เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 75-76
ตอนที่ 75 : อะไรคือตาย
“ยังมีอีกเรื่อง เหล่าไป่ อย่าได้ทำร้ายโฉมงามผู้นั้น!”
จี้เทียนเฮาคล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้ สายตาขณะนี้หันมองทางเหยาซือหยานที่ยังคงนั่งกับที่ด้วยความปรารถนาอันเปี่ยมล้น
พบเห็นว่าอีกฝ่ายพูดคุยถึงใคร เหล่าไป่จึงเผยสีหน้าแข็งค้างพร้อมกรีดร้องดังภายในใจ
องค์ชายสองกล้าดีอย่างไรยั่วยุเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้?
เหล่าไป่ทราบดีว่าจี้เทียนเฮามีนิสัยเช่นไร
ด้วยก่อเรื่องในนครจิ่วเหยาไม่เว้นแต่ละวัน ชื่อเสียนับวันมีแต่เพิ่มขึ้น
กระนั้นด้วยเพราะฐานันดรจึงไม่มีผู้ใดกล่าวอันใดได้
มีคำหนึ่งกล่าวเอาไว้ ว่าเมื่อใดเหยียบย่ำลงแม่น้ำมีหรือรองเท้าไม่เปียก?
และนี่ก็เป็นสถานการณ์ในตอนนี้
จี้เทียนเฮาอาศัยฐานันดรก่อการเอาแต่ใจไปทั่วนครจิ่วเหยา จนกระทั่งถึงกับยั่วยุเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เข้าให้
ขณะเหล่าไป่คิดว่าจะขอร้องลั่วฉวนให้ไว้ชีวิตอย่างไรดี จี้เทียนเฮากลับโพล่งออกมา
หางตาเหล่าไป่จึงต้องกระตุกรุนแรง
ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม วันนั้นเขาได้เห็นกับตาคู่นี้ด้วยตนเองมาแล้ว!
ถึงกับกล้ามีความคิดต่อสตรีของอีกฝ่าย เกรงว่าไม่ทราบแล้วว่าอักษรคำว่าตายนั้นแท้จริงเขียนเช่นไร!
เพี๊ยะ!
เสียงแรงปะทะดังขึ้น
ฝูงชนที่กัดกินแตงโมอยู่ขณะนี้อดไม่ได้ที่จะเผยดวงตาเบิกกว้าง
เหล่าไปเมื่อปรากฏตัว ที่พวกเขาคิดคือเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น
ผู้ใดกันคาดคิดว่าผลลัพธ์จะกลับกลายเป็นเช่นนี้ได้
พวกเขาเห็นอะไรงั้นหรือ?
เหล่าไป่ตบหน้าจี้เทียนเฮา!
ไม่ใช่ว่าเหล่าไป่เป็นคนของราชวงศ์หรือไร?
ไม่ใช่ว่ามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือองค์ชายสองงั้นหรือ?
ไฉนเวลานี้จึงตบหน้าองค์ชายสองเสียได้?
ทันใดนี้ ความสงสัยและคำถามจึงปรากฏในใจทุกผู้คนที่เห็นเหตุการณ์
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องยกเว้นกับผู้ที่ทราบตัวตนของลั่วฉวน
และต้องกล่าว ว่าชายชราตบหน้านี้ไม่ใช่เบามือแต่อย่างใด
ใบหน้าจี้เทียนเฮาขณะนี้เผยรอยบวมที่เห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า
ขณะเดียวกัน กระทั่งมีฟันหลุดกระเด็นออกจากปาก
จี้เทียนเฮาแทบไม่อาจตอบสนอง สีหน้าเผยซึ่งความงงงัน
แต่จากนั้น ที่เกิดขึ้นจึงเป็นเสียงกรีดร้องเสียดแก้วหู
เหล่าไป่ไม่คิดรีรอที่จะตบจี้เทียนเฮาอีกครั้ง
หากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ผู้ใดกันเชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้!
ทั่วทั้งภัตตาคารเซียนวิหคอมตะกลายเป็นเงียบงัน ที่ได้ยินขณะนี้มีแต่เสียงกรีดร้องขององค์ชายสอง
อีกทางหนึ่ง…
ลั่วฉวนรับชมอย่างเฉยชาและเงียบงัน
เหงื่อกาฬที่หลั่งบนหน้าผากของเหล่าไป่ยามนี้ถูกปาดเช็ดออก
ครั้งได้เห็นลั่วฉวนลงมือเมื่อหลายวันก่อน นั่นเป็นการสังหารอย่างไร้ซึ่งความเมตตา
ขณะนี้ที่ต้องทำ คือให้อีกฝ่ายพึงพอใจกับการลงมือของตน
“คุกเข่าลง!”
เหล่าไป่ออกคำสั่งเสียงดัง
เหล่าไป่แทบจะคาดเดาเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่มาถึงภัตตาคารแห่งนี้ อย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องเป็นจี้เทียนฮุยก่อเรื่อง
แต่ลั่วฉวนคือผู้ใด? ตัวเขาแบกรับอีกฝ่ายได้ไหวงั้นหรือ?
ดังนั้นเหล่าไป่จึงตัดสินใจเด็ดขาด กล่าวบอกให้จี้เทียนเฮาสารภาพความผิดและยอมรับการลงโทษเพื่อรักษาชีวิตนี้เอาไว้
แต่เห็นได้ชัด ว่าจี้เทียนเฮายังไม่เข้าใจเรื่องราว
“เจ้า! ไม่เพียงแต่ตบหน้าข้า! แต่ยังกล้าสั่งให้ข้าคุกเข่าต่อมันผู้นี้อย่างนั้นหรือ?!”
จี้เทียนเฮาเผยดวงตาเบิกกว้างจับจ้องที่เหล่าไป่อย่างไม่คิดเชื่อ
ไม่ใช่เหล่าไป่มาที่นี่เพื่อช่วยเหลือตนหรอกหรือ?
ตอนนี้ กับอีกฝ่ายที่ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเป็นผู้ใด ไฉนจึงต้องให้องค์ชายสองแห่งจักรวรรดิเทียนชิงคุกเข่าต่อหน้าด้วยกัน?!
“ไป่หง! เจ้ากินยาผิดสำแดงมาหรือไร! ตระกูลจี้ของพวกเราโปรดปรานเจ้าแล้วได้ใจงั้นหรือ กล้าดีอย่างไรตบตีเจ้านายเช่นนี้?!” จี้เทียนเฮาตะโกนออกเสียงดังก้อง
ดวงตาเหล่าไป่เบิกกว้างด้วยความไม่คิดเชื่อ เขาไม่คาดคิดว่าจี้เทียนเฮาจะกล่าวคำเช่นนี้ออกมา
ตอนที่ 76 : จี้อู๋ฮุยมาเยือน
บรรดาผู้มารับประทานอาหารต่างรับชมด้วยความตื่นเต้น
องค์ชายที่สองและเหล่าไป่ถึงกับประชันหน้ากันเองแล้ว!
ริมฝีปากเหล่าไป่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธเกรี้ยว
กับยอดฝีมือขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่แปด เขาย่อมเป็นแขกผู้ทรงเกียรติขนาดทุกกองกำลังอ้าแขนยินดีต้อนรับ
ด้วยอยู่เคียงข้างจักรพรรดิเทียนชิงมาตลอดก็เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณ
นานมาแล้ว จักรพรรดิเทียนชิงได้บังเอิญช่วยเหลือเหล่าไป่ที่บาดเจ็บสาหัสเอาไว้
ชีวิตของผู้ฝึกตนยืนยาวยิ่งกว่าผู้คนทั่วไป ดังนั้นความเมตตาครั้งนี้ต้องตอบแทน นี่คือการตัดสินใจของเขา
อย่างไรแล้ว ความแข็งแกร่งระหว่างจักรพรรดิเทียนชิงและเหล่าไป่ก็ไม่ใช่กว้างใหญ่ และเหล่าไป่ก็ไม่ใช่คนของจักรวรรดิเทียนชิงด้วย
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงไม่ใช่ทั้งเจ้านายและบริวารต่อกัน
คำของจี้เทียนเฮา ถือเป็นการตบหน้าเหล่าไป่อย่างรุนแรง
เหล่าไป่อยู่เคียงคู่ตระกูลจี้เพราะเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ได้รับ
กระนั้นในสายตาของชนรุ่นเยาว์เช่นจี้เทียนเฮา ตัวเขาแตกต่างอะไรกับบริวารอันต่ำต้อย?
เหล่าไป่สูดลมหายใจเข้าลึก ความโกรธในใจสะกดข่มลง ตัวเขายังคงมีเหตุและผลอยู่
“ผู้อาวุโส องค์ชายที่สองดื้อรั้น เป็นความผิดของจักรวรรดิเทียนชิงที่ต้องรับผิดชอบ! หวังว่าท่านคงยอมละเว้นชีวิตนี้ไว้!”
จนกระทั่งถึงตอนนี้ เหล่าไป่ก็ยังจดจำคำของจี้อู๋ฮุยเอาไว้ได้
ขณะเดียวกัน เขาได้เตะตัดขาจี้เทียนเฮาให้คุกเข่าลง
ด้วยเสียงคล้ายกระดูกหักดังขึ้น จี้เทียนเฮาจึงคุกเข่าลงกับพื้น
สถานการณ์ตอนนี้คือเหล่าไป่ยังมีโทสะ จี้เทียนเฮาสบถเสียงดังออกจากปากพร้อมกรีดร้อง
เพียงไม่มองก็ทราบ ว่าขานั้นใช้การไม่ได้แล้ว
สีหน้าลั่วฉวนประหนึ่งสายน้ำที่ไม่แปรเปลี่ยน เขาไม่กล่าวคำใดตอบ
เหยาซือหยานที่นั่งเคียงข้างก็เงียบงัน
ผู้มารับประทานมื้อค่ำต่างไม่กล้าพูดกล่าวส่งเสียง
กระนั้นที่พวกเขาเผยออกได้ คือสีหน้าหวาดกลัว สายตาต่างมองที่ลั่วฉวนอย่างไม่นึกเชื่อสิ่งที่เห็น
เมื่อครู่พวกเขาได้ยินว่าอะไร?
ผู้อาวุโส?!
เหล่าไป่ถึงกับเรียกหาคนหนุ่มตรงหน้าว่าผู้อาวุโส?
นี่ยังไม่กล่าวถึง ว่ากำลังนั้นเหนือล้ำกว่าเหล่าไป่ที่อยู่ขอบเขตทดสอบเต๋า…
เหล่าไป่เผยท่าทีนอบน้อม เป็นการบ่งบอกว่าหวาดเกรงต่อกำลังของคนหนุ่มตรงหน้า?
ผู้มารับประทานมื้อค่ำต่างไม่กล้าเคลื่อนไหว พวกเขาคิดแต่เก็บตัวให้เงียบด้วยเกรงว่าจะดึงความสนใจของลั่วฉวนเข้า
จี้เทียนเฮาไม่โง่ กระนั้นความเจ็บปวดที่ใบหน้าและเข่านั้นเกินกว่าจะทานทน ขณะนี้เขาค่อยได้ตระหนักว่าเรื่องราวผิดคาดไกลเกินกว่าที่คิด
แม้เขาเป็นองค์ชายก็ไม่อาจแปรเปลี่ยนสถานการณ์นี้ได้
ปากขณะนี้ต้องปิดลงพร้อมกล้ำกลืน
เขารู้สึกว่าตนเองได้สร้างปัญหาครั้งใหญ่เข้าให้แล้ว
ลั่วฉวนไม่กล่าวตอบ และเหล่าไป่ก็ไม่กล้าไปไหน
ทุกคนได้แต่สั่นกลัวท่ามกลางความเงียบงัน
เวลาไหลผ่านเชื่องช้า สุดท้ายลั่วฉวนค่อยเผยคำกล่าว เสียงเบานี้เผยคำออก “เรียกจี้อู๋ฮุยมา”
“ขอรับ!”
เหล่าไป่เร่งรีบรับคำ จากนั้นจึงบดขยี้เครื่องรางหยกของตน
ทันใดนี้ คลื่นพลังอำนาจจิตสำนึกอันรุนแรงจึงมุ่งหน้าสู่ทิศทางพระราชวังหลวง
เพียงหนึ่งถ้อยคำ ยอดฝีมือขอบเขตทดสอบเต๋าต้องโค้งกายรับคำ
นี่คือผู้ยิ่งใหญ่อันเกรียงไกรมาจากที่ใด!
พระราชวังหลวง เมื่อจี้อู๋ฮุยได้รับเสียงผ่านทางจิต สีหน้าขณะนี้พลันต้องแปรเปลี่ยน
ด้วยจิตที่ส่งมา เหล่าไป่ได้กล่าวอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว
จี้อู๋ฮุยทราบว่าตนไม่มีทางเลือกอื่น
เขาต้องสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะก้าวเดินออกไป
เขาไม่คิดอยากยั่วยุยอดฝีมืออันลึกลับที่เปิดร้านอยู่ในนครจิ่วเหยาแห่งนี้
ฉู่หยางผิงแห่งตำหนักจันทราสีเงิน เมื่อหลายวันก่อนได้รับบทเรียนอย่างสาหัสไปแล้ว!
เพียงไม่กี่ชั่วสิบลมหายใจ ร่างหนึ่งพลันทะยานมาหยุดที่ตรงหน้าภัตตาคารเซียนวิหคอมตะ
ตัวตนอันสูงส่งมาพร้อมชุดมังกรประดับเลือนร่าง เพียงพบเห็นก็ไม่ยากคาดเดาว่าเป็นผู้ใด
“คำนับองค์เหนือหัว!”
เสียงฝูงชนดังขึ้นพร้อมโค้งกายเป็นการเคารพ
ในจักรวรรดิเทียนชิง ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าพิธีคุกเข่าคำนับแต่อย่างใด
หากคิดคุกเข่าเผยความนับถือ เช่นนั้นก็มีแต่เพียงฟ้าดิน เทพเจ้า และบุพการีเท่านั้น