมผัสถึงพลังงานที่ล้นหลามออกมาจากไข่ สีหน้าของมันดูตื่นเต้นอย่างมาก มันไม่สงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เจียงเฉินพูดแม้แต่น้อย
"ฮ่าฮ่า เจียงเฉิน ขอบใจเจ้ามาสำหรับสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ! อย่างไรก็ตาม ข้าก็ไม่สามารถปล่อยเจ้ากลับไปได้!"
หลิวหงหัวเราะอย่างชอบใจก่อนที่มันจะเก็บไข่ทองคำเข้าไปในแหวนของมัน
"เจ้าสุนัขเฒ่า เจ้ากล้ากลับคำพูดงั้นรึ?!"
เจียงเฉินแสร้งทำเป็นเกรี้ยวกราด
"ข้าแค่พูดว่าจะไม่สังหารเจ้า แต่ข้าไม่เคยพูดว่าข้าจะไม่ทุบตีเจ้าจนพิการ! ไม่มีใครที่กล้าล่วงเกินนิกายวิหารมรกตแล้วจะมีจุดจบที่ดีสักคน! วันนี้ข้าจะลงมือทุบตีเจ้าให้พิการ แต่ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า นี่เป็นสิ่งที่ปราณีที่สุดที่ข้าสามารถให้เจ้าได้"
หลิวหงเป็นคนไร้สัตย์และเหี้ยมโหด วินาทีต่อมามันปลดปล่อยพลังงานออกมาและพุ่งเข้าโจมตีเจียงเฉิน
"บัดซบ ! เจ้าสุนัขเฒ่า เจ้าต้องการสังหารข้างั้นรึ ? ไม่มีวัน!"
เจียงเฉินสบถสาปแช่งออกมาเสียงดัง ด้วยความเข้าใจตรงกัน เขาและหวงต้าต่างหันหลังและวิ่งเข้าไปในเขตที่สาม และเลือนหายไปจากสายตาของพวกมัน
"บ้าจริง มันหนีไปอีกแล้ว"
ผู้อาวุโสคนหนึ่งอุทานออกมาด้วยความตกใจ
"ไม่ต้องไล่ตามมัน ปล่อยมันไปตามทางของมัน หากมันเผชิญกับหมูป่าหนามอัคคียังไงพวกมันก็ต้องตาย แม้มันจะโชคดีรอดออกมาได้ปลอดภัย ข้าเชื่อว่าพวกมันคงไม่กล้าท้าทายนิกายวิหารมรกตอีก"
หลิวหงพูดอย่างภาคภูมิใจ
"ผู้อาวุโสหลิว นั่นเป็นสมบัติแบบไหนกันแน่ ท่านทราบหรือไม่?"
ผู้อาวุโสคนหนึ่ง ถาม
"สิ่งนี้เป็นสมบัติหายาก ข้าไม่เคยพบเจอมาก่อน ถึงอย่างนั้น ข้าก็มั่นใจว่ามันเป็นสมบัติที่พิเศษเป็นแน่ ไม่มีทางที่เราทั้งสามจะครอบครอบสมบัติล้ำค่านี้ไว้เพียงลำพัง เอากลับไปให้ท่านผู้นำนิกาย เขาอาจจะรู้ว่ามันคืออะไรก็เป็นได้ เมื่อเราส่งสมบัตินี้ พวกเราต้องได้รับผลงานมากเป็นแน่ และข้ามั่นใจว่าเราต้องได้รับรางวัลอย่างงาม! เราสามารถเพลิดเพลินไปกับสมบัตินี้ด้วยกัน บางทีมันอาจช่วยพวกเราทะลวงระดับต่อไปก็เป็นได้!"
หลิวหงหัวเราออกมาเสียงดัง การได้สมบัติล้ำค่ามาทำให้มันรู้สึกมีความสุขอย่างมาก ความรู้สึกสลดใจไม่กี่วันก่อนหน้านี้พลันหายไปในทันที
"ดี เช่นนั้นพวกเราจะทำตามที่ผู้อาวุโสหลิวพูด"
ชายแก่อีกสองคนรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก พวกมันสามารถจินตนาการถึงความสุขของผู้นำนิกายเมื่อได้เห็นสมบัตินี้
"ปล่อยสัญญาณ รวมพลศิษย์ในและศิษย์นอกทั้งหมด บอกพวกเขาว่าการฝึกฝนจบเร็วกว่ากำหนด และให้ทุกคนกลับไปที่นิกาย"
หลิวหง พูด
"รับทราบ"
ชายแก่ทั้งสองประสานมือแก่หลิวหง พวกมันไม่มีใครกล้าปฏิเสธคำพูดของหลิวหง
ในเวลาเดียวกัน ภายในเขตที่สามของหุบเขาสายหมอก เจียงเฉินและหวงต้าต่างกลิ้งลงกับพื้นขณะที่หัวเราะออกมา หวงต้ารู้สึกตื่นเต้นมาขณะที่มันกลิ้งและคลานไปรอบๆ มันเอาหัวที่แข็งของมันฟาดไปทุกหนทุกแห่ง สร้างหลุมจำนวนมากบนพื้นดิน
"เจ้าเล่ห์ เจ้ามันเจ้าเล่ห์จริงๆ! คู่หู เจ้ามันมีความคิดที่ชั่วร้ายที่สุดในโลก นี่มันชั่วร้ายจริงๆให้ตายสิ! เจ้าสุนัขเฒ่านั่นถูกเจ้าตุ๋นซะเปื่อย แต่มันน่าตื่นเต้นเสียจริง ข้าไม่คิดว่าจะต้องใช้เวลานาน ก่อนที่ทุกคนในนิกายวิหารมรกตจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือ!"
ตอนนี้หวงต้านับถือเจียงเฉินอย่างสมบูรณ์ มันคิดว่าตัวของมันเป็นคน(?)ที่โหดร้าย แต่มันไม่คิดว่าเจียงเฉินจะโหดร้ายเสียยิ่งกว่ามัน แผนที่ชั่วร้ายนี้ได้ถูกวางขึ้นโดยมังกร นิกายวิหารมรกตต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวาย ส่วนพวกเขาทั้งสองสามารถนั่งลอยชายรอคอยเวลาที่จะเก็บเกี่ยวเท่านั้น มันเป็นแผนที่สมบูรณ์แบบ!
"เพียงทำเช่นนี้ เราก็จะมีโอกาสที่จะจัดการหมูป่าหนามอัคคีลงได้ หากพวกเราไม่ทำ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรเราจะได้ดวงจิตอสูรของหมูป่าหนามอัคคี"
เจียงเฉินพูดออกมาพร้อมทั้งหัวเราะอย่างชอบใจ เขาไม่รู้สึกผิดเกี่ยวกับนิกายวิหารมรกต ตั้งแต่พวกมันตั้งใจจะสังหารเขา ทำไมเขาถึงต้องแสดงความปราณีต่อพวกมันด้วย?
"ไปหาที่ซ่อนกัน พวกเรารอจนกว่าหมูป่าหนามอัคคีจะกราดเกรี้ยว จากนั้นพวกเราก็จะตามไปดูการแสดงครั้งใหญ่!"
หวงต้าหัวเราะออกมา ปากของมันเปิดกว้าง มันรู้สึกตื่นเต้นมากขนาดนี้เพราะว่าเจียงเฉินวางแผนใช้ไข่ทองคำใส่ร้ายนิกายวิหารมรกต
หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากเหล่าผู้อาวุโส ศิษย์ในและศิษย์นอกทั้งหมดออกจากหุบเขาสายหมอกอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกมันก็มุ่งหน้ากลับไปยังนิกายวิหารมรกต ในระยะเวลาอันสั้น
ในส่วนลึกที่สุดของนิกายวิหารมรกต มีตำหนักที่งดงามแห่งหนึ่ง ชายแก่ทั้งสี่รวมตัวกันที่โถงหลัก สามคนประกอบด้วยหลิวหง และผู้อาวุโสแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นอีกสองคน ส่วนอีกคนเป็นชายแก่ดูแล้วอายุประมาณห้าสิบปี ใบหน้าที่สว่างสดใส คาดเชือกสีเขียว มีภาพลักษณ์ของผู้ยิ่งใหญ่ และใบหน้าที่อ่อนโยนทำให้ทุกคนแสดงออกอย่างภาคภูมิ ชายคนนี้มีฐานการบ่มเพาะแข็งแกร่งยิ่งกว่าหลิวหง มันเข้าถึงระดับแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นปลาย และไม่ได้ด้อยไปกว่านักพรตทมิฬ มันคือผู้นำนิกายวิหารมรกต มีนามว่าชิงฉื่อ
ตอนนี้ ไข่ทองคำได้ลอยอยู่ตรงกลางของทั้งสี่คน
"ท่านผู้นำนิกาย ท่านรู้จักสมบัตินี่หรือไม่?"
หลิวหงถามออกมา ในขณะเดียวกัน มันได้เล่าในสิ่งที่เจียงเฉินบอกกับมันให้ชิงฉื่อ
"ข้าไม่รู้จัก มันคืออะไร ถึงได้มีแก่นพลังชีวิตที่แข็งแกร่งอยู่ภายในนั้น และมันยังดูเหมือนไข่ของสัตว์อสูร แต่มันสามารถมีพลังงานที่ทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร"
ชิงฉื่อขมวดคิ้ว มันงุนงงไปหมด
"ท่านไม่รู้ว่านี่มันคืออะไรหรือ? นี่มันเป็นสมบัติพิเศษ!"
หลิวหง พูด
"มันก็จริงอย่างเจ้าว่าเป็นสมบัติพิเศษ…..แต่ ทำไมข้าถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับพลังงานที่ออกมาจากไข่เช่นนี้?"
ชิงฉื่อขมวดคิ้วอีกครั้ง มันไม่เคยพบเห็นไข่ทองคำมาก่อน แต่มันสามารถรู้สึกคุ้นเคยพลังงานจากมัน และความรู้สึกนี้มันไร้สาระจริงๆ
นอกจากนี้ ไข่ทองคำนี้ยังเป็นสมบัติพิเศษของจริง แต่ชิงฉื่อไม่ได้สนใจความรู้สึกไม่ดีแต่อย่างใด ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด
ภายในหุบเขาสายหมอก เจียงเฉินและหวงต้าที่กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในสถานที่อันเงียบสงบ ขณะที่กำลังนับเวลา
"ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว!"
หูของหวงต้าตั้งขึ้น
"ป่านนี้ หมูป่าหนามอัคคีคงกลับจากหนองน้ำแล้ว"
ดวงตาของเจียงเฉินส่องประกายขึ้นในเวลาเดียวกัน
โฮกกก…….!
หลังจากที่พวกเขาพูด ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงมาจากส่วนลึกของหุบเขาสายหมอก เสียงคำรามนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ต้องการฉีกกระชากทุกสิ่งให้เป็นชินๆ มันกราดเกรี้ยวจนทั่วทั้งหุบเขาสายหมอกต้องสั่นสะเทือน
โฮกกกกก………..โฮกกกกก……
เสียงคำรามยังคงดังต่อไป ดูเหมือนเสียงคำรามไม่มีท่าทีที่จะหยุดลง และมันยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยวได้นำพาพายุขนาดมหึมากวาดผ่านหุบเขาสายหมอก
====================================
โปรดติดตามตอนต่อไป…………