หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

เทพมังกรสงครามอหังการ - Dragon Marked War God ตอนที่ 66 การตัดสินใจของเจียงเฉิน

  1. หน้าแรก
  2. เทพมังกรสงครามอหังการ
  3. Dragon Marked War God ตอนที่ 66 การตัดสินใจของเจียงเฉิน
Prev
Next

 

แปลไทยโดย  Takumi Kun

ตรวจทาน        Subaru-Kyun

************************************************************************

ฟู่ววววว…..

พลังงานอันแข็งแกร่งออกมาเป็นระลอก ปลดปล่อยออกมาจากร่างเขาและปกคลุมอากาศเหนือเขตตระกูลหยาน ปีกสีเลือดบนหลังของเขาเพียงแค่กระพือปีกก็สามารถสร้างพายุ นั่นทำให้เจียงเฉินดูราวกับเทพเจ้า

ในขณะนั้นทุกๆคนรวมถึงหวงต้าที่ได้ตื่นขึ้นเงยหัวขึ้นไปมองเจียงเฉินที่กำลังลอยอยู่บนอากาศ

"สวรรค์! ข้าเห็นสิ่งใดอยู่นี่? น้องเจียงเฉินได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์แต่เขาสามารถที่จะบินบนอากาศได้ มันยากที่จะเชื่อ มีแต่ระดับแก่นแท้สวรรค์ถึงสามารถที่จะควบคุมพลังธรรมชาติและบินได้ด้วยแก่นแท้สวรรค์ในร่างกาย! นี่…นี่มันปาฎิหารย์!"

"ดูปีกทั้งสองข้างที่หลังเขาสิ! ปีกสีแดงเลือดเหล่านั้นทำให้เขาบินได้ เขาไม่ต้องควบคุมพลังธรรมชาติ! นี่มันน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ข้าสงสัยว่าน้องเจียงเฉินทำได้เช่นไร?"

"ปีกสีเลือดเหล่านั้นทำให้เขาปรากฏกายคล้ายสัตว์อสูร ข้าคิดว่าปีกเหล่านั้นเป็นของสัตว์อสูร! แต่ข้าสงสัยว่าน้องเจียงเฉินนำมาเป็นความสามารถตนเองได้อย่างไร! ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์สามารถบินได้ นี่มันเกินจินตนาการของพวกเรา น้องเจียงเฉินเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากอย่างแท้จริง!"

…………………………………………………………….

หยานเจิ้นหยุนและคนของเขาต่างตื่นเต้นอย่างมากขณะที่พวกเขาได้เป็นพยานในการกำเนิดของปาฎิหารย์อีกเรื่องหนึ่ง ปีกโลหิตของเจียงเฉิน ได้ทำให้ในใจของพวกเขาว้าวุ่นหมด

"เฮ้อ….เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะที่จะไล่ตามน้องเจียงเฉิน….ดูเหมือนว่าข้าคงต้องให้เขาเป็นแบบอย่างในอนาคตเสียแล้ว"

หยานหยางถอนหายใจออกมา เมื่อคนอย่างเจียงเฉินอาศัยอยู่ที่นี่นั้นส่งผลกระทบอย่างมากกับเขา

ณ บนท้องฟ้าผมสีดำของเจียงเฉินปลิวไสวกับสายลม ดวงตาของเขาเปล่งประกายดั่งดวงดารา เขาเป็นดั่งเทพจากสวรรค์ก็มิปาน การดูดซับวิญญาณอสูรเหยี่ยวปีกโลหิตได้ให้ประโยชน์แก่เขามหาศาลและมันยังทำให้ทักษะร่างแปลงมังกรได้แสดงพลังอันสุดยอดออกมา

ทักษะร่างแปลงมังกรได้ดูดซับสายเลือดของเหยี่ยวปีกโลหิตโดยสมบูรณ์และสามารถให้ปีกโลหิต

ปรากฏออกมาได้ นี่มันเกินกว่าที่เจียงเฉินจินตนาการเอาไว้ มันทำให้เขาตกตะลึงแล้วเขาสามารถที่จะบินได้โดยที่เป็นยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์อีก นี่มันเป็นผลประโยชน์ที่ผู้อื่นไม่สามารถครอบครองได้

ไม่เพียงแค่นี้ เจียงเฉินยังได้รับการสืบทอดความสามารถทางธรรมชาติทางสายเลือดมาอีกด้วย ความสามารถที่สืบทอดมาจากเหยี่ยวปีกโลหิตคือ คลื่นเสียงของเหยี่ยว ด้วยทักษะที่ทรงพลังนี้สามารถที่จะปลดปล่อยคลื่นเสียงอันทรงพลังออกมา เพราะมันเป็นความสามารถโดยธรรมชาติ มันจึงไม่เกี่ยวกับพลังของเจียงเฉิน ดังนั้นมันจึงไม่มีระดับของตัวมันเอง

ทักษะต่อสู้คลื่นเสียงมันน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าทักษะการต่อสู้ทั่วไปเพราะมันยากต่อการป้องกัน คลื่นที่รุนแรงเจาะทะลวงวิญญาณของคนและจู่โจมแหล่งที่กำเนิดพลังของพวกเขา มันจะสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาล ด้วยทักษะนี้ทำให้เหยี่ยวปีกโลหิตเป็นราชาในหมู่เหยี่ยว

และนี่ยังไม่สามารถที่จะเทียบกับผลประโยชน์ที่เจียงเฉินได้รับ ผลกระทบของสายเลือดและพลังส่งผลให้เจียงเฉินสร้างแก่นแท้มนุษย์ได้ทันที ตอนนี้ภายในทะเลลมปราณของเจียงเฉินมีแก่นแท้มนุษย์สีทองเหมือนเสาขนาดยักษ์ภายในทะเลปราณ ตราประทับมังกรสิบห้าดวงล้อมอยู่รอบๆแก่นแท้มนุษย์ คล้ายๆกลุ่มของดาวรายล้อมดวงจันทร์

ถูกต้องแล้ว ตราประทับมังกรสิบห้าดวง เมื่อตอนที่เจียงเฉินได้ก้าวขึ้นระดับฉีไห่ขั้นปลาย เขามีตราประทับแปดดวงและเพราะพลังที่ตกค้างอยู่เขาได้สร้างเป็นสิบดวง ไม่เพียงแค่เขาได้ทะลวงเข้าสู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ พละกำลังของเขายังเพิ่มขึ้นทวีคูณ และเขาได้สร้างตราประทับขึ้นเป็นสิบห้าดวง

ตามที่เจียงเฉินประมาณการไว้ ในการที่จะเลื่อนสู่ขั้นแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางนั้นต้องใช้กำลังเป็นสองเท่าอีกครั้งเขาต้องสร้างตราประทับมังกรให้ได้อย่างน้อยสามสิบดวง

การดูดซับวิญญาณอสูรเหยี่ยวปีกโลหิตนั้นให้เจียงเฉินเป็นพยานความสุดยอดของทักษะร่างแปลงมังกรและมันทำให้เจียงเฉินยืนยันเส้นทางที่เขาบ่มเพาะหลังจากนี้ ตอนนี้เขาสามารถที่จะลืมทักษะการต่อสู้ทุกอย่างในชีวิตที่แล้วของเขายกเว้นทักษะสวรรค์พลังเก้าสุริยัน

เจียงเฉินต้องการเพียงแค่ใช้ทักษะร่างแปลงมังกรดูดซับสายเลือดหายากต่อและสืบทอดทักษะความสามารถดั้งเดิมที่แข็งแกร่งมา เขาสามารถที่จะเลื่อนระดับได้โดยไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจได้

ภายนอกเรือนที่พักชายแก่ได้มองไปยังเจียงเฉินที่ลอยอยู่บนฟ้า อ้าปากกว้างค้าง สีหน้าตกตะลึงไม่ด้อยกว่าผู้ใด มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตัวเขาในฐานะสัตว์ปีศาจและเป็นเผ่าพันธุ์เหยี่ยวด้วย ไม่มีผู้ใดจะสามารถเข้าใจได้มากกว่าเขา เรื่องที่เจียงเฉินดูดซับสายเลือดเหยี่ยวปีกโลหิตได้นั้น มันไม่เคยมีมาก่อน

"มันเป็นไปได้อย่างไร? เขาทำอย่างไรกัน? เขาเป็นมนุษย์นะแล้วเขาดูดซับสายเลือดของสัตว์ปีศาจได้อย่างไร? และเขาผสานเข้ากับร่างกายเขาอย่างสมบูรณ์ได้อย่างไร?"

ชายแก่พึมพัมกับตัวเอง แม้เขาอยู่มากว่าร้อยปีแล้ว เขาไม่สามารถที่จะเข้าใจสิ่งนี้ได้

"นี่มันคือปาฏิหารย์ ชายหนุ่มผู้นี้น่ามหัศจรรย์อย่างแท้จริง อย่าบอกนะว่าเขาคือบุตรแห่งโชคชะตา?หรือเขาคือเทพผู้มาจากสวรรค์ ออร่าน่าน่ากลัวได้แผ่ออกมาจากเขา เป็นออร่าของผู้ที่อยู่เหนือทุกๆคน สายตาของเขาเยือกเย็นอย่างน้ำแข็งและมันไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเผชิญหน้ากับข้า…..เขาได้มอบทักษะมารเทวะศักดิ์สิทธิ์อย่างสบายๆด้วยซ้ำ…..และตอนนี้เขาสามารถที่จะดูดซับสายเลือดของเหยี่ยวปีกโลหิต? เขายังคงเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ?"

ชายแก่ได้ถูกเจียงเฉินพิชิตโดยสมบูรณ์ ในใจของเขานั้นเจียงเฉินไม่ใช่มนุษย์ การประสบความสำเร็จของเขาในอนาคตนั้นเกินกว่าจินตนาการ

"โฮ่ง…..บัดซบ มันทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ไอ้หนุ่มนี่จะต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่อยู่เป็นแน่ เขาจะต้องบ่มเพาะด้วยทักษะศักดิ์สิทธิ์โบราณเป็นแน่…..มนุษย์รวมกับสายเลือดของสัตว์อสูร? นี่มันไม่น่าเชื่อหากว่าตาข้าบอดน่ะนะ"

หวงต้ากระโดดลงมายังเรือนที่พัก มันไม่สามารถที่จะใจเย็นอยู่ได้ ชายหนุ่มผู้นี้เต็มไปด้วยความลึกลับ เขาเหมือนหลุมไร้ก้นไม่มีผู้ใดสามารถมองผ่านได้ เขาสามารถที่จะดูดซับสายเลือดของหวงต้าก่อนหน้านี้ที่เขาต้นกำเนิด นั่นทำให้หวงต้างงแล้ว ตอนนี้เขายังดูดซับสายเลือดของเหยี่ยวปีกโลหิตอีกและเขาสามารถมอบทักษะมารเทวะศักดิ์สิทธิ์อีก เขาเป็นใครกันแน่?

ทุกๆคนจากตระกูลหยานได้มองไปยังชายหนุ่มที่มีปีกโลหิตสองข้างจากหลังของเขากำลังกระพือปีกอยู่นอกเหนือจากการตกตะลึงแล้วพวกเขายังรู้สึก…ไม่มีคำใดสามารถอธิบายความรู้สึกพวกเขาได้ในตอนนี้ ชายหนุ่มผู้นี้เหมือนเทพ

ฝุ่บ….

ปีกโลหิตของเจียงเฉินกระพือ เขาลงมาจากท้องฟ้าช้าๆ เขาจับไหล่ของเขาและหดปีกโลหิตเข้าสู่ร่างกายเขา

"เจ้าหนูบอกมาให้ไวเลย ทักษะศักดิ์สิทธิ์ไหนที่เจ้าทำการบ่มเพาะอยู่? เจ้าดูดซับสายเลือดของสัตว์ปีศาจได้อย่างไร"

หวงต้ามาอยู่ข้างๆเจียงเฉินและถามตรงๆ

"ข้าไม่บอกเจ้าหรอก"

เจียงเฉินจ้องหวงต้าก่อนและเขาได้ออกจากเรือนที่พักไป

"บัดซบ! อะไรทำให้เจ้าเย่อหยิ่งเช่นนี้?"

หวงต้าแหงนจมูกขึ้นต่อท้องฟ้าแล้วเขาก็ตามเจียงเฉินไปในขณะที่กระดิกหาง

"นายท่าน"

ชายแก่มองเจียงเฉินเดินออกมา เขารีบก้มหัวให้และพูดออกมา "นายท่านมีพลังที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ท่านจะประสบความสำเร็จสูงสุดในอนาคตเป็นแน่"

ชายแก่เรียกเจียงเฉินว่านายท่านเพราะเมล็ดพันธุ์ในสัมผัสเทวะก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขาได้เรียกเจียงเฉินว่านายท่านด้วยความปรารถนาของเขาเอง

"เหยี่ยวดำ เจ้ามีนามว่าอะไร?"

เจียงเฉินมองไปยังชายแก่ ดวงตาของเขาเปล่งประกายเหมือนดวงดาราเหมือนเขาเป็นราชาผู้มองลงไปยังเหล่าข้าราชบริพาร

"เจ้านายท่านสามารถเรียกข้าว่า เฒ่าทมิฬได้ขอรับ"

ชายแก่พูดด้วยความเคารพ

"ตกลง เฒ่าทมิฬข้าขอถามเจ้าหน่อย จากนี้ต่อไปเจ้าประสงค์ที่จะยอมแพ้มาอยู่ข้างเดียวกับข้าหรือไม่?"

เจียงเฉินถาม

"ความปรารถนาของท่านคือคำสั่งสำหรับข้าขอรับ นายท่าน!" 

ชายแก่ไม่กล้าที่จะแสดงอาการใดๆที่ไม่สุภาพ เขารู้ศักยภาพของตัวเองอย่างดี เขาสามารถไปได้สูงสุดคือระดับแก่นแท้สวรรค์ขั้นสูงสุด มันยากมากสำหรับเขาที่จะสร้างแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ แต่เจียงเฉินได้มอบทักษะมารเทวะศักดิ์สิทธิ์และมอบโอกาสให้แก่เขาที่จะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตราชาปีศาจได้ หรือบางทีอาจจะขั้นราชันย์จักรพรรดิ์ปีศาจได้ สำหรับเขาแล้วนี่เป็นเปลี่ยนโชคชะตาของเขา นอกจากนี้เจียงเฉินเป็นชายแห่งปาฏิหารย์ และการประสบความสำเร็จในอนาคตของเขานั้นไม่สามารถคาดเดาได้ มันจะดีกว่าที่จะติดตามเขา เขาสามารถที่จะได้รับผลประโยชน์ในอนาคตนั้นมากมายนัก

"ดี! ไม่นานหลังจากนี้ข้าจะออกจากที่นี่และเข้าไปยังส่วนในของแคว้นฉี หน้าที่ของเจ้าคือพำนักอยู่ที่นี่ ภายในอาณาเขตของตระกูลหยานขณะที่บ่มเพาะด้วยทักษะมารเทวะศักดิ์สิทธิ์ ตราบที่เจ้าทำหน้าที่ได้ดีเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งของผลประโยชน์ในอนาคต"

เจียงเฉินพูด ตอนนี้เข้าได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์แล้วและเรื่องระหว่างเขากับตระกูลลีก็ได้ตัดสินไปแล้ว นี่เป็นเวลาออกเดินทางครั้งใหม่สำหรับเขา อย่างไรก็ตามสิ่งที่กังวลมากที่สุดคือตระกูลเจียงและหากเฒ่าทมิฬสามารถที่จะปกป้องพวกเขาได้ เขาจะได้ออกจากที่นี่โดยไร้กังวล

เจียงเฉินไม่ได้ขอให้เฒ่าทมิฬไปอาณาเขตตระกูลเจียงโดยตรง แต่ขอเขาให้คุ้มกันตระกูลหยานแทน เหตุผลนั้นง่ายๆ เขาต้องการให้ตระกูลเจียงอยู่ที่เมืองฟ้าหอม และรักษาประวัติให้ต่ำเข้าไว้ สอง มันไม่ได้แตกต่างกันมากนักที่จะขอให้เฒ่าทมิฬปกป้องตระกูลหยานหรือตระกูลเจียง เพราะว่าเจียงเฉินได้ทำดีต่อตระกูลหยานไว้อย่างมาก แม้หยานเจิ้นหยุนจะต้องสละชีพตระกูลหยานก็จะปกป้องความปลอดภัยของตระกูลเจียงไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเหตุว่าหากตระกูลหยานปลอดภัย ตระกูลเจียงเองก็จะปลอดภัยเช่นเดียวกัน

"เฒ่าทมิฬจะทำงานให้ดีที่สุดและให้แน่ใจว่าตระกูลหยานนั้นปลอดภัย!"

เฒ่าทมิฬได้โค้งอย่างสุภาพต่อเจียงเฉิน ตอนนี้เขาต้องการสภาพแวดล้อมที่เสถียรมั่นคงในการบ่มเพาะทักษะมารเทวะศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลหยานได้กลายเป็นผู้ควบคุมเมืองเพียงหนึ่งเดียวของเมืองสีชาด และสถานที่แห่งนี้เหมาะสมที่จะทำการบ่มเพาะอีกด้วย

ในตอนนั้นเอง หยานเจิ้นหยุนและคนของเขาได้มาถึง พวกเขาทั้งหมดดูมีความสุขดี

"ขอแสดงความยินดีด้วย น้องเจียงเฉินสำหรับการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์!นี่เป็นข่าวที่น่ายินดีอย่างยิ่ง"

หยานเจิ้นหยุนประสานมือทักทายอย่างสุภาพ

"ท่านผู้นำตระกูลหยาน ข้ากำลังจะหาท่านอยู่พอดี ข้าจะเข้าไปยังส่วนในของแคว้นฉีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตอนนี้เรื่องราวต่างๆในเมืองสีชาดได้ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์แล้ว จากนี้ต่อไปก็คงไม่มีขุมพลังไหนที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ตระกูลหยานได้อีก นอกจากนี้หลังข้าออกจากที่นี่แล้ว ข้าได้ให้เฒ่าทมิฬอยู่คุ้มครองตระกูลหยาน ช่วยข้าจัดหาสถานที่เงียบๆให้เฒ่าทมิฬทำการบ่มเพาะหน่อยได้ไหม?"

เจียงเฉินพูด

เมื่อได้ยินสิ่งที่เจียงเฉินพูด พวกเขาได้สะดุ้งก่อนและได้มีความสุขอย่างมาก ส่วนเรื่องที่เจียงเฉินจะออกจากที่นี่ไปยังส่วนอื่นของแคว้นฉีนั้นทุกคนตระหนักว่ามันต้องเกิดขึ้นเร็วๆนี้หรือภายหลัง เจียงเฉินเป็นมังกรในหมู่มัจฉา เขาจะทะยานขึ้นไปบนฟ้าเร็วๆนี้หรือภายหลังอยู่แล้ว เขาคงไม่อยู่ในเมืองเล็กๆอย่างเมืองสีชาดเป็นระยะยาวนานหรอก

สิ่งใดที่ทำให้คนจากตระกูลหยานตกตะลึงคือเจียงเฉินจะทิ้งเหยี่ยวดำเอาไว้ พวกเขาได้เห็นถึงความสามารถของเหยี่ยวดำแล้ว ราชันย์ปีศาจแก่นแท้สวรรค์อย่างแท้จริง ตระกูลหยานได้เป็นผู้ปกครองแต่เพียงผู้เดียวของเมืองสีชาด และตอนนี้พวกเขาได้ราชันย์ปีศาจแก่นแท้สวรรค์มาพำนักอยู่ที่ตระกูลของพวกเขา พวกเขาเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองนี้

"น้องเจียงเฉินได้ทำอะไรหลายอย่างให้แก่ตระกูลหยาน หยานเจิ้นหยุนไม่รู้จะตอบแทนความเมตตาที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้อย่างไรดี! ข้าอยากจะเชิญตระกูลเจียงย้ายมาอยู่ที่นี่และข้าจะยกหอคอยหมอกฝนครึ่งหนึ่งให้ตระกูลเจียงเป็นผู้ดูแล"

หยานเจิ้นหยุนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง หอคอยหมอกฝนเป็นธุรกิจหลักของตระกูลหยานและมันเป็นสมบัติที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ครอบครอง นี่เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ของหยานเจิ้นหยุนในการยกสิทธิ์ให้ครึ่งหนึ่ง ไม่มีผู้ใดในตระกูลหยานคัดค้านเรื่องนี้กับหยานเจิ้นหยุน เพราะในอนาคตหยานเฉินหยู่และเจียงเฉินได้แต่งงานกัน ตระกูลหยานและตระกูลเจียงจะกลายเป็นตระกูลใหญ่ทันที

นอกจากนี้หากมองในมุมมองที่แตกต่างกัน แม้จะดูเหมือนตระกูลเจียงต้องพึ่งพิงต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลหยาน แต่ในความจริงแล้วทุกๆคนต่างเข้าใจกันดีว่าตระกูลหยานตะหากที่ไปพึ่งตระกูลเจียง 

"ท่านใจกว้างยิ่งนัก ท่านผู้นำตระกูลหยาน! บิดาข้าอาศัยอยู่ที่เมืองฟ้าหอม ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะย้ายมาและอีกอย่างข้าไม่ต้องการให้ตระกูลเจียงนั้นมีประวัติที่สูงนัก แค่ตระกูลเจียงปกครองเมืองฟ้าหอมเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ข้าหวังว่าท่านผู้นำตระกูลหยานจะดูแลตระกูลเจียงในอนาคตนะขอรับ"

เจียงเฉินพูด เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะให้ตระกูลเจียงย้ายมายังเมืองสีชาด ตอนนี้ทุกอย่างในเมืองสีชาดได้รับการแก้ไขหมดแล้ว เขาจะกลับไปยังเมืองฟ้าหอมในวันรุ่งขึ้นและจะใช้เวลาสักสองสามวันกับบิดาของเขาก่อนจะออกไปอีกครั้ง

************************************************************************

จบจ้า  โปรดติดตาม ตอน ต่อ ไป…..♥

 

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "Dragon Marked War God ตอนที่ 66 การตัดสินใจของเจียงเฉิน"

4.2 21 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz