เทพมังกรสงครามอหังการ - Dragon Marked War God ตอนที่ 177 ไข่ทองคำ
คร่อก ZzzZz
ดูเหมือนว่าหมูป่าหนามอัคคีจะคล้อยหลับไปและกรนออกมา ทุกๆครั้งที่มันหายใจจะมีฟองสีทองออกมาจากจมูกพร้อมกับพลังอันแข็งแกร่ง หากว่ามีฝุ่นทรายอยู่ตรงหน้ามัน แค่เพียงลมหายใจของมันก็สามารถที่จะทำให้เกิดพายุทรายได้
"บ้าจริง หมูป่าหนามอัคคีมันทรงพลังจริงๆ หากว่าตัวข้าสามารถทะลวงเข้าไปสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ ข้าจักสามารถสังหารมันได้โดยง่าย!"
หวงต้าพูดกับเจียงเฉินผ่านสัมผัสเทวะ แม้ว่าสายเลือดของหมูป่าหนามอัคคีจะสูงส่ง หากว่ามันเทียบกับสายเลือดกิเลนแล้ว มันยังห่างชั้นกันนัก
"นี่มันเป็นหมูป่าหนามอัคคีนักข่มขวัญหรืออะไร!กระทั่งลมหายใจของมันเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้!ข้าคิดว่ากระทั่งนักพรตทมิฬก็ไม่อาจจะเอาชนะมันได้ หากข้าสามารถดูดซับดวงจิตอสูรของหมูป่าหนามอัคคีได้ ข้าจักสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้สวรรค์ขั้นปลายได้ และข้าก็จะเหลืออีกเพียงก้าวเดียวสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์! ดวงจิตอสูรของหมูป่าหนามอัคคีสามารถทำให้ข้าสร้างตราประทับมังกรเพิ่มได้อย่างน้อยอีกสามร้อยดวง!"
ดวงตาของเจียงเฉินเปล่งประกาย แต่แย่หน่อย การที่จะจะสังหารหมูป่าหนามอัคคีนั้นยากมากๆ เพราะเจ้าตัวใหญ่นี่มันแข็งแกร่งอย่างมาก
"คู่หู เจ้ากำลังจะล้มเลิกการรักษาหยู่น้อยงั้นรึ?"
หวงต้าจ้องมองเจียงเฉินอย่างกราดเกรี้ยว
"ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้น มีสัตว์อสูรแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์มากมายอยู่ที่นี่ และเมื่อข้าลงไปยังนรกอเวจี ข้าไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องขาดแคลนสัตว์อสูร วิญญาณหมูป่าหนามอัคคีจะใช้เพื่อปรุงยาหกสุริยะเพื่อช่วยเหลือหยู่น้อย"
เจียงเฉินอธิบายให้หวงต้าฟัง แม้ว่าเขาจะต้องการวิญญาณอสูรของหมูป่าหนามอัคคี เขารู้ว่าในตอนนี้หยานเฉินหยู่ต้องการวิญญาณอสูรนี้มากกว่าเขา
"แล้วพวกเราจักต้องทำอย่างไร?อย่าบอกนะว่าต้องมองดูมันจากที่นี่ตลอดทั้งวัน?"
หวงต้าเริ่มหมดความอดทน
"เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?เจ้าต้องการที่จะออกไปสู้กับมันด้วยตัวเองงั้นรึ?"
เจียงเฉินมีรอยยิ้มบนใบหน้า
"หุบปากไป!"
หวงต้าขยับร่างออกห่างเจียงเฉิน
"เจ้าหมูป่าหนามอัคคีแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พวกเราไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะมันซึ่งๆหน้าได้ พวกเราจักต้องหาหนทางที่เฉลียวฉลาด ซ่อนลมหายใจและรออยู่ตรงนี้ก่อน หมูป่าหนามอัคคีได้อาศัยอยู่ที่เขาสายหมอกเป็นเวลานาน มันจักต้องมีสิ่งที่ทำเป็นกิจวัตรของตนเอง ตอนนี้ต้องจับตามองกิจวัตรของมันเสียก่อน"
เจียงเฉินกล่าว
ชายหนุ่มและหมาซ่อนลมหายใจของพวกเขาขณะที่จับตามองหมูป่าหนามอัคคีที่กำลังนอนอย่างเงียบๆ หวงต้าหาวออกมา และพูดออกมาด้วยท่าทางหดหู่ "บัดซบ นี่คือสิ่งที่มันทำทั้งหมด?!พวกเราทั้งคู่ได้แต่อยู่ที่นี่มองสัตว์อสูรมันนอนหลับ มันทำให้บิดาเจ้าง่วงขึ้นมาแล้วสิตอนนี้"
เจียงเฉินจ้องมองไปยังหวงต้า เขาเองก็รู้สึกหดหู่เช่นกัน ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า แต่ตอนนี้เขากำลังซ่อนตัวและดูสัตว์อสูรมันนอน นี่มันไร้สาระชัดๆ!
อีกชั่วโมงผ่านไป แสงแดดได้ทอดตกไปยังหัวของพวกเขา ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาบ่ายแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่พลังหยางบริสุทธิ์ที่สุด หมูป่าหนามอัคคีที่กำลังนอนอยู่ได้ลืมตาขึ้นมาและมันดูน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
หมูป่าหนามอัคคีคำรามออกมาเสียงดังลั่น หลังจากนั้นร่างกายที่ใหญ่โตของมันค่อยๆยืนขึ้นอย่างช้าๆจากพื้น ความสูงจากหกเมตรได้กลายเป็นสิบห้าเมตร และขาที่หนาและแข็งแกร่งได้ปกคลุมด้วยเกล็ดสีทองดูเหมือนเสาขนาดยักษ์ทั้งสี่
มันใหญ่โตมาก หมูป่าหนามอัคคีเป็นดั่งเนินเขาสีทองขนาดย่อม ร่างกายของมันส่องแสงเปล่งประกายและไม่มีผู้ใดสามารถมองมันตรงๆได้
หมูป่าหนามอัคคีได้ตื่นขึ้นมาแล้ว เจียงเฉินและหวงต้าได้เสริมพลังวิญญาณในเวลาเดียวกัน พวกเขามิกล้าที่จะส่งเสียงใดๆแม้แต่น้อย และพวกเขาได้กลั้นหายใจอย่างแน่นหนา
แท้จริงแล้วหมูป่าหนามอัคคีไม่ได้คาดว่าจะมีผู้บุกรุกมายังขอบเขตของมัน ดังนั้นมันไม่ได้ให้ความสนใจใดๆในบริเวณรอบๆ ไม่ใช่เพราะว่าสัมผัสของมันอ่อนแอแต่อย่างใด มันเป็นเพราะเจียงเฉินและหวงต้านั่นหลบซ่อนตัวได้เยี่ยมยอดมาก หากเป็นผู้อื่นคงโดนหมูป่าหนามอัคคีตรวจพบแล้ว
กรรรรรร!
ทันใดนั้นหมูป่าหนามอัคคีได้คำรามออกมาอีกครั้งผ่านป่า มันขยับร่างกระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้าและพุ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่ง ไม่นานมันก็หายไปจากสายตาของเจียงเฉินและหวงต้า
"มันไปทั้งอย่างนั้น?"
หวงต้าตกใจ
"มันเป็นช่วงเวลาบ่ายที่เมื่อพลังหยางบริสุทธิ์ได้อุดมสมบูรณ์ที่สุด เจ้าหมูป่าหนามอัคคีจักต้องทำการบ่มเพาะต่อ เหตุใดมันถึงเลือกที่จะไปช่วงเวลานี้"
เจียงเฉินขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
"อย่างไรก็ตาม ใช้โอกาสนี้ตรงดูภายในถ้ำกันเถอะ"
หวงต้ากระโดดขึ้นและเตรียมเดินไปยังถ้ำแต่เจียงเฉินรั้งมันไว้
"คู่หู เหตุใดเจ้าดึงข้าไว้?"
หวงต้าแยกเขี้ยวออกมา
"ระวังตัวด้วย หากว่าเจ้าหมูป่าหนามอัคคีมันกลับมา พวกเราจะซวยเอา"
เจียงเฉินลากหวงต้ากลับมาไปยังที่ซ่อนของพวกเขา
"ใช้เวลาจับตาดูกิจวัตรของหมูป่าหนามอัคคีอีกสักหน่อยเถอะ จากนั้นพวกเราจะมาคุยกันว่าจะทำกันอย่างไรต่อไป"
เจียงเฉินต้องการที่จะคลุมทั่วฐาน คู่ต่อสู้ของพวกเขาทรงพลังเป็นอย่างมาก ไม่มีทางที่จะสู้กับมันได้ด้วยกำลังเพียงอย่างเดียว พวกเขาจักต้องเข้าใจถึงกิจวัตรทั้งหมดของมันก่อนที่จะคิดหาทางจัดการมัน
รอผ่านไปอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง และหวงต้าได้บ่นตลอดครึ่งชั่วโมงนี้ มันยังตำหนิเจียงเฉินว่าขี้ขลาด เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงมันมากพอที่จะให้มันได้ก่อเรื่องร้ายแรงในถ้ำหมูป่าหนามอัคคี
แต่เจียงเฉินยังคงสงบ เขาไม่ได้หุนหันพลันแล่นก่อนที่จะค้นพบกิจวัตรประจำวันของหมูป่าหนามอัคคี
ฟ้าว…..
ในตอนนั้นเองหมูป่าหนามอัคคีได้กลับมาแต่ไกล เจียงเฉินและหวงต้าเห็นได้ชัดเจนที่ปากของมันเปิดอยู๋เมื่อมันบินกลับมา ภายในปากของมันมีบางสิ่งส่องประกายเปล่งแสงอยู่ มันเป็นบอลวารี
ตึง!
หมูป่าหนามอัคคีลงจอดบนสนามทำให้เนินเขานั้นสั่นสะเทือนทั้งหมด หลังจากนั้นมันเดินเข้าไปยังถ้ำและใช้เวลาที่นั่นราวๆครึ่งชั่วโมง
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หมูป่าหนามอัคคีได้ออกมาจากถ้ำและนอนลงที่เดิม จากนั้นมันก็นอนอีกครั้งหนึ่ง
"มันหลับอีกครั้งหนึ่ง"
หวงต้ากรอกตาของมัน ในที่สุดมันก็พบผู้ที่นอนได้มากกว่ามัน
"อดทนไว้ก่อน รอต่อไปก่อนเถอะ"
เจียงเฉินพยายามเกลี้ยกล่อม เจ้าหมานี่ขาดความอดทนอย่างมาก
เจ้าหมูป่าหนามอัคคีนี่รู้วิธีการนอนเป็นอย่างดี มันตื่นเพียงช่วงบ่ายในวันถัดไป และถัดไปอีกครั้งในช่วงเวลาหนึ่งของวัน มันได้บินออกจากสนามในทิศทางเดิมกับที่ๆมันไปครั้งก่อน
มันไปอีกแล้ว
หวงต้าดวงตาเบิกกว้าง
"เช่นนั้นนี่เป็นกิจวัตรประจำวันของมัน เมื่อวานเมื่อตอนหมูป่าหนามอัคคีกลับมา ข้าคิดว่ามีบางสิ่งที่อยู่ในปากของมัน เจ้าเองก็เห็นใช้ไหม?"
เจียงเฉินถาม
"ใช่ มีบางอย่างอยู๋ในปากของมัน"
หวงต้าผงกหัว
"มาสิ ตามไปตรวจสอบว่าหมูป่าหนามอัคคีมันไปที่ใดกัน"
หลังจากพูดจบเจียงเฉินได้ยืนขึ้นและเดินไปยังทิศทางที่หมูป่าหนามอัคคีไป เขาและหวงต้าไม่ได้บินไปครั้งนี้ พวกเขาได้เดินอยู่บนพื้น การบินส่งผลให้เกิดการรบกวนพลังหยวนตามธรรมชาติ จะทำให้หมูป่าหนามอัคคีค้นพบถึงตัวตนของพวกเขา
สิบลี้ห่างจากถ้ำหมูป่าหนามอัคคีเป็นหุบเขา ตอนนี้ใจกลางหุบเขาจะมีหนองน้ำอยู๋และที่ใจกลางของหนองน้ำมีหินก้อนใหญ่ลอยอยู่ หินนั้นกลวงและตอนนี้หมูป่าหนามอัคคีได้ก้มหัวมันไปยังด้านในของหินหลวงนั้น
เจียงเฉินและหวงต้าทั้งคู่เห็นของเหลวใสภายในหินนั้น ของเหลวนั้นใสมากเมื่อสะท้อนกับแสงตะวันมันเหมือนดั่งคริสตัล พวกเขารู้ว่าของเหลวนั่นคือสิ่งใด มันเป็นวารีกำเนิดพลังที่หายากเช่นเดียวกับที่พวกเขาพบในถ้ำม่านวารี มันทำให้พวกเขาแปลกใจว่าที่นี่มีวารีกำเนิดพลังด้วย
ในตอนนี้หมูป่าหนามอัคคีได้ยื่นลิ้นของมันลงไปในวารีกำเนิดพลัง มันไม่ได้ดื่มวารีกำเนิดพลังแต่อย่างใด มันนำลิ้นจุ่มลงไปโดยมิได้ขยับเขยื้อน
"มันกำลังทำสิ่งใด?"
หวงต้าถามด้วยท่าทางงุนงง
"มันกำลังปลดปล่อยพลังชีวิตของตน….เหตุใดมันจึงต้องปลดปล่อยพลังชีวิตของมันลงไปยังวารีกำเนิดพลังด้วย?"
เจียงเฉินขมวดคิ้ว หมูป่าหนามอัคคีใช้เวลาที่พลังหยางบริสุทธิ์อุดมสมบูรณ์ที่สุดในการปลดปล่อยพลังชีวิตของมันไปยังวารีกำเนิดพลัง และพฤติกรรมของมันทำให้เจียงเฉินงุนงงจริงๆ หากว่ามันมาที่นี่เพื่อดื่มวารีกำเนิดพลัง นั่นเป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่ วารีนี้เป็นดั่งสมบัติหายาก ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์อสูรต่างต้องการมัน
แต่ไม่เพียงแค่หมูป่าหนามอัคคีไม่ดื่มวารีกำเนิดพลัง มันยังปล่อยพลังชีวิตของมันออกมา มันไม่ได้เกิดผลดีอันใด มันส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังไปอย่างมาก
ครึ่งชั่วโมงถัดมา หมูป่าหนามอัคคีได้เปิดปากกลืนวารีกำเนิดพลังที่ผสมกับพลังชีวิตของมัน หลังจากนั้นมันกระโดดขึ้นฟ้าและบินกลับไปยังที่ๆมันมาด้วยความเร็วอย่างมาก ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ที่หนองน้ำ
"เช่นนั้นนี่เป็นวารีกำเนิดพลังในปากของมันเมื่อวานนี้สินะ"
หวงต้ากล่าว
"มันจะเป็นอะไรไปได้ล่ะ?"
เจียงเฉินกรอกตา
"วะก่ะก่ะ มีวารีกำเนิดพลังมากมายอยู่ที่นี่!อย่าปล่อยให้มันเสียเปล่าเลย นำมันไปด้วยเถอะ"
หวงต้าหัวเราะออกมาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
"ไม่ได้เด็ดขาด!หากว่าเจ้านำวารีกำเนิดพลังไปด้วย มันจักทำให้หมูป่าหนามอัคคีรู้ตัว หากว่าข้าคาดไม่ผิดพลาด หมูป่าหนามอัคคีจะมายังที่นี่อีกในวันรุ่งขึ้น หากมันพบว่าวารีกำเนิดพลังหายไป มันจะกราดเกรี้ยวเป็นแน่"
เจียงเฉินยังดึงหลังหวงต้าไว้
เมื่อพวกเขากลับมายังจุดซ่อนตัว พวกเขาเห็นหมูป่าหนามอัคคีได้ออกมาจากถ้ำอีกครั้ง วารีกำเนิดพลังในปากของมันก็หายไปด้วย แต่คลื่นพลังของวารีกำเนิดพลังไม่ได้อยู่ในตัวของมัน ตรงกันข้าม ดูเหมือนว่ามันจะสูญเสียพลังชีวิต และไม่นานมันก็นอนลงบนสนามและหลับนอนต่อ
ในช่วงสองวันถัดมา หมูป่าหนามอัคคีได้กระทำกิจวัตรเช่นเดิม มันบินไปยังหนองน้ำช่วงบ่าย นำวารีกำเนิดพลัง เข้าไปยังถ้ำ แล้วก็นอน
"หมูป่าหนามอัคคีไม่ได้ดื่มวารีกำเนิดพลังเพื่อตัวมันเอง มันจักต้องมีสิ่งสำคัญที่มันเอาใจใส่อย่างมากอยู่ในถ้ำ พวกเราจะเข้าไปยังถ้ำช่วงบ่ายวันรุ่งขึ้น"
เจียงเฉินได้ตัดสินใจแล้ว หลังจากที่ใช้เวลาไปสามวันในที่สุดเขาก็พบกิจวัตรประจำวันของหมูป่าหนามอัคคี เห็นได้ชัดว่ามีบางสิ่งสำคัญมากที่หมูป่าหนามอัคคีได้เอาใจใส่เป็นอย่างมากอยู่ภายในถ้ำ ดังนั้นอาจจะมีสิ่งที่สามารถทำให้เจียงเฉินจัดการกับหมูป่าหนามอัคคีได้
ในช่วงบ่ายวันรุ่งขึ้น เหมือนดั่งก่อนหน้านี้ หมูป่าหนามอัคคีได้ไปยังหนองน้ำอีกครั้ง หลังจากที่ออกจากที่นี่แล้ว เจียงเฉินและหวงต้าได้กระโดดขึ้นและเข้าไปยังถ้ำทันทีด้วยความเร็วดุจสายฟ้า พวกเขารู้ว่าหมูป่าหนามอัคคีจะใช้เวลาชั่วโมงครึ่งก่อนที่จะกลับมา เช่นนั้นพวกเขาจึงมีเวลาเกินพอ
ถ้ำของหมูป่าหนามอัคคีนั้นใหญ่โตมาก เรียบง่ายตรงใจกลางของถ้ำมีหนองน้ำเล็กๆอยู่ ใจกลางหนองน้ำมีไข่สีทองขนาดเท่ากับหัวของมนุษย์ ไข่นั่นเปล่งแสงสีทองออกมา
ออร่าสีทองห้อมล้อมรอบๆไข่ทองคำ มีสัญลักษณ์สีทองนับไม่ถ้วนอยู่รอบๆไข่ อุดมด้วยพลังชีวิตได้ออกมา และภายใต้ไข่ทองคำคือวารีกำเนิดพลังที่บรรจุพลังชีวิตของหมูป่าหนามอัคคีเอาไว้
"นี่เป็นไข่ของหมูป่าหนามอัคคี ัมนเป็นลูกของมัน ไม่แปลกเลยที่หมูป่าหนามอัคคีจะใส่พลังชีวิตลงไปในวารีกำเนิดพลัง"
ในที่สุดเจียงเฉินก็เข้าใจว่าทำไมหมูป่าหนามอัคคีจึงยอมสูญเสียพลังชีวิตของตน
****************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป……………