เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 91-92
ตอนที่ 91 : ควรค่าแก่นามไวน์หยกแล้ว!
“องค์เหนือหัว ค่ายอาคมคุ้มกันทำงานด้วยดีขอรับ”
เหล่าไป่กล่าวเช่นนั้น ขณะนี้จึงนำขวดไวน์หยกออกมา
จี้อู๋ฮุยยืนไม่ไกลห่าง เขารับชมด้วยความสงสัยใคร่รู้
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสิ่งที่เสริมชีวิตได้
ขณะเดียวกันนี้ จิตของจี้อู๋ฮุยจึงกระจายออกปกคลุมพื้นที่
แม้เป็นสายลมหรือต้นหญ้า เหล่านี้ไม่อาจหลุดพ้นจากการรับรู้
แม้ที่นี่เป็นสุสานหลวง โอกาสที่จะเกิดอันตรายขึ้นก็ไม่ใช่ศูนย์
จี้อู๋ฮุยไม่กล้าหย่อนความระวัง เพราะนี่คือความปลอดภัยของเหล่าไป่!
เหล่าไป่สูดลมหายใจเข้าลึก ความยินดีสะกดข่มไว้ภายใน ปากขวดไวน์หยกถูกเปิดออกเชื่องช้า
กลิ่นหอมเย็นปะทะเข้าที่ใบหน้า ก่อนที่จะฟุ้งกระจายทั่วทั้งโถง
นี่คือกลิ่นหอมของไวน์!
กลิ่นของไวน์นี้ผสานด้วยกลิ่นผลไม้นับร้อยชนิดอย่างเย้ายวน!
เหล่าไป่และจี้อู๋ฮุยต่างได้สูดดมกลิ่นนี้ มันราวกับพวกเขาได้เข้าไปอยู่ในป่าใหญ่…
เพียงแค่กลิ่นก็ทำผู้คนหลงมัวเมาได้แล้ว!
“ไวน์ที่เลิศล้ำ!”
เหล่าไป่และจี้อู๋ฮุยต่างอุทานออกเป็นคำเดียวกัน
“ไวน์หยก! สมแล้วที่เรียกมันว่าไวน์หยก! กับไวน์เช่นนี้เกรงว่าจะมีแต่เซียนบนฟากฟ้าที่ได้ดื่มด่ำสำราญกับมันแล้วกระมัง?” จี้อู๋ฮุยอดไม่ได้ที่จะอุทานออก เขาแทบไม่อาจยับยั้งตนเองให้ลิ้มลองมันได้!
จี้อู๋ฮุยคือผู้สูงศักดิ์เพียงใด? กระทั่งจักรพรรดิเทียนชิงยังเกิดความรู้สึกเช่นนี้!
แน่นอนว่าเขาเองก็รักชอบการดื่มไวน์!
กับของเช่นนี้ มันย่อมแตกต่างจากไวน์สรรพชนิดที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
หากเทียบกับกลิ่นหอมของไวน์ล้ำค่าที่สุดเท่าที่เคยได้ลิ้มลอง สิ่งนั้นยังจะเรียกว่าไวน์ได้หรือ?
เรียกเป็นเหล้าหมักก็ยังเกรงใจ!
กลิ่นหอมของไวน์ฟุ้งกระจาย จี้อู๋ฮุยไม่เคยรับรู้ถึงไวน์ที่เลิศล้ำเช่นนี้มาก่อน
ต้องหาโอกาสไปลิ้มรสไวน์นี้จากร้านเถ้าแก่ผู้นั้นให้จงได้!
ดวงตาจี้อู๋ฮุยลุกโชนด้วยอัคคีเพลิง เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว
“ไวน์หยกนี้ที่ร้านของเถ้าแก่จะมีมาใหม่ทุกเจ็ดวัน” เหล่าไป่กล่าวบอก
หนึ่งขวดต่อเจ็ดวัน?
จี้อู๋ฮุยพลันต้องสะท้านที่หัวใจ
ตามคำกล่าวของเหล่าไป่ นั่นหมายความถึงไวน์เช่นนี้มีอีกมากอย่างนั้นหรือ?
เมื่อใดกันที่สิ่งของระดับเทพเซียนซึ่งเติมเต็มชีวิตหาได้โดยธรรมดาเช่นนี้?
เหล่าไป่ขณะนี้พร้อมเริ่มแล้ว
ด้วยลมหายใจสูดเข้าลึก เขายกกระดกดื่มไวน์เข้าปาก!
“ไวน์เลิศล้ำ!”
ดวงตาเหล่าไป่เบิกกว้างพร้อมอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออก
ความหอมหวานแทรกซึมผ่านลำคอ ความรู้สึกเย็นแผ่กระจายถึงปอด มันให้ความรู้สึกสบายถึงขีดสุด
กลิ่นหอมผลไม้รุนแรงฟุ้งกระจายทั้งร่าง เป็นผลให้ทุกรูขุมขนของเหล่าไป่ต้องเปิดออกรับอากาศ
ไม่เพียงแต่เหล่าไป่ดูเยาว์ลง แต่กำลังชีวิตอันมากล้นได้ปะทุออก
ดวงตาเหล่าไป่เผยความแน่วแน่ขณะเริ่มดูดกลืนพลัง
พร้อมกันนี้ ร่างกายเขายังเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยความเร็วขนาดที่พบเห็นได้ด้วยตาเปล่า…
ผ่านไปครู่ เหล่าไป่ค่อยลืมตาเชื่องช้า แสงเรืองรองจึงค่อยมลายหาย
หากเทียบเปรียบกับก่อนหน้า เหล่าไป่คล้ายเยาว์ลงนับหลายสิบปี!
หากมิตรสหายผู้ใดพบเห็นสภาพเช่นนี้ พวกเขาคงไม่เชื่อสายตาเป็นแน่
เส้นผมสีดอกเลาของเหล่าไป่ มันเริ่มกลับคืนสู่ความเป็นสีดำทีละน้อย
“พลังนี้…”
เหล่าไป่รับชมฝ่ามือตนเองด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำ
นานเพียงใดกันแล้ว?
นานเพียงใดแล้วที่ไม่ได้รับรู้ถึงพลังแห่งชีวิตในกายเปี่ยมล้นเช่นนี้?
ขณะนี้เหล่าไป่คิดอยากโบยบินขึ้นฟากฟ้าพร้อมโห่ร้องตะโกนออก
“ยินดีกับเหล่าไป่ด้วยแล้ว” จี้อู๋ฮุยเผยยิ้ม
ตัวเขาคิดว่าต้องรอคอยสักระยะหนึ่ง แต่ขณะนี้ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเหล่าไป ภายในอดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง
ไวน์หยกนี้สามารถเติมเต็มชีวิต ทั้งยังสามารถฟื้นคืนความเยาว์วัย!
หากสัตว์ประหลาดเฒ่าใกล้ตายผู้ใดได้ทราบ เช่นนั้นเกรงว่าคงเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ ศึกแย่งชิงต้องบังเกิดขึ้นเป็นแน่
ถึงตอนนั้น นครจิ่วเหยาจะเป็นเช่นไร?
หากไม่ใช่ความก้าวหน้ายิ่งยวดของนคร ก็คงเป็นความวุ่นวายสุดหยั่ง…
ความคิดของจี้อู๋ฮุยบังเกิดขึ้นหลากหลาย
“เหล่าไป่ ไวน์หยกนั่น…” จี้อู๋ฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกล่าว
เหล่าไป่ส่ายศีรษะ เขาทราบว่าจี้อู๋ฮุยคิดอะไรอยู่
เขากล่าวคำออก “องค์เหนือหัว ข้าไม่ใช่ลูกค้าเพียงหนึ่งเดียวของร้านเถ้าแก่ ครั้งไปเยือนวันนี้ ยังได้พบศิษย์จากสถาบันวิญญาณเมฆาที่นั่น”
ตอนที่ 92 : ทัณฑ์สายฟ้า
“อย่างนั้นหรือ…”
จี้อู๋ฮุยถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
หากเป็นเช่นนี้ ก็ยากที่จะสกัดข่าวคราวเรื่องไวน์หยกเอาไว้
ขณะนี้เองที่สายตาเขาพลันมองไปยังรูปแกะสลักโดยรอบ
จี้อู๋ฮุยคล้ายนึกอะไรขึ้นได้จนนิ่งงันไปครู่หนึ่ง
ทีละน้อย ในดวงตานั้นจึงเผยซึ่งความอหังการ
“ต่อให้ผู้แข็งแกร่งมารวมกันที่นครจิ่วเหยาแล้วอย่างไร? สถานที่แห่งนี้ต้องดำเนินไปตามกฎที่ข้าตั้งไว้!”
“ใช่ ผู้ใดกันจะเหนือไปกว่าจักรพรรดิแห่งเทียนชิงได้!”
“ใช่ มีแต่จักรพรรดิเทียนชิงจึงเป็นผู้กำหนด!”
คำเหล่านี้เป็นจี้อู๋ฮุยกล่าวกับตนเอง
เหตุใดจึงต้องสกัดข่าวคราวเรื่องร้านต้นตำรับเอาไว้?
เพราะมันมีโอกาสเกิดความวุ่นวายขึ้นภายในจักรวรรดิเทียนชิง!
เหล่าไป่รับชมไปพลางเผยรอยยิ้มที่ใบหน้า
นานมาแล้ว นี่เขาไม่ได้รับรู้ถึงความเลือดร้อนเช่นนี้จากจี้อู๋ฮุย
ตั้งแต่ติดตามจี้อู๋ฮุยมาอย่างยาวนาน เหล่าไป่ได้พบเห็นความเปลี่ยนแปลงจากอหังการจนกระทั่งเรียบเฉย
ขณะนี้จี้อู๋ฮุยเกิดไฟลุกโชนขึ้นในใจแล้ว
“มาแล้วหรือ?”
เหล่าไป่สัมผัสได้ถึงอำนาจพร้อมหันมองทางด้านบน
สายตานั้นคล้ายทะลวงผ่านหลังคาโถงสู่ฟากฟ้าเบื้องบน
“ทัณฑ์สายฟ้า มาเยือนแล้ว…”
จี้อู๋ฮุยสัมผัสได้ถึงความผันแปรเช่นเดียวกัน
ทัณฑ์สายฟ้า มันคือภัยพิบัติที่ผู้ฝึกตนต้องข้ามผ่านหากคิดแข็งแกร่งขึ้น!
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกผู้ฝึกตนต้องข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้านี้
อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้ที่เหนือกว่าขอบเขตทดสอบเต๋าขึ้นไป!
พลังอำนาจของทัณฑ์สายฟ้านี้ก็ไม่ใช่เล็กจ้อย
กล่าวโดยสรุป ยิ่งขอบเขตพลังสูงขึ้น พลังอำนาจของทัณฑ์สายฟ้าจะยิ่งเท่าทวีความรุนแรง
สัตว์อสูรที่ข้ามผ่านภัยพิบัติเช่นนี้มาได้ จะยิ่งอันตรายกว่าผู้ฝึกตนมนุษย์
ขณะเดียวกัน ที่โลกภายนอก
แม้เป็นช่วงเย็น ขณะนี้ดวงตะวันก็ยังไม่ได้ลาลับฟ้า
แสงสีส้มฉายย้อมแดนดินราวกับมายาลวงตา
แต่แล้วความผิดปกติกลับเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
มวลเมฆสีดำหนาแน่นเริ่มปรากฏบนฟากฟ้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ มันคล้ายม่านสีดำที่ปกคลุมแม้กระทั่งสายลมก็ไม่อาจพัดผ่าน
เสียงร้องคำรามด้านบนดังกึกก้อง มันมาพร้อมแสงวูบวาบ ราวกับเป็นอสรพิษสายฟ้าที่เลี้อยไปมาในมวลเมฆสีดำ!
เหล่าสัตว์อสูรในเทือกเขาจิ่วเหยาต่างสั่นกลัวต่อปรากฏการณ์บนฟากฟ้า พวกมันขณะนี้ไม่กล้าขยับแม้เพียงคืบ
สิ่งที่ปรากฏบนฟากฟ้ายามนี้ บรรดาผู้ฝึกตนในนครจิ่วเหยาล้วนตระหนักทราบ
สำหรับคนธรรมดา ทัณฑ์สายฟ้าไม่ส่งผลด้วยแต่อย่างใด
แต่กับผู้ฝึกตน นั่นหมายความถึงหายนะภัยที่อาจมาเยือนตนในสักวัน
ยิ่งแข็งแกร่ง พลังอำนาจที่ฟาดหวดลงมาก็ยิ่งมาก
“อะไรกัน? ไฉนท้องฟ้าดำมืดเช่นนี้? แล้วเมฆสีดำพวกนี้มาจากที่ใดกัน?”
“นี่คือ… ทัณฑ์สายฟ้า! ยอดฝีมือท่านใดคิดก้าวหน้าใกล้เคียงนี้กัน?!”
“เป็นทัณฑ์สายฟ้าที่ชวนสะพรึงนัก เกรงว่าคงเป็นขอบเขตทดสอบเต๋าระดับสูงสุดแล้ว เป็นผู้ซึ่งห่างจากขอบเขตราชันเพียงก้าว…”
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างมองขึ้นบนฟากฟ้าที่มีเมฆสีดำพร้อมอสรพิษสายฟ้าเลื้อยไปมา
ที่โรงเตี๊ยมจันทราเมรัย เหล่าศิษย์ของสถาบันวิญญาณเมฆาต่างรับชมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หยิงอู๋จี้และมู่หรงไห่เถิงต่างมองขึ้นบนฟากฟ้าด้วยอาการตื่นตะลึง
“หากทัณฑ์สายฟ้าขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่เก้านี้สามารถข้ามผ่าน เช่นนั้นจึงเป็นยอดฝีมือขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่เก้า!” มู่หรงไห่เถิงอุทานกล่าวออก
“จากทิศทางของทัณฑ์สายฟ้า ไม่น่าจะไกลจากนครจิ่วเหยาสักเท่าใดนัก คงต้องไปรับชม” หยิงอู๋จี้เหม่อมอง
มู่หรงไห่เถิงพยักหน้ารับ “ข้าไปด้วย คิดอยากได้เห็นว่าเป็นยอดฝีมือท่านใด!”
ถัดจากนั้น มู่หรงไห่เถิงจึงส่งสายตามองทางเหล่าศิษย์พร้อมกล่าวคำอย่าง่จริงจัง “พวกเจ้าให้อยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้! หากกลับมาถึงแล้วได้ทราบว่ามีใครออกไป…”
มู่หรงไห่เถิงข่มขู่ศิษย์เอาไว้ สายตาหลี่ลงเล็ก ออร่าอันตรายปรากฏออก
พบเห็นเช่นนี้ เหล่าศิษย์จึงได้แต่หดตัวละทิ้งความคิด
“ขออาจารย์ไห่เถิงอย่าได้กังวล พวกเราไม่คิดออกไปแน่!”
ในช่วงเวลาอันตรายเช่นนี้ เป็นเจียงเหวิ่นฉางที่ลุกขึ้นยืนกล่าวคำอย่างจริงจัง
มู่หรงไห่เถิงพยักหน้ารับอย่างพึงใจ จากนั้นจึงออกจากโรงเตี๊ยมจันทราเมรัยพร้อมหยิงอู๋จี้
ศิษย์ผู้อื่นยามนี้ค่อยถอนหายใจโล่งอกกันออกมา
อาจารย์ทั้งสอง มู่หรงไห่เถิงนั้นอ่อนโยนมาโดยตลอด ส่วนหยิงอู๋จี้นั้นก็เฉยชามาโดยตลอดเช่นกัน
กระนั้นที่เหล่าศิษย์กลัวเกรง ก็คือมู่หรงไห่เถิง
สายตาคาดโทษเช่นนั้น ตลอดชั่วชีวิตนี้ไม่มีใดในพวกเขาอยากทราบว่าโดนลงโทษแล้วจะเป็นเช่นไร…
“เฮ้อ เหวิ่นฉาง ขอบคุณเจ้าแล้ว ไม่เช่นนั้นอาจารย์ไห่เถิงไม่รู้จะกล่าวอะไรต่ออีกบ้าง” กู่หยุนซีเผยยิ้ม
บรรดาศิษย์ที่เหลือต่างพยักหน้ารับเห็นพ้อง…