หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

เทพมังกรสงครามอหังการ - Dragon Marked War God ตอนที่ 139 ช่วงเวลาวิกฤติ

  1. หน้าแรก
  2. เทพมังกรสงครามอหังการ
  3. Dragon Marked War God ตอนที่ 139 ช่วงเวลาวิกฤติ
Prev
Next

แปลไทยโดย  Subaru-Kyun

ตรวจทาน        Subaru-Kyun

=======================================================

นี่เป็นฉากที่โหดเหี้ยมอย่างมาก มากพอที่จะทำให้ความกังวลของคนที่ได้เห็นพุ่งทะยานสูงขึ้น ความสิ้นหวังได้ทำให้เด็กสาวตัวน้อยสูญสิ้นเรี่ยวแรงทั้งหมดของนาง พวกนางไม่สามารถดิ้นรนอะไรได้อีก ภายใต้การจับตามองของปีศาจโลหิต พวกนางไม่มีความกล้าพอที่ฆ่าตัวตายเสียด้วยซ้ำ ทำได้เพียงรอที่คอยที่จะเป็นเครื่องสังเวยเท่านั้น

ตึง…..!

หลังจากที่รีดเลือดออกมาจนหยดสุดท้าย หัวหน้าหน่วยปีศาจโลหิตโยนร่างที่แห้งเหี่ยวของเด็กสาวออกไปจากแท่นบูชา

"คนต่อไป"

ดวงตาของหัวหน้าปีศาจหน่วยโลหิตเปิดขึ้นมา ภายใต้ดวงตาสีแดงโลหิตมันพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง

ตู้ม…..!

ในตอนนั้นเอง ได้มีอะไรบางอย่างร่วงหล่นจากฟากฟ้ามายังแท่นบูชา มันได้หล่นมาตรงหน้าของหัวหน้าหน่วยปีศาจโลหิต เมื่อหัวหน้าเหลือบมองขึ้นไปว่ามันเป็นอะไรกันแน่ ทันใดนั้นมันได้คำรามออกมาด้วยความกราดเกรี้ยว

สิ่งที่ร่วงหล่นมาจากฟากฟ้าคือหัวของปีศาจโลหิตตนหนึ่ง ใบหน้าของมันแสดงถึงความหวาดกลัวจนถึงที่สุด ไม่เพียงแต่ใบหน้าของมันถูกปกคลุมไปด้วยเลือด เขี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกมันเหล่าปีศาจโลหิตได้หายไปด้วย

"ใครกัน?!"

ทันใดนั้น หัวหน้าหน่วยปีศาจโลหิตที่ยืนอยู่บนแท่นบูชา ได้ปลดปล่อยพลังปีศาจของมันออกมา หัวหน้าปีศาจโลหิตมีพลังถึงขอบเขตแก่นแท้สวรรค์ขั้นต้น เหล่าปีศาจโลหิตจะสามารถเป็นหัวหน้าหน่วยได้จะต้องมีพลังถึงขอบเขตแก่นแท้สวรรค์เป็นอย่างต่ำ พวกมันยังสามารถฝึกทักษะสังเวยโลหิต โดยใช้เลือดของเด็กสาวมาเป็นพลังให้มันได้อีกด้วย

เหตุผลที่หัวหน้าหน่วยได้คร่ากุมเหล่าเด็กสาวจำนวนมากเพียงเพื่อใช้ทักษะสังเวยโลหิตของมัน หลังจากเหล่าเด็กสาวได้ถูกสังเวยไปหมดแล้ว มันก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้สวรรค์ขั้นกลางได้ อย่างไรก็ตาม มันได้กราดเกรี้ยวเป็นอย่างมาก หลังจากที่มันเพิ่งจะสังเวยเด็กสาวคนแรก ก็ได้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น

"ฮึ่มม…. ! ปีศาจและทักษะปีศาจ! ได้ทำให้ผู้คนได้จมดิ่งสู่หุบเหวแห่งความทุกข์ยาก กฎของเอกภพนี้ไม่อนุญาตให้เป็นเช่นนี้ได้อีกต่อไป เจ้าพวกบัดซบทั้งหลาย!"

มีเสียงที่เย็นชาออกมาจากบนฟ้า ปีศาจโลหิตทั้งหมดได้เงยหน้ามองขึ้นไป พวกมันทั้งหมดได้เห็นชายหนุ่มในชุดสีขาวพร้อมทั้งปีกสีโลหิตคู่หนึ่งบนหลังของมัน ชายหนุ่มคนนี้เรืองแสงสีทองในขณะที่มันกำลังถือหัวของศพอยู่ ซึ่งก็คือปีศาจโลหิตนั่นเอง

ตู้มมม!

พลังอันทรงพลังได้ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเจียงเฉิน ได้ทำให้ศพแตกกระจาย  กลายเป็นเพียงหมอกเลือดเท่านั้น จากนั้นมันก็จางหายไปในกับความมืดยามค่ำคืน

"เจ้ากล้าดีเช่นไร!"

ปีศาจโลหิตตะโกนออกมาอย่างกราดเกรี้ยว แผนที่เตรียมการเอาไว้อย่างดี และการที่มันถูกรบกวนพีธีสังเวยโลหิต ได้ทำให้มันโกรธถึงขีดสุด ในความคิดของมัน ชายหนุ่มที่มาที่นี่มันรนหายที่ตายของมันเท่านั้น

ฟิ้ววว…..!

ปีกโลหิตของเจียงเฉินได้กระพือบินลงมาจากฟากฟ้า ทันใดนั้นปีศาจโลหิตแก่นแท้มนุษย์ทั้งสิบตนได้มาล้อมรอบตัวเขาไว้ พวกมันโชว์เขี้ยวเล็บของมัน พร้อมที่จะฉีกเขาให้เป็นชิ้นๆ

"พวกเราสามารถท้าทายธรรมชาติในเอกภพนี้ได้ แต่พวกเราไม่อาจให้ผู้คนจมดิ่งสู่หุบเหวแห่งความทุกข์ยากได้ พวกเราเหล่าผู้ฝึกตน พวกเราสามารถท้าทายธรรมชาติได้ พวกเราสามารถแหกกฎเกณฑ์แห่งเอกภพนี้ได้ แต่พวกเราไม่อาจสูญเสียรากฐานของความเป็นมนุษย์ไปได้! ปีศาจโลหิตทั้งหมดจักต้องสูญสิ้นไปจากโลกใบนี้!"

เจียงเฉินตะโกนออกมาเสียงดัง เขามีหนทางของเขาและเขาได้วางหลักการของตัวเขาเอง แม้ว่าเค้าจะโหดเหี้ยมอำมหิต แต่เขาก็ใช้ความโหดเหี้ยมนั่นกับศัตรูของเขาเท่านั้น เขาเป็นชายซึ่งมีความแตกต่างอย่างชัดเจนในคนเดียวกันทั้งใจดีและโหดเหี้ยม ในโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดที่ไร้ซึ่งเหตุผล เหล่าเด็กสาวตรงหน้าเขาทั้งอ่อนแอและไร้เดียงสา และเหล่าปีศาจโลหิตได้ล่วงละเมิดกฎขั้นพื้นฐานของมนุษย์ไป พวกมันจักต้องตาย

ฟิ้ววว ฟิ้ววว ฟิ้วววว…….

ในทันใดนั้น มีแสงสีทองจำนวนมากปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเจียงเฉิน ลำแสงสีทองแต่ละสายราวกับใบดาบที่คมกริบ พวกมันได้ทะลวงผ่านปีศาจโลหิตทุกตนยกเว้นหัวหน้าหน่วยด้วยความเร็วสูง

ตู้ม ตู้มม ตู้มมม…….

หลังจากนั้น ภายใต้การโจมตีของลำแสงสีทอง ปีศาจโลหิตทั้งหมดได้กลายเป็นเพียงหมอกเลือด มันตายอย่างน่าสยดสยอง เจียงเฉินปฏิบัติต่อเหล่าปีศาจโลหิตอย่างไร้ปราณี

"สารเลว เจ้ากล้าดียังไงถึงได้มาเข่นฆ่าพวกข้า ปีศาจโลหิตผู้สูงส่งเช่นนี้?! หาที่ตาย!"

ความโกรธของหัวหน้าหน่วยได้พุ่งทะยานถึงขีดสุด มันไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายหนุ่มที่ไม่รู้มาจากไหนถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้ เพียงพริบตา ก็สามารถสังหารปีศาจโลหิตทุกตนได้อย่างง่ายดาย

ตู้ม……

หัวหน้าหน่วยปีศาจโลหิตได้โจมตีกลับไป มันได้ปลดปล่อยฝ่ามือสีเลือดขนาดยักษ์พุ่งเข้าใส่เจียงเฉิน

ฮึ่มมม!

เจียงเฉินแค่นเสียงอย่างเย็นชา พลังที่มองไม่เห็นได้พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ฝ่ามือโลหิตที่ทรงพลังได้ถูกทำลายในทันที หลังจากนั้น เจียงเฉินได้ชี้นิ้วของเขาดุจใบดาบ ดัชนีสีทองขนาดยักษ์ทั้งสามสายได้ปรากฏขึ้นโดยฉับพลัน จากนั้นได้พุ่งเข้าใส่แท่นบูชาทมิฬ

ตู้มมมมมมมมมม!

หกดัชนีสุริยะนั้นเป็นทักษะที่ทรงพลังอย่างยิ่ง แท่นบูชาได้ถูกสร้างขึ้นจากหินที่แข็งแกร่งได้แตกสลายกลายเป็นซากปรักหักพังภายใต้แรงกดดันนั่น

หัวหน้าหน่วยปีศาจโลหิตตกตะลึงกับสิ่งที่มันได้เห็น ในตอนนี้มันทำได้แค่เพียงสีมผัสถึงความน่ากลัวของชายหนุ่มตรงหน้ามัน มันรู้ว่ามันไม่อาจต่อกรกับชายหนุ่มคนนี้ได้ ดังนั้นมันไม่อยากเสียเวลาเปล่า จึงบินขึ้นบนฟ้าและพยายามหลบหนี

"เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก"

เจียงเฉินใช้ปีกโลหิตของเขาบินไล่ตามด้วยความเร็วสูง เขาสามารถจับหัวหน้าหน่วยไว้ได้ เขาฉีกกระชากหัวหน้าหน่วยด้วยปีกของเขา หลังจากที่ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนร่างของหัวหน้าหน่วยได้ถูกตัดขาดเป็นสองส่วนโดยเจียงเฉิน

เจียงเฉินยื่นมือของเขาออกมาทำท่าทางจับ  แกนพลังงานปีศาจสีแดงได้ลอยออกมาจากศพของหัวหน้าหน่วย มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายของปีศาจ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ให้พลังงานมากมายยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับดวงจิตวิญญาณอสูร

เจียงเฉินบีบฝ่ามือของเขา ได้ทำให้แกนพลังงานปีศาจขนาดเท่ากำปั้นแตกสลาย กลายเป็นแสงสีแดงลอยเข้าสู่ร่างกายของเจียงเฉิน

"ทักษะร่างแปลงมังกร!"

เจียงเฉินตะโกนออกมา ด้วยความช่วยเหลือของทักษะร่างแปลงมังกร แกนพลังงานปีศาจถูกดูดซับโดยสมบูรณ์เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น พลังปีศาจได้ถูกชำระล้างด้วยทักษะร่างแปลงมังกร เหลือเพียงพลังงานที่บริสุทธิ์ ปราณและโลหิต แกนพลังงานปีศาจได้ช่วยเจียงเฉินสร้างตราประทับมังกรเพิ่มอีกสองดวง จนตอนนี้มีตราประทับมังกรในทะเลลมปราณของเขาถึงแปดสิบเจ็ดดวง

หัวหน้าหน่วยปีศาจโลหิตนั้นแข็งแกร่ง มันแข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วไปในระดับพลังเดียวกัน แต่ก็เท่านั้น มันไม่อาจเทียบได้กับเจียงเฉิน ด้วยความแข็งแกร่งของเจียงเฉินในปัจจุบัน เขาสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้สวรรค์ขั้นต้นได้ง่ายๆเพียงพริบตาเท่านั้น

เจียงเฉินเก็บปีกของเขาแล้วลงมาข้างล่าง เหล่าเด็กสาวตื่นตระหนกตกใจจ้องมองไปยังเขาอย่างว่างเปล่า พวกนางตกตะลึงก็บสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

"พวกเจ้าทั้งหมดมาจากเมืองสุริยันสีชาดเช่นนั้นรึ?"

เจียงเฉินถามพวกนาง แต่เด็กสาวทั้งหมดยังมีท่าทีตกใจ ไม่มีใครตอบกลับสักคนเดียว เจียงเฉินยิ้มออกมาจากนั้นก็พูดว่า "ไม่ต้องกลัวไป ข้าเป็นศิษย์จากนิกายทมิฬ เหตุผลที่ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อสังหารปีศาจโลหิตเท่านั้น ตอนนี้พวกเจ้าทั้งหมดปลอดภัยแล้ว"

แม้ว่าเหล่าเด็กสาวจะถูกเติมเต็มไปด้วยความกลัว แต่เมื่อพวกนางได้ยินคำว่า 'นิกายทมิฬ' และ 'ปลอดภัย' นอกจากนี้ชายหนุ่มตรงหน้าของพวกนางแสดงท่าทีที่ดีกว่าปีศาจที่โหดร้ายพวกนั้น พวกนางรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้ได้เข่นฆ่าปีศาจโลหิตเพื่อช่วยพวงนางไว้

"พวกเรามาจากเมืองสุริยันสีชาด! มีบางคนไม่ใช่ แต่พวกเราได้ตกเป็นเหยื่อแก่ปีศาจเหล่านั้น! ข้าขอบคุณท่านผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้!"

เด็กสาวได้โค้งคำนับตรงหน้าเจียงเฉิน ที่เหลือก็ได้ทำตามเช่นเดียวกับนาง

เจียงเฉินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หากเขามาช้ากว่านี้เพียงไม่กี่นาที เหล่าเด็กสาวต้องถูกฆ่าตายหมดเป็นแน่ เมืองสุริยันสีชาดเป็นเพียงเมืองธรรมดาทั่วไปภายในเขตศิลาเหลือง และอยู่ภายใต้เมืองศิลาเหลือง ลองจินตนาการถึงช่องโหว่ของเมืองเหล่านี้ หากปีศาจโลหิตโจมตีเมืองเต็มกำลัง ต้องเกิดภัยพิบัติร้ายแรงกับเมืองเล็กๆเป็นแน่

เจียงเฉินปลดปล่อยพลังหยวนออกมา ก่อตัวเป็นตาข่ายขนาดใหญ่จากนั้นเขาคลุมเหล่าเด็กสาวด้วยตาข่ายนั่น และบินขึ้นบนท้องฟ้ากลับไปยังที่ที่เขาจากมา

ภายในหุบเขาที่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยไมล์ หวงต้ากระดิกหางของมันอย่างเยือกเย็น แต่จางเหว่ยและพรรคพวกเดินวนไปมาด้วยความสับสน

"หยุดเดินวนเสียที เจ้าทำให้บิดาผู้นี้เวียนหัวไปหมด! เมื่อเจ้าหนุ่มนั่นลงมือเจ้าจะคาดหวังอะไรก็เรื่องของเจ้า แต่มันสำเร็จแน่นอน "

จางเหว่ยและคนอื่นขอโทษหวงต้า หลังจากที่พวกเขาได้เป็นสักขีพยานของความโหดเหี้ยมอำมหิตของเจ้าหมานี่ พวกเขาจะกล้าแสดงท่าทีดูถูกได้เช่นไร?

"พี่จางเหว่ย ดูนั่นสิ นายน้อยเจียงกลับมาแล้ว!"

"ดูนั่น น้องเซียวกับคนอื่นก็อยู่ด้วย พวกนางยังมีชีวิตอยู่!"

ชายสองคนเห็นเจียงเฉินบินเข้ามาหาพวกเขา พร้อมกับเหล่าเด็กสาว พวกเขาจำได้เด็กสาวบางคนมาจากเมืองสุริยันสีชาด

เมื่อเหล่าเด็กสาวได้พบกับสหายของพวกนาง พวกนางก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป เริ่มร้องไห้ออกมาจากใจ พวกนางร้องไห้ออกมา เพื่อให้สิ่งเลวร้ายที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ของพวกนาง

"นายน้องเจียงเฉิน ท่านเป็นผู้กอบกู้ของพวกเรา โปรดรับการขอบคุณจากพวกเราไปด้วย!"

จางเหว่ยกับสหายของเขาโค้งคำนับให้แก่เจียงเฉิน พวกเขาตื้นตันในสิ่งที่เจียงเฉินได้ทำลงไป หากไม่ใช่เพราะเจียงเฉิน พวกเขาคงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ พวกเขาคงเป็นเพียงแค่ซากศพที่เหี่ยวแห้งเท่านั้น

"พอเถอะ แล้วเมืองสุริยันสีชาดไกลจากที่นี่แค่ไหน?"

เจียงเฉิน ถามออกมา

"ไม่ไกลจากที่นี่ เพียงแค่สามร้อยไมล์     ปีศาจโลหิตได้ปรากฏกายครั้งแรกที่เมืองสุริยันสีชาด"

จางเหว่ย อธิบาย

"สามร้อยไมล์งั้นรึ ไม่ไกลเท่าไร"

เจียงเฉินผงกหัวของเขา ระยะทางเพียงแค่สามร้อยไมล์เขาสามารภเดินทางไปได้ในทันที

"พวกเราหวังว่านายน้อยเจียงเฉินสามารถช่วยเมืองสุริยันสีชาดและพวกเราจากหายนะครั้งนี้ ข้าได้ยินมาว่าราชันย์จันทราโลหิตอยู่เบื้องหลังของปีศาจโลหิตทั้งหมด! เหล่าตระกูลที่แข็งแกร่งภายในเมืองศิลาเหลืองกำลังยุ่งกับการหาทางแก้ปัญหานี้ พวกเขาจึงไม่สามารถช่วยเราได้"

จางเหว่ยพูดด้วยท่าทีร้องขอ ในตอนนี้เจียงเฉินเป็นความหวังเดียวสำหรับเมืองสุริยันสีชาด

"ไม่ต้องกังวลไป เหตุผลที่ข้ามาที่นี่เพื่อสังหารราชันย์จันทราโลหิต จางเหว่ยนำทางข้าไปเมืองสุริยันสีชาด"

เมื่อได้ยินที่เจียงเฉินพูดความปิติยินดีได้เติมเต็มบนใบหน้าของจางเหว่ยและคนอื่นๆ ในตอนนี้พวกเขาได้เป็นพยานในทักษะของเจียงเฉิน ตั้งแต่ที่รู้ว่าเจียงเฉินมาจากนิกายทมิฬ ได้ให้ความมันใจเกี่ยวกับความสามารถของเขา พวกเขาเชื่อว่าเจียงเฉินจะช่วยพวกเขาได้ เมืองสุริยันสีชาดจะได้หลุดพ้นกับเรื่องนี้เสียที

ด้วยความช่วยเหลือของเจียงเฉินและหวงต้า จางเหว่ยและคนอื่นๆได้รับประสบการณ์ในการบินบนท้องฟ้า พวกเขามุ่งหน้าตรงไปยังเมืองสุริยันสีชาด

"จางเหว่ย ใครแข็งแกร่งที่สุดในเมืองสุริยันสีชาด?"

เจียงเฉิน ถามออกมา

"ท่านผู้มีพระคุณ เมืองสุริยันสีชาดเป็นเพียงเมืองเล็กๆในแคว้นฉี มีเพียงท่านเจ้าเมืองที่ระดับการบ่มเพาะถึงขอบเขตแก่นแท้สวรรค์ขั้นต้น อย่างไรก็ตามท่านเจ้าเมืองก็อายุมากแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะจัดการกับปีศาจโลหิตที่ทรงพลังได้"

จางเหว่ย พูดออกมา

เจียงเฉินผงกหัวของมันอย่างเงียบๆ เมืองสุริยันสีชาดนั้นมีขนาดเล็ก แต่เมื่อเทียบกับเมืองสีชาดกับเมืองฟ้าหอม มันยังแข็งแกร่งกว่ามาก นี่สินะความแตกต่างของขอบเขตพลัง

ในเมืองสุริยันสีชาดมีผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้สวรรค์เพียงคนเดียว หากปีศาจโลหิตตัดสินใจบุกโจมตีเมือง เพียงแค่หัวหน้าหน่วยเพียงตนเดียว เมืองนี้ก็จะถูกทำลายอย่างง่ายดาย แต่โชคดีที่ปีศาจโลหิตไม่ได้มาที่นี่มานานมากแล้ว ยังไม่สายเกินไปที่เจียงเฉินจะช่วยเหลือ

เจียงเฉินและหวงต้านั้นรวดเร็วเหลือเชื่อ เพียงไม่นานพวกเขาก็ไม่ถึงเมืองสุริยันสีชาด เมื่อมองจากไกลๆก็พบว่าไฟได้ลุกไหม้ไปทั่วอาณาบริเวณ เมฆสีดำได้ล่องลอยอยู่ข้างบน

"บัดซบ มันเกิดขึ้นแล้ว เหล่าปีศาจได้เข้ามาสังหารชาวเมืองแล้ว!"

ทันใดนั้นท่าทีของจางเหว่ยเปลี่ยนไป สิ่งที่เขากังวลมาตลอดที่สุดมันก็เริ่มขึ้นแล้ว

=======================================================

โปรดติดตามตอนต่อไป………………

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "Dragon Marked War God ตอนที่ 139 ช่วงเวลาวิกฤติ"

4.2 21 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz