เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 87-88
ตอนที่ 87 : โหมดอารีน่า
“หนึ่งแสนผลึกวิญญาณ?”
พบเห็นราคาของไวน์หยก เหล่าไป่แทบไม่เชื่อไปครู่หนึ่ง
ไม่ใช่เพราะมันแพง ทว่าเป็นถูกอย่างไม่น่าเชื่อ!
สำหรับเขา ผู้ซึ่งเป็นบุคคลแข็งแกร่งทรงอำนาจ แม้เจ็บปวดไปบ้างที่ต้องจ่ายหนึ่งแสนผลึกวิญญาณในคราวเดียว แต่นี่มันก็คุ้มค่า!
“แม่นางเหยา เถ้าแก่ ขอข้าซื้อไวน์หยกขวดนี้!”
เหล่าไป่สูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมเผยการตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
ถัดจากนั้น เหล่าไป่จึงนำแหวนมิติไปวางไว้ตรงหน้าลั่วฉวน
ลั่วฉวนพยักหน้ารับพร้อมเก็บแหวนมิติ
ด้วยจิตรับรู้ มิติภายในนั้นเป็นผลึกวิญญาณกองเป็นภูเขาขนาดย่อม
พริบตาถัดจากนั้น ผลึกวิญญาณภายในจึงหายวับ
“สิ่งนี้คืนให้” ลั่วฉวนวางแหวนมิติส่งกลับคืนแก่เหล่าไป่
ไม่เหมือนดังค่าชดเชยที่จักรพรรดิเทียนชิงมอบให้ แหวนมิตินี้เป็นของส่วนตัวของเหล่าไป่
ด้วยฐานะเถ้าแก่ร้านต้นตำรับ ลั่วฉวนย่อมไม่คิดเอารัดเอาเปรียบต่อลูกค้า
เหล่าไป่รับแหวนมิติกลับคืน พร้อมกันนี้พลันต้องชะงัก
แหวนมิตินี้ภายในกว้างราวสิบลูกบาศก์เมตร มูลค่าของมันทัดเทียมผลึกวิญญาณนับหมื่น
เหล่าไป่พลันต้องพิจารณาอย่างจริงจัง
เดิมเขาคิดใช้แหวนมิตินี้ซื้อใจลั่วฉวน
มูลค่านับหมื่นผลึกวิญญาณเพื่อสานสัมพันธ์กับเถ้าแก่ ผู้ซึ่งเป็นถึงยอดฝีมือยากแท้หยั่งถึง กล่าวได้ว่าคุ้มค่า
แต่เห็นได้ชัด ว่าลั่วฉวนไม่ใช่คนที่สามารถซื้อใจด้วยวิธีการเช่นนี้ได้
กระนั้นก็นับเป็นเรื่องดี สิ่งนี้หมายความถึงเถ้าแก่ไม่มีวันถูกผู้อื่นซื้อใจเช่นเดียวกัน
ด้วยเก็บไวน์หยกอย่างระมัดระวัง เหล่าไป่ยังไม่คิดดื่มในตอนนี้
เพื่อให้มั่นใจว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานที่สุด เขาคิดหาสถานที่ปลอดภัยและจึงค่อยดื่มไวน์หยกนี้!
นั่นคือสิ่งที่เหล่าไป่คิดเอาไว้
ถัดจากนั้น เหล่าไป่จึงค่อยไปนั่งพร้อมสวมใส่หมวกโลหะ
ด้วยเหยาซื้อหยานให้คำแนะนำ เขาจึงเริ่มด้วยการลงทะเบียนใหม่พร้อมเล่นเกมเป็นครั้งแรก…
ภาพของหอคอยแห่งการทดสอบมันแทบไม่อาจแยกแยะว่าต่างจากความเป็นจริงได้อย่างไร ไม่ว่าจะทั้งอาวุธหรือประสบการณ์การต่อสู้ เหล่านี้ล้วนทำเหล่าไป่ตื่นตะลึงทั้งสิ้น
ไม่ช้า เขาจึงเริ่มปรับตัวเข้าหาเกม
ลั่วฉวนพิจารณาสมบัติอันน้อยนิดของตนเองด้วยอารมณ์ยินดี
เพียงหนึ่งวัน รวมเข้ากับห้าหมื่นผลึกวิญญาณที่จี้อู๋ฮุยจ่ายมาให้ เท่ากับวันนี้เขาได้รับมาแล้วถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นผลึกวิญญาณ!
แน่นอนว่านี่ยังไม่ได้หักส่วนแบ่งออกไป
ความเร็วการได้รับเงินระดับนี้ถือว่าน่าตื่นตะลึง มันแทบจะทำให้พ่อค้ากว่าเก้าในสิบของทวีปเทียนหลันต้องอับอายหากได้ทราบ!
“ระบบ ผลึกวิญญาณที่ได้รับมาโดยความสามารถของตัวเอง มันสามารถใช้แปรเปลี่ยนเป็นระดับการฝึกฝนโดยตรงได้หรือไม่?”
ขณะนี้ ลั่วฉวนพลันคิดหาวิธีการลัดขึ้นมา
ระบบเคยกล่าวเอาไว้ ว่าผลึกวิญญาณต้องแบ่งออกเป็นสัดส่วนหลังทำการค้าเสร็จสิ้น และเหล่านั้นจะนำไปเป็นระดับการฝึกฝน แต่ระบบไม่เคยกล่าวถึงว่าสามารถนำผลึกวิญญาณที่ได้รับผ่านช่องทางอื่นมาใช้ได้หรือไม่!
“ไม่ได้” ระบบตอบกลับมาอย่างไร้เยื่อใย
“ก็คิดไว้อยู่แล้ว” ลั่วฉวนคาดเดาผลลัพธ์ได้แต่แรก กระนั้นก็ยังต้องการถามเพื่อความมั่นใจ
หากผลึกวิญญาณอื่นสามารถแปรเปลี่ยนเป็นระดับการฝึกฝนโดยตรง เช่นนั้นเขาก็มีวิธีอื่นที่จะหาผลึกวิญญาณได้นอกจากร้านแห่งนี้
“ขอแสดงความยินดีแก่เจ้าของร้านที่สำเร็จภารกิจลับ ขณะนี้หอคอยแห่งการทดสอบมีผู้เล่นเกินกว่าสิบคนแล้ว!”
เสียงของระบบดังขึ้นภายในใจ ลั่วฉวนถึงกับชะงักไป
ภารกิจลับ?
มีอะไรเช่นนี้อยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ?
ใจที่ห่อเหี่ยวเมื่อครู่ เวลานี้ค่อยเผยความยินดีออกมา
สีหน้าลั่วฉวนนั้นไม่แปรเปลี่ยน ทว่าที่ภายในได้กล่าวคำถามออกไปแล้ว “รางวัลคืออะไรกัน?”
รางวัลที่สำเร็จภารกิจ นั่นจึงเป็นรางวัลแท้จริงที่ลั่วฉวนปรารถนาได้รับ!
ระบบกล่าวตอบ “โหมดอารีน่าของหอคอยแห่งการทดสอบจะเริ่มในวันรุ่งขึ้น”
จากนั้นจึงเป็นรายละเอียดของโหมดอารีน่าที่ปรากฏขึ้นในใจของลั่วฉวน
ตอนที่ 88 : ภัตตาคาร
โหมดอารีน่า ก็เป็นดังชื่อของมัน เป็นโหมดที่สำหรับให้ผู้เล่นต่อสู้กับผู้เล่นด้วยกันเอง
แน่นอนว่าคิดเปิดศึกต่อกันก็จำเป็นต้องจ่ายผลึกวิญญาณ
ความแตกต่างทางขอบเขตพลัง ก็หมายถึงจำนวนของผลึกวิญญาณ…
ที่แห่งนั้น ที่สองฝ่ายจะเปิดศึกต่อกันได้โดยเลือกใช้อาวุธอย่างอิสระ
และไม่ใช่มีเพียงแต่การปะทะหนึ่งต่อหนึ่ง ทว่ายังมีโหมดเผชิญหน้าแบบตะลุมบอน และใช้เพียงแต่วิทยายุทธ์
ทั้งยังมีระบบเทียบอันดับแต้มผู้ชนะ ซึ่งจะทำให้ได้รับรางวัลตอบแทนตามอันดับที่ได้ รางวัลนั้นจะเป็นเพียงรางวัลในหอคอยแห่งการทดสอบเท่านั้น
แต่ด้วยเพราะผู้เล่นน้อยเกินไป ดังนั้นระบบเทียบอันดับแต้มผู้ชนะจึงยังไม่เปิดใช้งาน
ลั่วฉวนเงียบไปครู่หนึ่ง
เขาทราบแต่แรกแล้ว ว่าระบบมักหาวิธีการรีดเร้นผลึกวิญญาณเช่นนี้
“เฮ้อ เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน!”
ปู้หลี่เกื๋อถอดหมวกออกพร้อมถอนหายใจ
ปู้ฉืออีและเจียงเฉิงจวินต่างก็ถอดหมวกออกกันตามลำดับใช้งาน
คนทั้งสามใช้เวลาเล่นครบสามชั่วโมงสำหรับวันนี้เรียบร้อยแล้ว
ขณะนี้รับชมร้านค้าอันคุ้นเคย พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะมึนงง
“ดื่มโคล่ากันสักขวดดีกว่า! ให้ข้าเลี้ยงเอง!” ปู้หลี่เกื๋อเผยท่าทีใจกว้าง
เพราะเป็นผู้ร่ำรวยจึงอวดโอ่เช่นนี้ได้!
ไม่นานจากนั้น เสียงเปิดฝาขวดโคล่าจึงดังให้ได้ยิน
“ฮ่า… เย็นชื่นใจ!”
ดื่มโคล่ากันเรียบร้อย เจียงเฉิงจวินและปู้หลี่เกื๋อจึงผ่อนลมหายใจกันออกมา
ทางด้านปู้ฉืออีนั้นสงวนท่าทีกว่า นางไม่ได้กล่าวคำใดออก
“เหล่าไปเข้าไปเล่นหอคอยแห่งการทดสอบ!” ปู้หลี่เกื๋อเผยเสียงตื่นตะลึง
“ไปรับชมว่าเหล่าไป่จะคืบหน้าได้ถึงที่ตรงใดกัน” เจียงเฉิงจวินเผยใบหน้าใคร่สงสัยได้ทราบ
เช่นนั้นคนทั้งสามจึงไปหยุดยืนที่ด้านหลังเหล่าไป่เพื่อรับชมหน้าจอ
เหล่าไป่กำลังถือหอกในมือ ที่เผชิญหน้าคืออสรพิษมงกุฎทองนับสิบตัวรายล้อม
อสรพิษมงกุฎทองคือสัตว์อสูรของหอคอยแห่งการทดสอบชั้นที่สอง
“นี่เหล่าไปขึ้นไปถึงชั้นที่สองตั้งแต่เมื่อใด?” เจียงเฉิงจวินอุทานร้องออกมา
วันนี้คือครั้งแรกที่เขาได้เล่นหอคอยแห่งการทดสอบ ด้วยเวลาผ่านพ้นสามชั่วโมง เขาเพียงผ่านโหมดง่ายของชั้นแรก
แต่หลังจากผ่านโหมดง่ายของชั้นแรก ที่ปรากฏให้เห็นคือโหมดปกติ
เมื่อผ่านได้แล้ว เช่นนั้นจึงสามารถเข้าสู่ชั้นที่สองในโหมดปกติได้
แน่นอนว่าโหมดง่ายของชั้นที่สองก็เปิดขึ้นในเวลาเดียวกันนี้
“ไมได้แล้ว ต้องพยายามให้มากกว่านี้!”
เจียงเฉิงจวินกำเสื้อตัวเองแน่น สีหน้าเผยความจริงจัง
สองพี่น้องปู้หลี่เกื๋อและปู้ฉืออีพบเห็นท่าทีของเจียงเฉิงจวินจึงกล่าวกันไม่ออก
ทั้งสองได้ทราบ ว่าเจียงเฉิงจวินราวกับเสพติดเกมเข้าให้แล้ว…
เช่นนี้คนทั้งสามจึงกลับออกจากร้าน ถัดจากนั้นจึงเป็นเหล่าไป่ที่เล่นเกมครบสามชั่วโมงราวเวลาผ่านไปเพียงอึดใจ
ไม่ทันรู้ตัว เวลาก็กลายเป็นช่วงบ่ายแล้ว
“เวลาผ่านไปขนาดนี้แล้วหรือนี่?”
เหล่าไป่ที่ออกจากเกม สายตาจึงหันมองนอกร้านที่พระอาทิตย์กำลังตั้งตรงแทบจะเหนือศีรษะ
เขารู้สึกว่ามันเพิ่งผ่านไปเพียงครู่เดียวเท่านั้นเอง
“เล่นหอคอยแห่งการทดสอบ มันทำให้ผู้คนลืมเลือนเวลาที่ไหลผ่านไปได้” ลั่วฉวนกล่าวบอก
เหล่าไป่พยักหน้ารับเห็นพ้อง จากนั้นกล่าวล่ำลากับลั่วฉวนและเหยาซือหยาน
เขาคิดกลับไปรายงานให้จี้อู๋ฮุยได้ทราบ
“มื้อค่ำนี้ไปภัตตาคารเซียนวิหคอมตะก็แล้วกัน” ลั่วฉวนเสนอความเห็น
อย่างไรแล้ว จี้อู๋ฮุยก็กล่าว ว่าพวกเขาทั้งสองสามารถรับประทานอะไรก็ได้ที่นั่นได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายไปตลอดกาล ดังนั้นไม่ไปก็แย่แล้ว!
เมื่อมาถึงภัตตาคารเซียนวิหคอมตะ ลั่วฉวนและเหยาซือหยานจึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
กระทั่งเถ้าแก่ของภัตตาคาร ผู้ซึ่งเป็นบุรุษอ้วนท้วนคล้ายหนักราวสามถึงสี่ร้อยจินยังเดินออกมาให้การต้อนรับ
*จิน เป็นหน่วยชั่งน้ำหนัก มีค่าเท่ากับครึ่งกิโลกรัม*
บุรุษอ้วนท้วนเข้ามาทักกทาย ลั่วฉวนจึงรู้สึกราวกับพื้นร้านสั่นไหว
ดวงตาเหยาซือหยานเบิกกว้าง น้อยครั้งที่ใบหน้านี้จะเผยอาการตื่นตกใจออกมา
ครั้งนี้ ลั่วฉวนขอห้องส่วนตัว
ด้วยเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้า มันจะทำให้รู้สึกไม่ใคร่สะดวกใจนักหากรับประทานมื้อค่ำภายใต้สายตาผู้อื่นจับจ้อง