เทพมังกรสงครามอหังการ - Dragon Marked War God ตอนที่ 176 - หมูป่าหนามอัคคีที่ทรงพลัง
- หน้าแรก
- เทพมังกรสงครามอหังการ
- Dragon Marked War God ตอนที่ 176 - หมูป่าหนามอัคคีที่ทรงพลัง
ทั่วทั้งเขาสายหมอกกลายเป็นความไม่สงบ เขตที่สองเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างทั่วบริเวณ และพลังจำนวนมากที่ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ได้ปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ เจียงเฉินและหวงต้าได้หลบหนีอย่างบ้าคลั่งและชายชราทั้งสามได้ไล่ตามพวกเขามากระชั้นชิดด้านหลังพวกเขา
นิกายวิหารมรกตเป็นหนึ่งในนิกายใหญ่ที่สุดของแคว้นเฉวียน และพวกมันอยู่เหนือทุกๆคน สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พวกมันได้ประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ และหากว่าพวกมันไม่ได้สังหารชายหนุ่มและหมานั่นได้ ชื่อเสียงของนิกายวิหารมรกตจักมัวหมอง และพวกมันไม่อาจที่จะคงตำแหน่งลำดับที่หนึ่งของแคว้นเฉวียนได้อีก
"ก๊ะก่ะ เจ้าแก่โง่ทั้งสามนี่เงอะงะจริงๆ!มันคงยากที่พวกมันจะไล่ตามพวกข้าทัน!"
ขณะที่บินด้วยความเร็วอย่างมาก หวงต้าหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ทั้งมันและเจียงเฉินต่างรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์และแข็งแกร่ง ด้วยความเร็วเต็มที่ของพวกเขานั้น บางทีมีเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นปลายเท่านั้นที่จะไล่ตามพวกเขาทัน
ชายชราทั้งสามที่อยู่ด้านหลังได้ยินคำพูดของหวงต้าอย่างชัดเจน พวกมันแทบพ่นเลือดออกมา พวกมันทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง แต่เจ้าหมานั่นบอกว่าพวกมันเงอะงะ นี่เป็นสิ่งที่พวกมันไม่อาจที่จะรับได้
"ท่านผู้อาวุโสหลิว เจ้าหมานั่นมันชั่วช้าจริงๆ!"
ชายชราขบฟันด้วยความเดือดดาล
"ข้าจักถลกหนังเจ้าหมานั่นทั้งเป็น และข้าจักย่างมันเป็นเนื้อย่าง!"
ผู้อาวุโสแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางได้ขบฟันด้วยความโกรธ นามของมันคือ หลิวหง และมันเป็นหนึ่งในคนระดับสูงของนิกายวิหารมรกต สถานะของมันในนิกายวิหารมรกตคล้ายคลึงกับตำแหน่งของเฟินจงถังแห่งนิกายทมิฬ
"ชายหนุ่มผู้นี้มาจากที่แห่งใดกัน? เขาเป็นสัตว์ประหลาดผิดปกติที่มีพลังยุทธอันน่าอัศจรรย์!มันสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นได้ด้วยระดับการบ่มเพาะแก่นแท้สวรรค์ขั้นกลาง นี่มันหาได้ยากมาก!"
"แล้วมันรวดเร็วอย่างมาก กระทั่งพวกเราไม่อาจไล่ตามพวกเขาได้ทัน!"
ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นทั้งคู่ต่างมองกันและกันด้วยท่าทีอัศจรรย์
"ข้าไม่สนว่ามันเป็นใคร ข้าจักต้องฆ่ามันให้ได้วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!ชื่อเสียงของนิกายวิหารมรกตจักต้องไม่ถูกคนนอกท้าทาย!ดาบของข้า จงออกมา!"
หลิวหงตะโกนออกมาดังก้อง ดาบยุทธภัณฑ์สีทองได้ปรากฎในทันที และภายใต้การควบคุมของมัน ขนาดของดาบได้ขยายตัวกลายเป็นยาวสามเมตร ทั้งสามได้อยู่ชิดกับดาบและเริ่มอัดพลังหยวนลงไป ทันใดนั้น ด้วยการใช้ดาบความเร็วของพวกมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่นานหลังจากนั้นความแตกต่างระหว่างพวกเขาก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
"บ้าจริง เจ้าพวกแก่โง่พวกนั้นมีความสามารถดีพอตัว คู่หู เร่งความเร็วทิ้งห่างพวกมันเลย!"
ทันใดนั้นปีกแสงคู่หนึ่งได้ปรากฎขึ้นบนหลังของหวงต้า และความเร็วของมันเพิ่มขึ้นอีก อีกด้านหนึ่งปีกโลหิตได้ปรากฎขึ้นบนหลังของเจียงเฉินเช่นกัน และใช้ประสานกับเคลื่อนย้ายมิติความเร็วของเจียงเฉินสูสีกับหวงต้าอีกครั้งหนึ่ง ระยะห่างระหว่างพวกเขากับชายชราทั้งสามเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
"บ้าจริง รีบๆไล่ตามพวกมันเร็ว!"
หลิวหงกราดเกรี้ยวนัก มันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไล่ตามพวกเขา
"บัดซบ ข้ารู้สึกอยากสู้กับเจ้าแก่นั่นตอนนี้!"
หวงต้าพูดขณะที่รู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่มันรู้ว่าพลังยุทธของมันและเจียงเฉินในตอนนี้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะเอาชนะผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง ภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้มีตัวเลือกเดียวสำหรับพวกเขาคือหนี
"ฮึ่ม!อดใจไว้ก่อน พวกเรายังมีเวลาอีกมากในอนาคต ตอนนี้ทิ้งห่างพวกมันก่อน"
เจียงเฉินแค่นเสียง
"ดูเหมือนว่าการที่จะทิ้งห่างพวกมันไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าแก่โง่พวกนั้นมันมีพลังเหนือกว่าพลังของพวกเรา"
หวงต้ากล่าว
"เข้าไปยังเขตที่สามกันเถอะ ข้าแน่ใจว่าพวกมันไม่มีความกล้าที่จะตามพวกเราไปเมื่อมันเป็นเขตของหมูป่าหนามอัคคี"
เจียงเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
"อย่าบอกนะว่าเจ้าจะไปค้นหาหมูป่าหนามอัคคีในตอนนี้ นี่ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย"
หวงต้าพูดด้วยท่าทีหดหู่
"พวกเราสามารถใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบหมูป่าหนามอัคคี จากนั้นพวกเราจักหาหนทางรับมือมัน"
ดวงของเจียงเฉินเปล่งประกาย หากจะจัดการหมูป่าหนามอัคคี พวกเขาไม่อาจใช้แต่กำลังได้ พวกเขาจำต้องใช้ความหลักแหลมในการรับมือมัน แต่เมื่อพวกเขาได้มายังเขาสายหมอกและโดนนิกายวิหารมรกตไล่ล่า เจียงเฉินใช้โอกาสนี้ในการเข้าไปยังเขตที่สามเมื่อตรวจสอบสถานการณ์ของหมูป่าหนามอัคคี
พวกเขาทั้งหมดได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วอย่างมาก ไม่นานพวกเขาได้มาถึงชายแดนไปสู่เขตที่สาม เจียงเฉินสามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังธรรมชาติของที่นี่อุดมสมบูรณ์มากกว่าที่อื่นๆ หมอกได้ห้อมล้อมบริเวณนี้หนา
ไม่มีการลังเล เจียงเฉินและหวงต้าได้ตรงไปยังเขตที่สาม
เบื้องหลังพวกเขา หลิวหงและชายชราอีกสองคนได้มาถึงชายแดน และหยุดลง
"เจ้าพวกนั้นเข้าไปยังเขตที่สามแล้ว พวกเราจะทำเช่นไร?"
ชายชราผู้หนึ่งถาม
"พวกเรามีข้อตกลงกับหมูป่าหนามอัคคี จะไม่มีผู้ใดจากนิกายวิหารมรกตเหยียบย่างเข้าไปในเขตที่สาม การยั่วโมโหหมูป่าหนามอัคคีไม่ใช่เรื่องน่าขัน และเจ้านั่นไม่รู้ถึงความอันตรายของมันแล้วเข้าไปยังเขตที่สาม เมื่อมันยั่วโมโหหมูป่าหนามอัคคี ชีวิตมันเป็นอันจบสิ้น"
หลิวหงยิ้มแสยะ
"ในเมื่อมันจะไปตายที่นั่น เห็นที่พวกเราคงต้องกลับแล้วล่ะ"
ผู้อาวุโสนิกายอีกคนหนึ่งกล่าว
"ไม่ พวกเราจักรอยู่ที่นี่ไม่ให้ชายหนุ่มผู้นั้นมีโอกาสออกมา การฝึกฝนของศิษย์นอกและศิษย์ในจะใช้เวลาทั้งหมดเจ็ดวัน หลังจากผ่านไปเจ็ดวัน พวกเราจะกลับไปกับพวกเขา และหากว่าชายผู้นั้นไม่ออกมาถึงตอนนั้นจะหมายความว่ามันโดนหมูป่าหนามอัคคีฆ่าไปแล้วและไม่ออกมาอีก ไม่มีผู้ใดอยู่ในเขตที่สามโดยไม่เป็นอันตรายกว่าเจ็ดวันได้"
หลิวหงพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
"เข้าใจแล้ว เจ้าหนุ่มนั่นจักต้องตาย มันเป็นเรื่องน่าขันที่มันสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับนิกายวิหารมรกต"
ชายชราอีกคนหนึ่งขบฟันด้วยความโกรธ
"พวกเจ้าแจ้งเหล่าศิษย์ บอกพวกเขาให้ปิดทางออกทั้งหมด ให้พวกเขาส่งสัญญาณมาทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มและหมา ตอนนี้พวกมันเป็นปลาในหนองน้ำ และมีหมูป่าหนามอัคคีอยู่เบื้องหน้าพวกมัน ข้าอยากจะเห็นว่าพวกมันจะรับมือกันอย่างไร?"
ใบหน้าของหลิวหงมีท่าทางร้ายกาจ มันมีความตั้งใจที่จะสังหารเจียงเฉิน
"ได้ พวกข้าจะไปเดี๋ยวนี้"
ชายทั้งสองออกไปหลังจากพูดจบ
ในเวลาเดียวกันที่เจียงเฉินและหวงต้าได้เข้าไปยังเขตที่สาม ได้ลงมาจากฟ้าและซ่อนพลังและลมหายใจทั้งหมดไว้ แล้วพวกเขาค่อยๆเดินลึกเข้าไปยังพื้นที่นั่น
"หวงต้า เจ้าอย่าลืมซ่อนลมหายใจและพลังด้วย อย่าได้ต่อสู้กับพวกสัตว์อสูรตลอดทาง พวกเราจักต้องหลีกเลี่ยงการต่อสู้ทั้งหมดจนกว่าพวกเราจะพบรังของหมูป่าหนามอัคคีและตรวจสอบสถานการณ์"
เจียงเฉินเตือน
"ข้าเข้าใจแล้ว"
หวงต้าลดเสียงของมันลง แต่ใบหน้ามันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หวงต้าไม่อาจอดกลั้นความตื่นเต้นเมื่อทำเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้
การเดินของพวกเขาไม่ได้ช้า และไม่นานพวกเขาได้มาถึงใจกลางของเขตที่สาม ระหว่างที่พวกเขาซ่อนพลังและลมหายใจอยู่ พวกเขาไม่ได้พบสัตว์อสูรตลอดทาง นอกจากนั้นมีสัตว์อสูรไม่มากที่อาศัยอยู่ที่เขตที่สาม ด้วยราชาของเขาสายหมอก หมูป่าหนามอัคคีได้พำนักอยู๋ที่นี่ มีสัตว์อสูรไม่มากนักที่หาญกล้าอยู่ใกล้ๆเขตที่สาม
ตลอดทาง เจียงเฉินเห็นพืชและดอกไม้แปลกๆเป็นจำนวนมาก มีกระทั่งสมุนไพรหายากบางชนิด เขาได้เก็บพวกมันไว้ในแหวนมิติอย่างง่ายดาย
"เขาสายหมอกช่างอุดมสมบูรณ์โดยแท้ ไม่แปลกใจเลยที่นิกายวิหารมรกตไม่อยากที่ให้แก่ผู้ใด และกระทั่งสร้างข้อตกลงกับหมูป่าหนามอัคคี หวงต้าเจ้าใช้ความสามารถเฉพาะและลองค้นหาสมบัติใดๆที่อยู่แถวๆนี้ดูสิ"
เจียงเฉินพูดขณะที่มองไปยังหวงต้า
หวงต้ามองไปยังเจียงเฉินที่อับจนหนทาง หากว่ามีสมบัติอยู่ใกล้ๆนี่ หวงต้าจักต้องสัมผัสมันได้ในทันที
ขณะที่เดินอยู่ในหุบเขาแคบๆ ดวงตาของเจียงเฉินลุกวาว เขามองไปยังรอยแตกที่ไม่ห่างจากนี้ มันมีกล้วยไม้สีม่วงเปล่งแสงอยู่ ภายใต้การสะท้อนแสงตะวัน มันเรืองแสงสีม่วง
"กล้วยไม้อิงม่วง ฮ่าฮ๋า ข้าไม่เคยคาดว่ากล้วยไม้อิงม่วงจักอยู่ในที่แห่งนี้!นี่เป็นวันแห่งโชคอะไรเช่นนี้!"
เจียงเฉินตื่นเต้น แม้นว่าดอกไม้สีม่วงนี่จะมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ มันบานออกมาเก้ากลีบและมีรากหนาแน่น มันอยู๋ในขั้นโตเต็มวัยแล้ว
"กล้วยไม้อิงม่วงเป็นหนึ่งในส่วนผสมหลักของยาหกสุริยะ!ข้าไม่อาจหามันได้ในนิกายทมิฬและข้าไม่เคยคาดว่าจะพบมันที่นี่"
ไม่มีการพูดให้มากความ เจียงเฉินเก็บดอกไม้นี่ทันที ในความทรงจำของเขา ในการที่จะปรุงยาหกสุริยะจำเป็นต้องใช้ส่วนผสมทั้งหมดสี่สิบเก้าชนิด กั๋วฉานมีพวกมันครบยกเว้นกล้วยไม้อิงม่วง
"ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเจ้าบ้านี่จะโชคดีอย่างนี้!"
หวงต้าหันจมูกของมันไปทางเจียงเฉิน
"เงียบเลยไป นี่มันวันแห่งโชคของข้า หมาอย่างเจ้าไม่รู้เรื่องอันใดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก"
เจียงเฉินตบหัวหวงต้า ทำให้เกิดเสียงเหมือนเหล็กกระทบกัน
"โฮ่ง แง่ง แฮ่!! ข้าไม่ใช่หมา!"
หวงต้าเผยฟันมันออกมา
"เจ้าหมาเวร ลดเสียงลงหน่อย อย่าทำให้หมูป่าหนามอัคคีตื่นตัวสิ บัดซบ"
เจียงเฉินจ้องไปยังหวงต้า พวกเขาอยู่ส่วนที่ลึกสุดของเขตสาม และพวกเขาจักต้องกระทำอย่างระมัดระวังอย่าทำให้หมูป่าหนามอัคคีสนใจ
ชายหนุ่มและหมาเดินทางต่อ ทันใดนั้น เสียงคำรามอย่างดุร้ายออกมาไม่ไกลจากพวกเขา
กรรรรรร
เสียงคำรามดังกึกก้องและทุ้มต่ำ และมันดูทรงพลังดั่งราชาของเหล่าสรรพสัตว์ ด้วยการคำรามของมัน มันสามารถทำให้เหล่าสัตว์อสูรในเขาลูกนี้ยอมศิโรราบต่อมัน
"มันคือหมูป่าหนามอัคคี"
เจียงเฉินและหวงต้าอุทานออกมา
"เสียงคำรามนั่นดังมาจากด้านหน้าของพวกเรา จากฟังเพียงแค่เสียงเพียงอย่างเดียวข้าสามารถบอกได้ว่าความน่ากลัวของหมูป่าหนามอัคคีเป็นเช่นไร ไปดูให้มากกว่านี้เถอะและตรวจสอบมันด้วย อย่าได้ทำให้เกิดเสียงออกมาล่ะ"
เจียงเฉินกล่าว
ตรงหน้าพวกเขาเป็นเนินเขาเล็กๆ และเสียงคำรามของหมูป่าหนามอัคคีมาจากที่นั่น เจียงเฉินและหวงต้าปีนขึ้นกลางเนินเขาอย่างระวังตัวโดยไม่เกิดเสียงแม้แต่น้อย จากนั้นพวกเขาโผล่หัวขึ้น ทันใดนั้นพวกเขาเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำนอนอยู๋ไม่ห่างจากพวกเขานัก
ใจกลางของเนินเขา มันราบเรียบมีสนามขนาดเล็กอยู่ ด้านหลังมันมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ตอนนี้สัตว์อสูรตัวใหญ่กำลังนอนอยู่ใจกลางสนาม
สัตว์ป่าตัวนั้นตัวสูงราวๆหกเมตรเมื่อมันกำลังนอนอยู่บนพื้น ทั้งร่างของมันปกคลุมด้วยเกล็ดสีทอง และภายใต้การส่องมาของแสงตะวัน มันได้สะท้อนแสงระยิบระยับ
นี่คือหมูป่าหนามอัคคี มันมีใบหน้าอัปลักษณ์และคมเขี้ยมอันแหลมคมภายในปากของมัน ในตอนนี้หมูป่าหนามอัคคีกำลังนอนนิ่งอยู่บนพื้นดวงตาทั้งสองของมันปิดอยู่ มันดูเหมือนว่ากำลังอาบแดดอย่างสบายใจ
แต่เจียงเฉินรู้ว่าเจ้าหมูป่าหนามอัคคีนี้กำลังอยู่ในระหว่างกายบ่มเพาะ มันกำลังดูดซับพลังหยางบริสุทธิ์ที่มาจากดวงอาทิตย์ นี่เป็นความสามารถเฉพาะตัวของหมูป่าหนามอัคคี
สัตว์อสูรทั่วไปสามารถที่จะจำแลงกายกลายเป็นมนุษย์ได้เมื่อพวกมันทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้สวรรค์ แต่มันเป็นการยากกว่าสำหรับสัตว์ที่อยู่เหนือค่าเฉลี่ย เฉกเช่นหมูป่าหนามอัคคี ระดับการบ่มเพาะของมันอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง แต่มันไม่อาจจะจำแลงกายให้เป็นมนุษย์ได้ มันอาจจะต้องทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณยุทธหรืออาจจะต้องทะลวงเข้าสู่ขอบเขตราชันย์ปีศาจก่อนถึงสามารถจำแลงกายได้
สำหรับสัตว์เทวะอย่างหวงต้า การจำแลงกายของมันยากเย็นยิ่งกว่า มันอาจต้องทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนปีศาจหรือเทียบเท่ากับขอบเขตเซียนของมนุษย์
หมูป่าหนามอัคคีอยู่ในช่วงบ่มเพาะ และมันไม่รู้ว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญทั้งสองกำลังมองมันอยู่ประชิดตัวมัน ในตอนนั้นเองหากมันค้นหาทั่วพื้นที่ด้วยสัมผัสเทวะ มันจะพบเจียงเฉินและหวงต้าทันที อย่างไรก็ตามหมูป่าหนามอัคคีไม่เคยคาดว่าจะมีผู้หาญกล้าบุกรุกเข้ามายังส่วนที่สามและเข้ามาใกล้มัน
****************************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป…