เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god) ฉบับแปลใหม่ !!! - ตอนที่ 928: ชั้นที่แปดของโถง
ตอนที่ 928: ชั้นที่แปดของโถง
เจี้ยนเฉินและนูบิสเดินทางต่อไปยังชั้นที่สี่ ในขณะที่โมจื่อและอีกทั้งสองคนตามพวกเขามาอย่างใกล้ ๆ พวกเขารู้เลยว่าการปฏิบัติต่อพวกเขาของเจี้ยนเฉินได้เปลี่ยนไป กลุ่มของโมจื่อพยายามที่จะอธิบายอย่างต่อเนื่องว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้
พวกเขามาถึงที่ชั้นที่สี่อย่างรวดเร็วแต่ก็พบว่าชั้นนี้นั้นว่างเปล่า ในขณะเดียวกัน กลุ่มของไทนิชก็ไม่อยู่ที่นี่เช่นกัน
“ไม่มีอะไรอยู่ที่นี่เลย พวกเราไปชั้นที่ห้ากันต่อเถอะ” เจี้ยนเฉินพูดอย่างสงบหลังจากที่มองไปรอบ ๆ พวกเขาเดินทางต่อไปยังชั้นที่ห้าและไม่พบอุปสรรคใดตลอดทาง ไม่มีกับดักหรือม่านพลังที่นี่เลย
โถงมีทั้งหมดเก้าชั้น แต่ชั้นที่ห้านั้นว่างเปล่า กลุ่มของเจี้ยนเฉินเดินทางต่อไปอย่างระมัดระวัง และผ่านชั้นที่หกและชั้นที่เจ็ด ไปถึงยังชั้นที่แปดอย่างราบรื่น
ชั้นที่แปดก็ดูเหมือนจะว่างเปล่าเช่นกัน อย่างไรก็ตาม พื้นที่บางเขตของที่นี่ก็ดูขมุกขมัว เหมือนเป็นสัญญาณว่าอาคมกับดักถูกทำให้ทำงาน มองผ่านไปที่พื้นที่ที่ขมุกขมัวนั้น พวกเขาเห็นคนที่ติดอยู่ในนั้นลางลาง
ทุกคนติดอยู่ในอาคมกับดักรวมถึงไทนิชด้วย 30 เมตรด้านหน้า ยังมีศพของหลายคนที่ตายเพราะอาคมกับดัก เลือดของเขาแห้งหายไปเช่นกันและถูกดูดไปโดยโถง
“ระวังให้ดี มีอาคมกับดักอยู่ที่นี่” กลุ่มของเจี้ยนเฉินช้าลงเมื่อพวกเขาเห็นอาคม พวกเขาจ้องอย่างเคร่งเครียดไปด้านหน้า
“อาคมนี้ทรงพลังมาก มากกว่าอันที่พวกเราเจอกันมาก่อนหน้านี้มาก มันจะดีกว่าถ้าพวกเราไม่แยกกัน เพราะเราอาจจะไม่สามารถทำลายอาคมได้ด้วยตัวของพวกเราเอง พวกเราร่วมมือกันได้” เจี้ยนเฉินพูดเสียงแหบแห้ง ก่อนที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างระมัดระวัง
อาคมในโถงนี้ลึกลับมาก แม้ว่ามันจะอ่อนลงอย่างมากเนื่องจากการกัดกร่อนของกาลเวลา แต่บางอันที่อยู่ในระดับสูงก็ยังมีพลังมากอยู่ดี
มีทางเดียวเท่านั้นที่จะไปยังชั้นที่เก้าจากชั้นที่แปดได้ก็คือผ่านม่านพลังที่นับไม่ถ้วนเหล่านี้ไป มันไม่มีทางอื่นแล้ว แม้ว่าจะบินผ่านไปก็ไม่เป็นผล
อาคมถูกซ่อนอยู่ทุกที่บนชั้นที่แปดและทำให้ทุกคนตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา หลังจากก้าวไป 10 ก้าว กลุ่มของเจี้ยนเฉินก็ติดเข้ากับกับดักอันหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน เสียงระเบิดดังรุนแรงก็ดังขึ้นมา ร้อยเมตรข้างหน้า ไทนิชและคนอื่นได้ทำลายกับดักที่พวกเขาติดอยู่ ทำให้พวกเขาโผล่ออกมา
ทันทีที่ไทนิชหลุดออกมาได้ เขาก็สังเกตเห็นว่า กลุ่มของเจี้ยนเฉินก็ติดเข้ากับกับดักอันหนึ่งเช่นกัน จิตสังหารที่เย็นชาเป็นประกายในตาของเขาในขณะที่เขาคิด “ผู้คุมกฎเผ่าเต่า ข้าจะปล่อยให้อาคมกับดักบั่นทอนกำลังของเจ้า ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าออกไปจากที่นี่แบบเป็น ๆ แน่ คู่มือการฝึกฝนของจักรพรรดิเลือดปีศาจ ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่มาจากเซียนจักรพรรดิมนุษย์ และหอคอยสีทองที่ซ่อนอยู่ในหัวของเจ้า ทั้งหมดต้องเป็นของข้า ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะต่อสู้แย่งชิงพวกมันไปจากข้า วันตายของเจ้าจะมาถึงตอนที่ข้าได้ตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด”
ไทนิชมุ่งหน้าต่อไปพร้อมกับคนอื่น เขาตกอยู่ในอาคมกับดักอื่นอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าไทนิชจะเคยเป็นศัตรูกับทุกคน แต่ไม่มีศัตรูตลอดกาลในโลก มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้นที่เป็นนิรันดร์ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาตัดสินใจที่จะร่วมมือกับคนอื่นอีกครั้งเพื่อไปถึงยังชั้นที่เก้าให้ได้
มีคนเหลือน้อยกว่ายี่สิบคนจากร้อยหกสิบคนที่ได้เข้ามาในตอนแรกแล้วในตอนนี้และหลายคนก็อยู่ในสภาพบาดเจ็บด้วย มีทั้งหมด 3 กลุ่มด้วยกันที่ผ่านมาถึงชั้นที่แปดได้ มีอีกกลุ่มหนึ่งนอกเหนือจากกลุ่มของเจี้ยนเฉินและกลุ่มของไทนิช พวกเขาตกอยู่ในอาคมกับดักเช่นกัน และพยายามที่จะหนีออกมาจากมันจนตัวเป็นเกลียว
ในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางไป อาคมกับดักก็ทรงพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสามกลุ่มใช้ทุกอย่างที่พวกเขามีในการที่จะทำลายอาคมเพราะว่าพวกเขาทุกคนเชื่อว่าตำนวนของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดต้องอยู่ที่ชั้นที่เก้าแน่ และใครก็ตามที่ไปถึงที่นั่นก่อนก็จะได้รับมันไป
ดังนั้น ทั้งสามกลุ่มจึงทุ่มเทช่วงเวลาที่พวกเขามีทั้งหมดเพื่อที่จะทำลายอาคม พวกเขากลัวว่าจะถูกแซงจากอีกทั้งสองกลุ่มอื่น
สองวันเต็ม ๆ ผ่านไป แม้ว่ากลุ่มของเจี้ยนเฉินจะมีคนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นและเข้ามาที่ชั้นนี้ทีหลัง แต่กลุ่มนี้ก็มีเจี้ยนเฉินและนูบิส สองคนนี้เทียนเท่ากับเซียนราชา ดังนั้นพวกเขาจึงเร็วกว่าอีกทั้งสองกลุ่มเล็กน้อย และในตอนนี้พวกเขาก็เกือบไล่ตามทันแล้ว
ในตอนนี้ ทั้งสามกลุ่มมาถึงที่จุดกึ่งกลางของชั้นที่แปด พวกเขายังเหลืออีกครึ่งทางก่อนจะถึงชั้นที่เก้า
อีกทั้งสองกลุ่มตื่นตระหนกในใจเมื่อพวกเขาเห็นว่ากลุ่มของเจี้ยนเฉินใกล้เข้ามาที่กลุ่มแรกแล้ว พวกเราเร่งความเร็วขึ้นทันทีและต้องการที่จะเป็นกลุ่มแรก
อาคมแข็งแกร่งขึ้นมากเรื่อย ๆ เมื่อใกล้จะสุดทาง ทำให้ทุกคนเคลื่อนไปช้าเรื่อย ๆ ในตอนแรกสุด พวกเขาเพียงแค่โจมตีครั้งเดียวด้วยกันแต่ในตอนนี้พวกเขาต้องพยายามอย่างมากและใช้ทุกอย่างที่พวกเขามี
บู้ม !
อาคมที่ทรงพลังอีกอันถูกทำลายลงไป และเผยให้เห็นกลุ่มของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินถือยุทธภัณฑ์ราชาในมือ มันเปล่งประกายจ้าไปด้วยแสงสีดำ ในขณะที่ชั้นของพลังบรรพกาลที่หนาแน่นขดอยู่รอบรอบดาบ และเปล่งประกายไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง
ด้านหลังของเจี้ยนเฉิน มีโมจื่อและอีกทั้งสองคน พวกเขาทั้งหมดดูเหนื่อยล้าและเสียพลังไปอย่างมากหลังจากที่ทำลายอาคมไปหลายอัน
“อาคมกับดักแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เข้าคิดว่าเราจะสามารถทำลายอันที่อยู่สุดท้ายได้ไหม?” นูบิสพูดเสียงแหบแห้งด้วยท่าทางที่เคร่งเครียด เห็นได้ชัดว่าอาคมที่พวกเขาเจอนั้นเป็นอาคมสังหารหรืออาคมพันธนาการ พวกเขาสามารถจัดการกับอาคมพันธนาการได้ แต่พวกเขาคงจะตกอยู่ในอันตรายเมื่อพวกเขาเข้าไปที่อาคมสังหาร
เจี้ยนเฉินไม่แม้แต่มองไปที่ 2 กลุ่มด้านหลัง เขาก้มหัวลงและคิดสักพักก่อนที่จะเดินหน้าต่อไปพร้อมกับกลุ่ม พวกเขาตกอยู่ในอาคมอีกอันหลังจากที่ก้าวต่อไปได้ 10 ก้าว
ชั้นที่แปดนั้นเป็นชั้นของอาคมจริง ๆ จำนวนของอาคมนั้นเหนือเกินจินตนาการ ไม่ว่าพวกเขาจะเดินไปทิศทางใด พวกเขาก็จะตกอยู่ในอีกอาคมอีกอันหลังจากก้าวไปไม่ถึง 10 ก้าว
เจี้ยนเฉินคิดที่จะใช้พลังของเสือขาวในการที่จะผ่านไปยังชั้นที่เก้าหลังจากที่เขาเจออาคมกับดักนับไม่ถ้วน อย่างไรก็ตาม ความประทับใจของเขาในโถงศักดิ์สิทธิ์นั้นเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากที่เขาเจอกับหลายหลายสิ่งตั้งแต่ที่เขาเข้ามา ความคิดค่อย ๆ ผุดเข้ามาในหัวของเขาว่า โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดนั้นไม่ธรรมดาเหมือนที่เห็นแน่แน่ บางทีอาจจะไม่มีตำนานอะไรเลยในชั้นที่เก้า และมีแต่อันตรายอะไรไม่รู้ที่กำลังรอพวกเขาอยู่
ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงล้มเลิกความคิดที่จะใช้เสี่ยวไป๋และเลือกที่จะใช้วิธีการที่ช้า และใช้พลังของเขาเองในการทำลายอาคมไปเหมือนกับคนอื่น ๆ
ในพริบตาเดียว อีกสามวันก็ผ่านไป ทุกคนเคลื่อนที่ไปได้ช้ามากในสามวันนี้ พวกเขาเคลื่อนที่ไปได้ไม่ถึงหนึ่งในสามของระยะทางอีกครึ่งที่เหลือด้วยซ้ำ
ทุกครั้งที่เจี้ยนเฉินทำลายผ่านอาคมไป พวกเขาก็ต้องหยุดและฟื้นฟูพลังที่พวกเขาสียไป แม้แต่นูบิสก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น มีแต่เจี้ยนเฉินเท่านั้นที่ยังคงกระปรี้กระเปร่าโดยไม่มีทีท่าอ่อนแอเลย
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเผชิญหน้ากับการต่อสู้มากมาย แต่พลังบรรพกาลที่อยู่ในตัวของเขาก็ช่วยเขาได้เป็นระยะเวลานาน คราบใดที่เขาไม่ใช้มันเหมือนตอนที่เขาใช้ที่เมืองแห่งเทพเจ้า นี่เป็นเพราะสายพลังของพลังบรรพกาลนั้นเป็นพลังที่ทรงพลังมาก ดังนั้นพลังงานจึงถูกใช้ไปในอัตราที่ช้ามากเมื่อเทียบกับคนธรรมดา
ความแข็งแกร่งและความลึกซึ้งของพลังบรรพกาลไม่สามารถวัดได้โดยใช้พลังธรรมดา มันเป็นพลังที่สุดยอดในธรรมชาติ ไม่มีอะไรที่เปรียบเทียบกับมันได้ในจักรวาล
ปัญหาคือพลังบรรพกาลของเจี้ยนเฉินในตอนนี้ยังไม่ใช่พลังบรรพกาลที่แท้จริง ร่างบรรพกาลถูกแบ่งเป็น 18 ขั้นโดยจิตวิญญาณกระบี่ และพลังบรรพกาลของเขาจะเปลี่ยนแปลงหลังจากที่เขาไปถึงแต่ละขั้น เมื่อเขาไปถึงขั้นที่ 18 เท่านั้น เขาถึงจะได้พลังบรรพกาลที่แท้จริง เฉพาะตอนนั้นเท่านั้นที่ความแข็งแกร่งของมันถึงจะแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่
คนอื่น ๆ ใช้หนึ่งวันในการฟื้นฟูด้วยการใช้ยาธรรมดา พวกเขาเคลื่อนที่ต่อไปและทำลายอาคมไปเรื่อย ๆ
ในตอนนี้ ไทนิชเร็วกว่าคนอื่นไปหนึ่งขั้น เขาใช้ยาระดับสูง ดงันั้นเขาจึงฟื้นฟูพลังงานได้ไวกว่าคนอื่นอื่น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและสามเดือนก็ผ่านไปในพริบตา กลุ่มของเจี้ยนเฉินเดินทางผ่านทางที่เหลือไปได้สำเร็จ พวกเขายืนอยู่ทางเข้าชั้นที่เก้าในที่สุด
พวกเขาทั้งหมดอยู่ในสภาพย่ำแย่ เสื้อผ้าของพวกเขาขาดรุ่งริ่งในขณะที่ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียว พวกเขาดูเหมือนขอทานและนี่รวมถึงเจี้ยนเฉินด้วย
คนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างเจี้ยนเฉินก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน พวกเขาได้เดินผ่านขอบเหวแห่งความตายมาหลายครั้งด้วยชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย
ไทนิชและกลุ่มอื่นออกมาในเวลาเดียวกัน พวกเขาอยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นกัน เสื้อผ้าที่ฉีกขาดของพวกเขาเต็มไปด้วยเลือด เห็นได้ชัดว่า พวกเขาก็ย่ำแย่จากอาคมมาเหมือนกันและคนในกลุ่มของทั้งสองกลุ่มก็น้อยลงด้วย บางคนได้ตายไปในอาคม
“ผู้คุมกฎเผ่าเต่า ด้านบนเป็นที่ที่ตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดเก็บไว้อยู่ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสืบทอดมันได้ แต่ข้าสงสัยว่าคนคนนั้นจะเป็นใครในตอนสุดท้าย” ไทนิชพูดอย่างไร้อารมณ์กับเจี้ยนเฉิน ก่อนที่มองอย่างเย็นชาไปที่ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ
เขารู้ว่าความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทุกคนจะอยู่จนถึงตอนท้ายนี้เท่านั้น ทันทีที่พวกเขาอยู่ต่อหน้าตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด พวกเขาคงจะกลายเป็นศัตรูกันอย่างไม่สนใจกัน
อย่างไรก็ตาม ไทนิชมองเห็นคนเดียวเท่านั้นที่สำคัญมากกว่าคนอื่น และคนนั้นคือเจี้ยนเฉิน เขาไม่สนใจคนอื่นเลย
เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดอะไร และมองผ่านไปที่ทุกคนแค่ครั้งนี้เขามองไปอย่างไม่ตั้งใจ สำหรับเขา คนที่อยู่ที่นี่ทุกคนนั้นไม่ธรรมดา เขาจะดูถูกใครไม่ได้ที่มาถึงที่นี่ได้ แม้ว่าหลายคนจะไม่ได้เป็นที่รู้จักดีเพราะว่าพวกเขาตั้งใจที่จะปิดบังตัวตนของพวกเขาเอาไว้ บางทีคนอื่นอาจจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่าไทนิชเลย แค่พวกเขาไม่เปล่งประกายและมีชื่อเสียงเหมือนไทนิชเท่านั้น
โดยเฉพาะกลุ่มที่สาม พวกเขาไม่มีใครที่เหมือนไทนิชที่เป็นผู้นำในกลุ่ม แต่พวกเขาก็มาถึงที่นี่ได้ด้วยความเร็วที่เท่า ๆ กัน นี่ทำให้พวกเขาดูซับซ้อนกว่าที่เห็น พวกเขาทั้งหมดเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 แต่ไม่มีใครรู้ว่ามีกี่คนกันที่ยังไม่เผยไพ่ตาย