เทพมังกรสงครามอหังการ - Dragon Marked War God ตอนที่ 153 การตัดสินใจอย่างอับจนหนทาง
แปลไทยโดย Takumi Kun
ตรวจทาน Takumi Kun
**************************************************************************
การล้มก่อนที่จะพบกับศัตรู นี่เป็นสิ่งที่น่าเศร้า
หุบเขาจิตวิญญาณหยินชื่อเสียงของมันเป็นที่รู้จัก จากการที่เดินทางมาไกล อี้เทียนหลงและอี้จื่อฮันต่างขัดขืนจิตวิญญาณแห่งหยินได้อย่างยากลำบาก หากว่าพวกเขายังคงเดินทางต่อไปยังจุดศูนย์กลางของหุบเขา พวกเขาอาจล้มลงได้
"ข้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับความน่ากลัวของจิตวิญญาณแห่งหยินและในที่สุดข้าก็มีโอกาสที่จะเห็นด้วยตนเอง ข่าวลือยังบอกอีกว่าแม้แต่แก่นแท้สวรรค์ขั้นปลายยังไม่สามารถที่จะขัดขืนจิตวิญญาณแห่งหยินในใจกลางหุบเขาได้ ข้าเกรงว่าพวกเราอาจจะไปไม่ถึงแท่นบูชาก็เป็นได้"
อี้เทียนหลงมีรอยยิ้มขมขื่นบนหน้าของเขา เมื่อพวกเขามองไปยังเจียงเฉินและหวงต้าผู้ที่สงบและผ่อนคลายอยู๋ พวกเขายิ่งรู้สึกหดหู่ นี่มัยเหลวไหลชัดๆ ความต่างระหว่างพวกเขามันมากมายนัก
"น้องเจียง พวกเราจะทำอย่างไรดี?ดูเหมือนว่าพวกเราจะกลายเป็นตัวถ่วงไปซะแล้ว"
อี้จื่อฮันมองเจียงเฉินแล้วถาม ในใจของเขานั้นเจียงเฉินได้กลายเป็นแกนนำของกลุ่ม
เจียงเฉินนั้นสงบไม่แสดงสัญญาณใดๆของความตื่นตระหนกออกมา เขาพลิกฝ่ามือดึงเอาขวดกระแช่สีมรกตออกมาจากแหวนมิติของเขา
"ภายในวารีกำเนิดพลังนี้จะช่วยพวกเจ้าต้านทานจิตวิญญาณหยิน รับไปซะ แล้วจิบเพียงนิดหน่อยเมื่อเจ้ารู้สึกว่าไปไม่ไหวแล้ว"
เจียงเฉินส่งขวนกระแช่มรกตไปให้อี้จื่อฮัน
"วารีกำเนิดพลัง?!"
อี้จื่อฮันและอี้เทียนหลงตะโกนออกมาอย่างไม่น่าเชื่อในเวลาเดียวกันขณะที่พวกเขามองไปยังขวดกระแช่มรกต มันมีวารีกำเนิดพลังมากมายอยู่ภายใน นี่เป็นการเปิดตาพวกเขาอย่างมาก วารีกำเนิดพลังเป็นพลังหยางอันบริสุทธิ์ มันสามารถที่จะช่วยต้านทานพลังหยินตราบที่มีมันก็จะได้รับประโยชน์อย่างมาก
"ข้าได้หยดโลหิตของข้าลงในวารีกำเนิดพลัง เลือดของข้ามีพลังหยางอันบริสุทธิ์ที่สุดในโลก มันเป็นคู่แข่งของจิตวิญญาณแห่งหยิน หลังจากที่เจ้าได้ดื่มมันไป เจ้าไม่ต้องกลัวเหล่าจิตวิญญาณหยินเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง"
เจียงเฉินกล่าว
ท่าทางตกใจเกิดขึ้นกับอี้เทียนหลงและคนอื่นๆ หน้าของพวกเขาดูโง่งม เจียงเฉินได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่หาที่เปรียบไม่ได้
"นายน้อยเจียง วารีกำเนิดพลังนี่มันแพงมากเลยนะ แต่พวกข้าไม่ขอปฎิเสธ หากข้าอี้เทียนหลงสามารถรอดออกจากหุบเขานี้ในวันนี้ ทุกๆคนในตระกูลอี้จะรับใช้นายน้อยเจียงเป็นนายของพวกเรา และจะทำทุกสิ่งที่ท่านบอกพวกข้าให้ทำ!"
อี้เทียนหลงพูดด้วยท่าทางจริงจัง ของขวัญแพงเช่นนี้ หากเป็นในโอกาสทั่วๆไปเขาอาจปฎิเสธ แต่ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้เขายอมรับมัน
อี้จื่อฮันเปิดขวดกระแช่สีมรกตและจิบวารีกำเนิดพลังเข้าไป นอกจากนั้นอี้เทียนหลงและคนอื่นๆก็จิบเช่นกัน
เมื่อวารีกำเนิดพลังเข้าไปยังร่างกายของพวกเขา ทั้งสี่คนรู้สึกเหมือนกระแสอากาศอุ่นได้แพร่กระจายภายในร่างพวกเขา ด้วยการช่วยเหลือของกระแสอากาศอุ่น จิตวิญญาณหยินได้ถูกขับออกจากร่างกายพวกเขา และพวกเขารู้สึกสบายตัวอย่างมาก ความรู้สึกแย่ที่มาจากผลของจิตวิญญาณหยินได้หายไปในทันใด
ทั้งสี่รู่สึกแปลกใจเป็นอย่างมากเพราะลำพังวารีกำเนิดพลังไม่มีประสิทธิภาพถึงเพียงนี้ นี่มันน่าอัศจรรย์
วารีกำเนิดพลังเป็นพลังหยางบริสุทธิ์และหลังจากที่หยดโลหิตของเจียงเฉินลงไป คุณภาพได้เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ทำให้มันสามารถต้านทานจิตวิญญาณหยินได้
ทั้งกลุ่มได้เดินทางไปถึงส่วนที่สี่ เส้นทางที่หวงต้าเลือกนั้นไม่มีเวรยามปีศาจโลหิตคอยเฝ้าอยู่ เหมือนกับว่าพวกมันได้โดนหวงต้าสังหารทิ้งก่อนหน้าแล้ว ทุกคนได้เดินทางอย่างเงียบๆและราบลื่นขณะที่พวกเขามาถึงจุดศูนย์กลางของหุบเขาจิตวิญญาณแห่งหยิน
"พวกเจ้าเห็นนั่นหรือไม่? มีเนินเขาขนาดเล็กอยู่ตรงหน้าและด้านหลังเนินเขาเป็นหุบเขา แท่นบูชาอยู่ที่หุบเขาแห่งนั้น"
หวงต้ากล่าว
"เงียบหน่อย ข้าคิดว่าพิธีเซ่นสังเวยยังไม่เริ่มที"
อี้จื่อฮันพูด
"จิตวิญญาณหยินจะแข็งแกร่งมากที่สุดในยามเที่ยงคืน หากการคาดเดาของข้าถูกต้องนั้น จ้าวจันทราโลหิตจะเริ่มพิธียามเที่ยงคืน"
เจียงเฉินพูดออกมา
แต่ละคนเก็บซ่อนพลังงานไม่ให้รั่วไหลออกไป จากนั้นพวกเขาเดินไปยังเนินเขาแห่งนั้นเมื่อพวกเขาขึ้นไปสู่ยอดของเนินเขาแห่งนั้นพวกเขาหันหัวไปยังหุบเขาที่อยู่ตรงหน้า
สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือกลุ่มของปีศาจโลหิตขนาดใหญ่ ต่างคุกเข่าอยู่บนพื้นกำลังทำการบ่มเพาะอยู๋ ไม่มีผู้ใดไหนกล้าเงยหัว ตรงหน้าพวกมันมีแท่นบูชาสีดำทั้งหมดสร้างมาจากหัวกระโหลกของมนุษย์มันดูอันตรายและน่าหวาดกลัว
บนแท่นบูชามีชายหนุ่มสวมชุดสีแดงนั่งปิดตาขัดสมาธิอยู่ ใบหน้าของเขาดูชั่วร้าย ด้วยริมฝีปากสีดำและออร่าสีดำห้อมล้อมตัวเขาด้วยกันกับอักขระปริศนาบนหน้าผากของเขา เขาดูเหมือนผู้ที่มาจากขุมนรก
ถัดจากแท่นบูชาเป็นเด็กสาวเรียงแถวเก้าสิบเก้าคน พวกนางทุกคนดูจิตใจเลื่อนลอยราวกับว่าพวกนางได้พบกับเหตุการณ์ที่ทำให้ช็อคเป็นอย่างมาก หมอกสีดำจางๆห้อมล้อมพวกนาง ป้องกันมิให้จิตวิญญาณหยินกัดกร่อนร่างกายของพวกนาง นี่เป็นเหตุว่าทำไมพวกนางถึงไม่ได้รับผลกระทบ
"จื่อหยาน!"
"น้องสาวข้า!"
อี้เทียนหลงและอี้จื่อฮันเห็นเด็กสาวคนแรกของแถว เป็นเด็กสาวที่สวมกระโปรงยาวสีน้ำเงิน ด้วยร่างที่ผอมบางใบหน้าที่งดงาม นางยืนขึ้นทันทีในหมู่เด็กสาว ดวงตาที่งดงามของนางได่กลายเป็นว่างเปล่า ทำให้ผู้อื่นรู้สึกเสียใจเมื่อได้มองตานาง
สภาพของนางทำให้ท่าทางของอี้จื่อฮันและอี้เทียนหลงได้กลายขึ้นๆลงๆ แต่โชคดีที่พวกเขาไม่ใช่คนทั่วๆไป พวกเขายังยับยั่งตัวพวกเขาเองได้ และไม่วู่วาม
"นายน้อยเจียง พวกเราจะลงมือเมื่อใดกัน?"
อี้เทียนหลงจ้องไปยังอี้จื่อฮัน พวกเขารู้สึกเหมือนมีมีดแทงใจพวกเขาตอนนี้ขณะที่มองบุตรสาวกำลังทุกข์ทรมานจากการทรมาน
เจียงเฉินกำลังมองหาจ้าวจันทราโลหิต ด้วยการตัดสินใจของเขาและทักษะรากวิญญาณอันยอดเยี่ยม เขาสามารถบอกระดับการบ่มเพาะของจ้าวจันทราโลหิตได้ทันที มันมีพลังอันแข็งแกร่ง และระดับการบ่มเพาะของมันอยู่ขอบเขตแก่นแท้สวรรค์ขั้นสูงสุด นอกจากนี้ชัดเจนว่าจ้าวจันทราโลหิตได้รับสืบทอดทักษะของหมอผีจันทราโลหิตมาด้วย มันได้เชี่ยวชาญทักษะของปีศาจโลหิต จ้าวจันทราโลหิตอาจไม่สามารถเทียบกับหนานเป่ยเฉาได้ แต่มันอยู่ระดับเดียวกับกวนอี้หยุนและเหลียงเซียว กระทั่งเฟินคุนยังอ่อนแอกว่าจ้าวจันทราโลหิต คนประเภทนี้ไม่ใช่ผู้ที่เจียงเฉินสามารถจัดการได้
"จ้าวจันทราโลหิตรับมือไม่ง่ายเลย นอกจากนั้นข้าไม่รู้ด้วยว่ามันได้รับสืบทอดทักษะใดมาจากหมอฝีจันทราโลหิต หากพวกเราลงมือโดยไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพวกมันมาก กระทั่งข้าอาจไม่ใช่คู่มือของมัน ดังนั้นพวกเราจำต้องรอก่อน"
ดวงตาของเจียงเฉินลุกวาว ตอนนี้เขามีตราประทับมังกรทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบดวงแล้ว ด้วยพละกำลังยุทธของเขา เขาสามารถที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้สวรรค์ขั้นปลายทั่วๆไปได้ เขากระทั่งสามารถรับมืออัจฉริยะเช่นเฟินคุนได้ แต่การที่เขาจะต้องสู้กับคนที่อยู่ระดับเดียวกับกวนอี้หยุนเขาจำเป็นต้องการพลังอีก
นอกจากนี้สถานที่นี้คือหุบเขาจิตวิญญาณแห่งหยิน มันเป็นหัวใจของจ้าวจันทราโลหิต เจียงเฉินไม่อาจเชื่อว่านอกจากทักษะของจ้าวจันทราโลหิตแล้ว ที่นี่จะไม่มีกับดักซุกซ่อนอยู๋
"รอจนถึงเมื่อใดกัน?"
อี้จื่อฮันถาม
"ข้ารู้ว่าพวกเจ้าต่างเป็นกังวลเกี่ยวกับอี้จื่อหยาน หากพวกเราลงมือในตอนนี้ ไม่เพียงแค่พวกเราไม่อาจช่วยนางได้ พวกเจ้าทั้งหมดอาจถูกสังหารได้อีกด้วย แม้ว่าหากข้าสามารถรับมือจ้าวจันทราโลหิตได้ พวกเจ้าทุกคนจะรับมือกับปีศาจโลหิตนับพันอย่างไร?"
เจียงเฉินมองไปยังอี้เทียนหลงและอี้จื่อฮันแล้วเขาก็พูดต่อ "รอจนยามเที่ยงคืน เมื่อจ้าวปีศาจโลหิตเริ่มพิธีเซ่นสังเวย พิธีเช่นนี้จักต้องใช้เวลาชั่วระยะเวลาหนึ่งถึงจะเสร็จสมบูรณ์ เมื่อพิธีนี้ได้ถูกขัดจังหวะ กระทั่งจ้าวจันทราโลหิตจะต้องทุกข์ทรมานเป็นแน่ ข้าจะรอจ้าวจันทราโลหิตได้มุ่งความสนใจไปยังพิธีกรรม จากนั้นพวกเราจะลงมือ"
เจียงเฉินแสยะยิ้มขึ้น ยอดฝีมือที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องมีเพียงพละกำลังยอดเยี่ยม เขาจักต้องมีความฉลาดเหนือล้ำคนทั่วๆไปอีกด้วย เมื่อประสานทั้งสองอย่าง คนผู้นั้นจะถูกเรียกว่ายอดฝีมือที่แท้จริง
ทักษะยุทธโดยรวมของเจียงเฉินนั้นสูงอย่างน่าอัศจรรย์และเขาไม่เคยที่จะกำหนดแต่อย่างใด เขารู้ดีถึงวิธีในการจัดการกับศัตรูในเวลาใด หากเพียงลำพัง เขามีความมั่นใจว่าเขาจะได้รับชัยชนะในทุกการต่อสู้ กระทั่งหากเขาจำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต เขาจำเป็นต้องแน่ใจว่าต้องมีสิ่งที่เขาสามารถรับมือด้วยความมั่นใจได้ เจียงเฉินไม่เคยทำสิ่งใดที่ขาดความมั่นใจ
"ท่านผู้นำ นายน้อยเจียงพูดมานั้นล้วนถูกต้อง ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งรีบ หากพวกเราลงมือตอนนี้ ด้วยจ้าวจันทราโลหิตที่สภาพพร้อมที่สุด ไม่มีทางที่พวกเราจะจัดการมันได้"
หนึ่งในแขกผู้มีเกียรติตระกูลอี้กล่าว
อี้เทียนหลงหายใจเข้าลึกๆแล้วผงกหัว ข้ารู้ว่าเจียงเฉินนั้นถูกแล้ว เพราะด้วยแผนการลงมือของเขาเท่านั้นที่จะมีโอกาสที่จะจัดการเหล่าปีศาจโลหิตได้ แต่เขาได้คิดบางอย่างและถามตรงๆ "นายน้อยเจียง จากที่ท่านกล่าวมานั้น พวกเราจำเป็นต้องรอจนกว่าจ้าวปีศาจโลหิตจะมุ่งความสนใจทั้งหมดกับพิธีกรรมเซ่นสังเวย …..นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเราต้องรอจนกว่าพิธีกรรมเซ่นสังเวยเริ่มก่อนที่พวกเราจะลงมือเช่นนั้นรึ?"
"ตามที่ข้าพูดไป พิธีกรรมเซ่นสังเวยโลหิตนั้นจะใช้เวลาระยะหนึ่งถึงเสร็จสมบูรณ์ และเหล่าเด็กสาวจักถูกนำไปสังเวยทีละคนทีละคน พวกมันไม่นำไปสังเวยทั้งหมดในคราเดียว เจ้าจะต้องอธืษฐานมิให้อี้จื่อหยานเป็นคนแรกที่ต้องโดนสังเวย"
เจียงเฉินไม่แสดงอาการใดๆออกมาทางสีหน้า
"นายน้อยเจียงนั่นหมายความว่าจะให้มีเด็กสาวบางคนโดนสังเวยเช่นนั้นรึ?"
อี้จื่อฮันถาม
"อย่างไรก็ตามพวกเราจำเป็นต้องสังเวยพวกนางบางคนไป การสังเวยเพียงไม่กี่คนย่อมดีกว่าการที่สังเวยพวกนางหมดทุกคน ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการช่วยเหลือพวกนางทั้งหมด แต่ข้าจำเป็นต้องช่วยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะช่วยได้"
เจียงเฉินไม่แสดงอาการใดๆออกทางสีหน้า มันยากที่จะเชื่อว่าเด็กหนุ่มวัยสิบหกสามารถปฎิบัติกับชีวิตได้อย่างไม่สนใจได้เช่นนี้
แต่สิ่งที่เจียงเฉินพูดนั้นถูกต้อง บางคนจำเป็นต้องยอมโดนสังเวยพวกตนเองเพื่อที่จะช่วยชีวิตอื่นอีกมาก นอกจากนั้นเจียงเฉินต้องการที่จะให้พิธีกรรมสังเวยโลหิตเริ่มขึ้นก่อนที่พวกเขาจะลงมือ มันเป็นโอกาสเดียวที่จะจัดการจ้าวจันทราโลหิตได้ หากพวกเขาทำสำเร็จเพียงแค่หนึ่งชีวิตที่ยอมถูกเซ่นสังเวย ขณะที่คนที่เหลือปลอดภัย นี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่สามารถทำได้หากไม่เช่นนั้นชีวิตทุกชีวิตของพวกนางจักต้องตกตายหมด
"พวกข้าจะปฎิบัติตามคำพูดของนายน้อยเจียง"
อี้เทียนหลงหายใจถี่มากขึ้น เขาเป็นกังวล เพราะอี้จื่อหยานเป็นคนหนึ่งที่ได้อยู่ใกล้แท่นบูชาที่สุด และนางเป็นหัวแถวอีกด้วย นั่นหมายความว่าหากจ้าวจันทราโลหิตต้องการที่จะเริ่มพิธีกรรมเซ่นสังเวยโลหิต เป็นไปได้สูงที่นางจะถูกเลือกเป็นคนแรกที่ต้องสังเวย
"น้องสาวข้า สิ่งที่ข้าทำได้ทั้งหมดในตอนนี้คืออธิษฐานสำหรับโชคของเจ้า"
อี้จื่อฮันกำหมัดแน่น และดวงตาของอี้เทียนหลงแดงก่ำ สำหรับพวกเขาเพียงแค่ผ่านไปเพียงวินาทีนั่นหมายถึงความเจ็บปวด ความรู้สึกที่ต้องมองสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดต้องดิ้นรนในเพลิงนรกขณะที่พวกเขาทำได้เพียงแค่มองดูเท่านั้น ความรู้สึกเช่นนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจได้
เจียงเฉินถอนหายใจในใจเขา ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวประเภทนี้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น แต่ในเวลาเดียวกันรู้สึกอับจนหนทาง
นี่คือชีวิต ด้วยช่วงขณะที่อับจนหนทาง เจ้าอาจจะตัดสินใจได้ทุกรูปแบบ และบางครั้งการตัดสินใจอาจทำให้ชีวิตถูกคุกคามได้ แต่กระทั่งเจ้าจักต้องฝืนที่จะทำมัน เจ้าจำเป็นต้องตัดสินใจเช่นนั้น
เวลาเป็นช่วงระยะหนึ่งและไม่นานมันก็จะถึงยามเที่ยงคืน ช่วงเวลานั้น จิตวิญญาณหยินทั้งหมดในหุบเขาจะอยู่รวมกันหนาแน่นอย่างแท้จริง จ้าวจันทราโลหิต ผู้ที่ปิดตามาโดยตลอดทันใดนั้นมันได้ลืมตาขึ้นในทันที
**************************************************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป………….