เทพมังกรสงครามอหังการ - Dragon Marked War God ตอนที่ 152 หุบเขาจิตวิญญาณแห่งหยิน
แปลไทยโดย Subaru Kyun
ตรวจทาน Subaru Kyun
===================================================
เจียงเฉินขมวดคิ้วของเขา ความรู้สึกไม่ดีนี่ เขาอยู่มาถึงสองชีวิต ในชีวิตที่แล้วเขาเป็นถึงเซียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จิตใจเขามั่นคงดั่งหินผา มันไม่สามารถเทียบได้กับสิ่งใดทั้งนั้น แม้แต่ช่วงเวลาที่ชีวิตเขาตกอยู่ในอันตราย เขายังสามารถที่จะเยือกเย็นอยู่ได้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมีท่าทีกระวนกระวายใจ
แต่ในตอนนี้ ความเยือกเย็นของเขาเกิดอาการสับสน อารมณ์เช่นนั้นได้หายไปจากใจของเจียงเฉิน
"ข้าเกลียดความรู้สึกนี่"
ดวงตาของเจียงเฉินส่องประกายเย็นชา เขาเตรียมที่จะค้นหาจ้าวจันทราโลหิตระหว่างการเดินทางคืนนี้ แต่อารมณ์ของเขาในตอนนี้แย่อย่างยิ่ง ความรู้สึกร้อนใจได้ทำให้เขาสงสัยหากมีสิ่งแย่ๆเกิดขึ้น หรือหากมันเกิดขึ้นไปแล้วละก็
" คู่หู่… เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? "
หวงต้ารู้สึกถึงอารมณ์ของเจียงเฉินที่แปรเปลี่ยนไป หลังจากที่ได้ติดตามเจียงเฉินมาเป็นเวลานาน มันยังไม่เคยเห็นเจียงเฉินเป็นเช่นนี้มาก่อน ในใจของมัน เจียงเฉินเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่สามารถคงความเยือกเย็นไว้ได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะอันตรายแค่ไหน เขายังคงเยือกเย็น แต่จู่ๆมันก็เกิดขึ้น อารมณ์ของเขาเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง นี่ทำให้มันงุนงงอย่างมาก
" ไม่มีอะไร จู่ๆข้าแค่รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย "
เจียงเฉินส่ายหัวของเขา
" เจ้ากำลังกังวลเกี่ยวกับจ้าวจันทราโลหิตรึ? ข้ามั่นใจว่าจ้าวจันทราโลหิตนั้นไม่ง่าย เช่นเดียวกับหุบเขาจิตวิญญาณหยินได้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังคนทรงจันทราโลหิต หากความคิดของข้าถูกต้อง จ้าวจันทราโลหิตต้องได้รับสืบทอดทักษะเฉพาะจากคนทรงจันทราโลหิตเป็นแน่ ดังนั้น หุบเขาจิตวิญญาณหยินก็เปรียบเหมือนสถานที่ของมัน ยากที่จะต่อสู้กับมันที่นั่น "
หวงต้า พูด
" ไม่ว่าอะไรก็ตาม คืนนี้เราต้องพบจ้าวจันทราโลหิต มิฉะนั้นเราจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป "
เจียงเฉินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน สำหรับไม่กี่วันก่อน จ้าวจันทราโลหิตยังคงไม่แสดงตัวของมันที่ไหน เขาแน่ใจว่ามันกำลังเตรียมการสำหรับพิธีสังเวยโลหิตในคืนนี้ หากว่ามันทำสำเร็จ มันก็จะทะลวงเข้าสู่แก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ และหากเป็นเช่นนั้น เจียงเฉินก็ไม่อาจจัดการมันลงได้ และเขตศิลาเหลืองก็จะกลายเป็นโรงฆ่าสัตว์สำหรับมันจ้าวจันทราโลหิต คืนนี้เป็นเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความสับสนวุ่นวายในใจของเขาตอนนี้ ยากที่จะทำให้เขาเยือกเย็นไว้ได้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะจ้าวจันทราโลหิต เพราะว่าเจียงเฉินไม่เคยกลัวศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเขา
ความรู้สึกร้อนใจยังคงอยู่ในหัวของเขาไม่ไปไหน
" ข้าสามารถเดินทางอย่างไม่หลบซ่อนทั่วทุกดินแดนภายใต้สวรรค์ ไม่มีสิ่งใดที่ข้ากลัว ไม่เว้นแต่เวลานี้ก็ตาม "
เจียงเฉินมีความดุดันภายในตาของเขา ด้วยทักษะรากวิญญาณยอดเยี่ยม เขาสามารถผลักเรื่องที่ไม่สบายใจออกไป และมุ่งความสนใจไปที่เรื่องเกี่ยวกับการจัดการจ้าวจันทราโลหิตในคืนนี้
เจียงเฉินไม่เคยคาดคิดว่าจะมีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นในนิกายทมิฬ ความร้อนรนในใจของเขาเป็นเพราะว่าหยานเฉินหยู่กับฮันหยานที่อยู่ในสถานการณ์วิกฤตก็เป็นได้
ช่วงบ่าย เจียงเฉินและหวงต้าได้ติดตามอี้จื่อฮันบินตรงไปยังทางเมืองศิลาเหลือง ด้วยความเร็วของพวกเขา ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีเท่านั้นในการเดินทางจากเมืองสุริยันสีชาด ไปเมืองศิลาเหลือง
ภายในตระกูลอี้ เมืองศิลาเหลือง อี้เทียนหลงเดินไปมาอย่างร้อนรนในโถงหลักพร้อมกับใบหน้ามืดมน เขากำลังรอบางสิ่งอย่างใจจดใจจ่อ ถัดจากเขาเป็นคนแก่ทั้งสองที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้สวรรค์ซึ่งร้อนรนเช่นเดียวกัน
" ท่านผู้นำ นายน้อยกลับมาแล้ว และเขาได้พาคนมากับเขาด้วย "
ในเวลานี้ ผู้คุ้มกันได้เดินเข้ามาและพูด
" นั่นต้องเป็นนายน้อยเจียงเป็นแน่ ! รีบเชิญพวกเขาเข้ามา! "
ดวงตาของอี้เทียนหลงส่องประกายขึ้น และเขาไม่กล้าแสดงท่าทีปฏิเสธ ในช่วงเวลานี้ ชื่อของเจียงเฉินได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเขตศิลาเหลือง และตระกูลอี้ต้องการความช่วยเหลือจากเจียงเฉินหากพวกเขาต้องการช่วยเหลืออี้จื่อหยาน
เวลาต่อมา อี้จื่อฮันได้พาเจียงเฉินและหวงต้าเข้ามา อี้เทียนหลงและชายแก่อีกสองคนรีบยืนขึ้นแล้วทักทายพวกเขา
" ท่านพ่อ นี่คือเจียงเฉิน ส่วนนี่คือหวงต้า "
อี้จื่อฮันแนะนำพวกเขาต่อบิดาของเขา
" ข้าได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของทั้งสองมานาน อี้เทียนหลง คารวะนายน้อยเจียง"
อี้เทียนหลงประสานมือของเขาและโค้งคำนับต่อหน้าเจียงเฉิน ด้วยสถานะของเขา เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นเขาสุภาพต่อหน้าชายหนุ่ม แต่อี้เทียนหลงรู้ถึงความสามารถของเจียงเฉินดี ในโลกแห่งการฝึกตน อายุหรือสถานะไม่สำคัญเมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง อี้จื่อฮันได้บอกอี้เทียนหลงเกี่ยวกับทุกสิ่งของเจียงเฉิน และสิ่งที่เขาได้ทำทั้งหมดเกี่ยวกับปีศาจโลหิต รวมถึงเรื่องที่เขาได้สร้างหายนะในนิกายทมิฬอีกด้วย
นอกจากนี้ เจียงเฉินยังเป็นผู้ชนะเลิศการแข่งขันประจำแคว้นฉี อีกทั้งยังได้ตกลงประลองกับหนานเป่ยเฉาในอีกหนึ่งปี ชื่อของเขาได้กระจายไปทั่วทั้งแคว้นฉี อี้เทียนหลงได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขามานาน
ส่วนหมาที่อยู่กับเจียงเฉิน ไม่สามารถประเมิณมันได้ ในข้อมูลที่อี้จื่อฮันให้เขามา เกี่ยวกับการต่อสู้กับปีศาจโลหิตภายในเมืองสุริยันสีชาด เขาได้กล่าวถึงเจ้าหมานี่ไว้เป็นพิเศษ ดังนั้น อี้เทียนหลงจึงไม่กล้าที่ปฏิเสธมันเช่นกัน
" คารวะท่านผู้นำอี้ เกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ของจ้าวจันทราโลหิต ตระกูลอี้แน่ใจไหมว่าเป็นของจริง? "
เจียงเฉิน ถามออกมา
" ใช่แล้ว จ้าวจันทราโลหิตจะทำพิธีสังเวยโลหิตในค่ำคืนนี้ในหุบเขาจิตวิญญาณหยิน บุตรสาวของข้า อี้จื่อหยานอยู่ในกลุ่มเด็กสาวที่จะถูกมันสังเวย ข้าหวังว่านายน้อยเจียงสามารถช่วยพวกเรา เข้าไปช่วยเหลือนาง! หากนางปลอดภัยจากสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ ตระกูลอี้ทั้งหมดซาบซึ้งพระคุณของนายน้อยเจียงอย่างยิ่ง ในอนาคตไม่ว่านายน้อยเจียงต้องการสิ่งใด พวกเราก็ยินดีทำตามคำขอของนายน้อยเจียง ! "
อี้เทียนหลงมีท่าทีเอาจริงเอาจัง เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับลูกสาวของเขา เขาไม่สามารถรอคอยที่จะไปยังหุบเขาจิตวิญญาณหยินไม่ได้อีกต่อไป เขาไม่รู้ว่าเจียงเฉินจะสามารถจัดการจ้าวจันทราโลหิตได้หรือไม่ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เจียงเฉินเป็นเพียงความหวังเดียวของพวกเขา
" ข้าคิดว่ามีปีศาจโลหิตหลงเหลืออีกไม่มากนัก ข้าสังหารพวกมันที่เมืองสุริยันสีชาดไปจำนวนหนึ่ง พวกมันที่เหลืออยู่คงรวมตัวกันที่หุบเขาจิตวิญญาณหยินนี้ ไปกันเถอะ ข้าต้องการพบจ้าวจันทราโลหิต และสังหารพวกมันทั้งหมดในวันนี้ "
จิตวิญญาณของเจียงเฉินได้ลุกโชน ในเวลาเดียวกัน อี้เทียนหลงกับชายแก่อีกสองคนข้างเขา สามารถสัมผัสจางๆถึงกลิ่นอายของจ้าวจากร่างกายของเขา นี่ทำให้พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่คิดเลยว่าทำไมชายหนุ่มเช่นเขาถึงได้มีกลิ่นอายเช่นนั้นได้
" เอาล่ะ พวกเราฟังคำสั่งนายน้อยเจียง ไปกันเถอะ "
อี้เทียนหลงรอคอยเวลานี้มานาน ท้องฟ้าเริ่มมืดลง เมื่อพวกเขาไปถึงที่หุบเขาจิตวิญญาณหยินก็คงมืดค่ำพอดี ไม่มีใครรู้ว่าพิธีสังเวยโลหิตจะเริ่มขึ้นเมื่อไร ชีวิตของอี้จื่อหยานตกอยู่ในความเสี่ยงตลอดเวลาจนกว่าจะช่วยนางจากราชันจันทราโลหิตได้
อี้เทียนหลงคุ้นเคยกับเขตศิลาเหลืองเป็นอย่างมาก ภายใต้การนำของเขา กลุ่มของพวกเขาได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังหุบเขา
เจียงเฉิน หวงต้า อี้จื่อฮัน อี้เทียนหลง และแขกผู้ทรงเกียรติทั้งสองจากตระกูลอี้ หกผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้สวรรค์ มุ่งหน้าไปยังหุบเขาจิตวิญญาณแห่งหยิน หากเป็นเพียงคนทั่วไปก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย ตั้งแต่ที่เจียงเฉินและหวงต้าอยู่ในกลุ่ม เรื่องราวนั้นจะแตกต่างออกไป
หุบเขาจิตวิญญาณแห่งหยินตั้งอยู่ใกล้ชายแดนของเขตศิลาเหลือง มันปกคลุมโดยรอบเกือบหนึ่งร้อยไมล์ ภูมิประเทศโดยรอบหุบเขานั้นขรุขระ และหุบเขาได้ถูกปกคลุมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งหยินตลอดทั้งวัน ไม่มีสัตว์อาศัยอยู่ มันกลายเป็นดินแดนที่ไม่มีผู้คน ไม่มีใครต้านทานการกัดกร่อนของจิตวิญญาณแห่งหยินภายในหุบเขานี้ได้
เมื่อเจียงเฉินและคนอื่นๆมาถึงที่หุบเขา ความมืดได้เข้าครอบงำเวลากลางคืน เมื่อเวลาผ่านไปจิตวิญญาณแห่งหยินหนาแน่นยิ่งขึ้น แม้จะอยู่ไกลๆทุกคนยังสัมผัสความรู้สึกน่าขนลุกข้างในหุบเขาได้
ดินแดนที่ตายแล้ว ไม่มีหญ้า หรือ ต้นไม้เจริญเติมโตได้ ไม่มีสัตว์หรือนกอาศัยอยู่ได้ การสั่นสะเทือนของจิตวิญญาณหยินได้เป็นสัญลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้
"นายน้อยเจียง ที่นี่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งหยิน ยิ่งลึกเข้าไปมันยิ่งหนาแน่น ข้าได้ยินมาว่าสุดทางของหุบเขานี้ จิตวิญญาณแห่งหยินหนาแน่นมากแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้สวรรค์ขั้นปลายก็ไม่อาจทนได้"
อี้เทียนหลงอธิบายออกมา คำพูดของเขาเติมเต็มความกลัวต่อหุบเขาจิตวิญญาณหยิน
เจียงเฉินมองเข้าไปพบว่าสถานที่นี้อันตรายอย่างแท้จริง จิตสังหารเข้มข้นจนสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า หากผู้เชี่ยวชาญทั่วไปได้ถลำลึกเข้าไปในหุบเขา จิตวิญญาณแห่งหยินต้องกัดกร่อนเขาในทันที จนอวัยวะภายในทั้งหมดหายไป
แต่เจียงเฉินไม่เกรงกลัวจิตวิญญาณแห่งหยิน เขาได้บ่มเพาะทักษะร่างแปลงมังกร ปราณและเลือดของเขาแข็งแกร่งเหมือนมังกร กล้ามเนื้อและลมหายใจของเขาเป็นตัวแทนของพลังหยางบริสุทธิ์ ในอีกความหมาย เจียงเฉินเป็นปฏิปักษ์โดยธรรมชาติสำหรับจิตวิญญาณแห่งหยิน
"หวงต้า เจ้าเข้าไปข้างในและช่วยตรวจดูสถานการณ์ที"
เจียงเฉินขอให้หวงต้าช่วยเหลือ วันนี้เป็นวันสำคัญของจ้าวจันทราโลหิต ดังนั้น หุบเขาจิตวิญญาณหยินต้องอัดแน่นไปด้วยปีศาจโลหิต ที่แห่งนี้ได้ยินเกี่ยวกับปีศาจโลหิต และด้วยความสามารถของหวงต้า เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นโดยไม่ต้องเข้าไปสำรวจ
ฟิ้ว…!
หลังจากที่เจียงเฉินพูดจบ หวงต้าได้เปลี่ยนร่างกายของมันเป็นลำแสงและหายเข้าไปในหุบเขา หลังจากนั้น อี้เทียนหลังและคนอื่นๆเบิกตากว้าง ตกใจอย่างมาก พวกเขาเห็นหวงต้าเข้าไปในหุบเขาจิตวิญญาณหยิน โดยไม่ได้ปลดปล่อยพลังหยวนออกมาป้องกันตัวเอง ดูเหมือนว่าจิตวิญญาแห่งหยินจะไม่มีความหมายสำหรับมัน
" มันช่างลึกลับเสียจริง "
ช่วยไม่ได้ที่อี้เทียนหลงจะถอนหายใจออกมา มีบางอย่างในโลกที่ไม่อาจตัดสินโดยทั่วไปได้ หวงต้าสืบสายเลือดมาจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันก็เป็นเหมือนเจียงเฉิน มันมีพลังหยางบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อจิตวิญญาณแห่งหยิน
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หวงต้าก็ออกมาจากหุบเขา
" ว่าอย่างไร? สถานการณ์ข้างในเป็นเช่นไรบ้าง? "
เจียงเฉิน ถาม
" มีแท่นบูชาทมิฬอยู่ใจกลางหุบเขา จ้าวจันทราโลหิตอยู่ที่แท่นบูชานั่น และยังมีปีศาจโลหิตอย่างน้อยพันตัวอยู่รอบๆ กำลังสวดภาวนาต่อหน้าแท่นบูชา มีเด็กสาวเก้าสิบ-เก้าคนถูกมัดอยู่อีกด้านของแท่นบูชา ดูเหมือนพิธีสังเวยโลหิตยังไม่เริ่ม "
แม้ว่าหวงต้าจะใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในหุบเขา มันได้สำรวจและเก็บรายละเอียดทุกอย่าง ความประทับใจยิ่งกว่านั้นคือไม่มีปีศาจโลหิตตรวจพบการบุกรุกของมันแม้แต่น้อย ด้วยความสามารถนี้เพียงอย่างเดียว มันก็สามารถชนะใจทุกคนในตอนนี้ได้
" มีปีศาจคอยคุ้มกันชายแดนหรือไม่? "
เจียงเฉิน ถามอีกครั้ง
" มี แต่มันตายไปหมดแล้ว พวกเจ้าตามข้ามา ข้าจะนำพาพวกเจ้าทั้งหมดไปยังแท่นบูชาโดยตรง "
หวงต้า กล่าว
" สมบูรณ์แบบ ทำได้ดีมาก ไปกันเถอะ! "
รอยยิ้มแสยะได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจียงเฉิน ภายใต้การนำของหวงต้า ทุกคนเริ่มวิ่งเข้าไปยังหุบเขาจิตวิญญาณหยิน
" ท่านผู้นำ จิตวิญญาณแห่งหยินมันแข็งแกร่งเหลือเกิน พวกเราทนต่อไปไม่ไหวแล้ว "
" ใช่แล้ว มันแย่สุดๆ ข้าเกรงว่าพวกเราจะล้มลงก่อนถึงใจกลางหุบเขา นอกจากนี้หากพวกเราพบเจอปีศาจโลหิตในสภาพเช่นนี้ นั่นคงเป็นความตายสำหรับพวกเรา "
หลังจากที่เดินทางเพียงแค่สามสิบไมล์ แขกผู้ทรงเกียรติของตระกูลอี้พบว่ามันยากมากที่จะต้านทานจิตวิญญาณแห่งหยิน หากพวกเขาฝืนไปต่อ พวกเขาต้องล้มลงก่อนที่จะถึงแท่นบูชาเป็นแน่
===================================================
โปรดติดตามตอนต่อไป…………