เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 71-72
ตอนที่ 71 : องค์ชายสองถูกสั่งสอน
ลั่วฉวนรู้สึกว่าเรื่องราวชวนขบขันเมื่อได้ยินคำของจี้เทียนเฮา
เขาเคยพบเห็นอะไรมาก็มาก ทว่าไม่เคยพบเห็นอะไรถึงขนาดนี้มาก่อน
ลั่วฉวนเชื่อ ว่าด้วยตัวตนของจี้เทียนเฮา สองคนนี้สมควรสร้างความวุ่นวายไปทั่วนครจิ่วเหยา
แม้ว่าผู้อื่นไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ก็ยังเข้าไปหาเรื่องเบาะแว้งกับผู้อื่นได้
“คุกเข่าลง! จากนั้นจงหักแขนข้างหนึ่งเสีย! องค์ชายผู้นี้จะได้ละเว้นไม่เอาชีวิตเจ้า!”
จี้เทียนเฮามองทางลั่วฉวนด้วยสายเหยียดหยาม ราวกับคิดว่าตนเองควบคุมชีวิตและความตายได้!
เหยาซือหยานไม่คิดกังวลแม้แต่น้อย กระทั่งเผยสีหน้าคาดหวังได้เห็นเรื่องสนุก
สำหรับคนพวกนี้ หาเรื่องเถ้าแก่ไม่ต่างอะไรกับแส่หาความตาย
สีหน้าลั่วฉวนยังไม่แปรเปลี่ยนแต่อย่างใด เพียงแต่ถอนหายใจเสียงเบา “เดิมก็เพียงเปิดร้านในนครจจิ่วเหยา ไม่คิดว่าจะต้องข้องเกี่ยวกับราชวงศ์ แต่หากหาเรื่องถึงเพียงนี้ ข้าก็คิดไม่ขัดข้องที่จะสอนสั่งบทเรียน…”
“หลี่มู่ แสดงฝีมือให้มันได้เห็น!” สีหน้าจี้เทียนเฮาเผยความดำมืดกล่าวคำออกเย็นเยือก
“ขอรับฝ่าบาท!”
หลี่มู่เผยยิ้มพร้อมก้าวเดินเข้าหาลั่วฉวน
พร้อมกันนี้ หมัดนั้นพุ่งทะยานออกพร้อมเสียง ‘เพี๊ยะ’
ในความคิดของผู้อื่น ลั่วฉวนออกท่วงท่าก่อน
ภายในนครจิ่วเหยาแห่งนี้ ผู้ใดกันกล้าหาเรื่องกับพวกเขาเหล่านี้?
หากทำอะไรต่อต้าน เช่นนั้นก็ถือเป็นศัตรูกับทั้งนครจิ่วเหยา!
และไม่ต่างอะไรกับเป็นศัตรูต่อจักรวรรดิเทียนชิง!
เพราะเหตุนี้จึงเป็นผลให้หลี่มู่และจี้เทียนเฮาก่อเรื่องไปทั่วอย่างไม่หวั่นเกรงผู้ใด
กึก!
เสียงคล้ายอะไรแตกดังออก
ถัดจากนั้น ร่างหนึ่งจึงปลิวหายประหนึ่งเงาวูบวาบ
ตามมาด้วยเสียง “ตู้ม” ดังออกเพราะร่างปะทะกับกำแพงอย่างรุนแรง
เมื่อได้เห็นว่าผู้ใดที่ร่างกระเด็น บรรดาผู้มารับประทานมื้อค่ำต่างอดไม่ได้ที่จะสะท้านลมหายใจ
เป็นหลี่มู่ บุตรแห่งขุนนางขวา!
หลี่มู่กลายเป็นมีสภาพอันเลวร้าย รอยประทับฝ่ามือยังคงเผยชัดที่ใบหน้า
และรอยประทับฝ่ามือ มันเกิดขึ้นด้วยความเร็วเกินกว่าตาเปล่าจะมองเห็น
“แค่ก แค่ก!”
หลี่มู่โขลกไอออกมาสองครั้งอย่างไม่ได้สติ วัตถุสีขาวถึงกับกระอักออกทางปาก
หากคาดเดาไม่ผิด สมควรเป็นฟันที่แตก
พบเห็นเรื่องราว ผู้มารับประทานอาหารต่างเผยยิ้มกันอยู่ภายใน
ลงมือได้ดี!
หากไม่มียารักษาที่ดี เช่นนั้นหลี่มู่ก็สมควรเสียโฉมแล้ว
นับเป็นโชคดีที่ไม่ใช่อาการบาดเจ็บร้ายแรง เพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดทางกายมากล้น
“ว่าไปแล้ว พบเห็นไหมว่าอีกฝ่ายลงมืออย่างไร?”
“ไม่ทันได้มอง ผู้ใดสนใจกันเล่า?”
“ข้าเห็น แต่ข้านั้นอยู่ขอบเขตจิตวิญญาณระดับที่สาม ดังนั้นจึงเห็นเพียงเศษเสี้ยวเหตุการณ์!”
“เดี๋ยว! นั่นไม่ใช่หมายความถึงชายคนนั้นมีกำลังอย่างน้อยก็ขอบเขตคืนต้นกำเนิดหรือไร?!”
……
บรรดาผู้มารับประทานมื้อค่ำต่างหันมองทางลั่วฉวน ความหวาดกลัวฉายผ่านดวงตาพวกเขาเหล่านี้
สองขอบเขตใหญ่อย่างหลอมกายและจิตวิญญาณ มันคือส่วนใหญ่ของผู้ฝึกตนในโลกใบนี้
ส่วนขอบเขตคืนต้นกำเนิด กล่าวได้ว่าเป็นยอดฝีมือแล้ว
ขอบเขตทดสอบเต๋านั้นแข็งแกร่งมากพอตั้งสำนักของตนเอง และยังจะได้รับเทียบเชิญจากกองกำลังอีกมากมาย
ได้พบเห็นหลี่มู่มีสภาพย่ำแย่ กล่าวตามตรง จี้เทียนเฮากลายเป็นแตกตื่น
เขาไม่เคยคิด ว่าลั่วฉซนจะกล้าลงมือ!
“เจ้า อย่าได้เข้ามาใกล้! บิดาข้าคือจักรพรรดิเทียนชิง!”
พบเห็นลั่วฉวนหันสายตามองมา จี้เทียนเฮาจึงชักเท้าถอยกลับด้วยคววามหวาดกลัว
เขาไม่เคยพบผู้ใดไม่สนหน้าฟ้าดินและอหังการเพียงนี้มาก่อน
ขณะนี้ภายในใจ ความคิดเรื่องเหยาซือหยานหาได้มีอีกต่อไปแล้ว
ไม่ว่าเป็นโฉมงามเพียงใด แต่ชีวิตตนเองอย่างไรก็สำคัญกว่า!
ตอนที่ 72 : เถ้าแก่ก่อเรื่องอีกแล้ว
“เจียงเฉิงจวิน เหตุใดวันนี้ไม่ไปร้านเถ้าแก่?” ระหว่างเดินบนถนน ปู้หลี่เกื๋อกล่าวถามด้วยความสงสัย
ข้างกายเขาคือเจียงเฉิงจวินที่เดินตาม
“หากไม่ใช่เพราะบิดาข้ากล่าวว่านครจิ่วเหยาขณะนี้ มีแต่พยัคฆ์ร้ายมังกรหลบซ่อนอยู่เต็มไปหมดจึงกล่าวเตือนไม่ให้ออกมาก็คงไปแล้ว นี่ข้าเพิ่งออกมาได้” เจียงเฉิงจวินกล่าวออกด้วยสีหน้าลำบากใจ
ทิศทางซึ่งทั้งสองเดินไปคือภัตตาคารเซียนวิหคอมตะ
ที่นี่ค่อนข้างใกล้กับร้านของลั่วฉวน แต่ทั้งสองกลับไม่เคยคิดมาที่นี่ด้วยกัน
เพราะร้านของลั่วฉวนมีเวลาปิดเช่นเดิมในทุกวัน
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ไม่มีหย่อนหรือเร็วไปกว่านั้น
บางทีอาจเป็นเพราะเจอกันบ่อยครั้งที่ร้านของลั่วฉวนแล้ว และก่อนหน้าสัมพันธ์ต่อกันก็ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก
“น่าเสียดายนัก” ปู้หลี่เกื๋อส่ายศีรษะพร้อมเผยเสียง “เหอะเหอะเหอะ” ด้วยใบหน้าเหยียดหยาม “เจ้าพลาดอดได้เห็นของใหม่ในร้านเถ้าแก่แล้ว!”
“อะไรใหม่?” เจียงเฉิงจวินชะงัก ดวงตาเผยความตื่นตะลึงกล่าวถามคิดอยากได้ทราบ “เถ้าแก่มีของใหม่มาหรือ? เป็นอะไรกัน?!”
“เป็นเกม” ปู้หลี่เกื๋อตอบกลับอย่างลึกลับ
เจียงเฉิงจวินได้แต่เผยสีหน้างงงัน
กระนั้นปู้หลี่เกื๋อเลือกไม่สนใจเจียงเฉิงจวิน ปล่อยอีกฝ่ายงงค้างที่ตรงนั้นและก้าวเดินต่อไปยังภัตตาคารเซียนวิหคอมตะ
เจียงเฉิงจวินที่ดึงสติกลับคืนมาได้จึงเร่งรีบเดินตามติด
“เกมหรือ? นี่คงไม่ได้หลอกข้าเล่นกระมัง?” เจียงเฉิงจวินเร่งรีบเดินกลับมาพูดคุยข้างปู้หลี่เกื๋อด้วยความสงสัยเปี่ยมล้น
“ข้าจะโกหกไปทำอะไร?” ปู้หลี่เกื๋อไหวไหล่ “ของในร้านเถ้าแก่แปลกใหม่เสมอหรือไม่ใช่?”
เจียงเฉิงจวินพยักหน้ารับ
ของแปลกใหม่ในร้าน มันไมใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
ปู้หลี่เกื๋อเดินไปต่อพลางกล่าว “เกมในร้านเถ้าแก่ไม่ใช่เพียงเป็นเกมธรรมดา แต่เมื่อเล่นแล้วจะช่วยเพิ่มพูนการฝึกฝน!”
เจียงเฉิงจวินต้องชะงักอีกครา ดวงตาขณะนี้เบิกกว้างตื่นตะลึง
ถึงกับมีของเช่นนั้นด้วย?
แค่เล่นเกมก็แข็งแกร่งขึ้นได้แล้ว?
แข็งแกร่งขึ้นมันจะง่ายดายเพียงนั้นได้อย่างไรกัน?
“เกมนี้เปรียบเสมือนโลกจริง ที่นั่นพวกเราจะต้องสังหารศัตรูและเพิ่มพูนประสบการณ์…”
“แต่บอกไปก็ไม่เห็นชัด พรุ่งนี้ไปลองด้วยตนเองจึงได้รู้…”
เจียงเฉิงจวินแทบจะมีแต่ข้อสงสัยติดค้างภายในใจ ทั้งยังปรารถนาให้เป็นวันพรุ่งนี้เสียตอนนี้เพื่อที่จะได้ไปเล่นเกมวิเศษนั้นโดยเร็ว
“หือ? เหมือนที่ภัตตาคารจะเกิดเรื่องขึ้น เร่งรีบไปรับชม!”
ปู้หลี่เกื๋อพบเห็นความวุ่นวายจากทางด้านหน้าภัตตาคาร ขณะนี้เผยความสงสัยพร้อมเร่งฝีเท้า
เป็นที่ทราบกันดีว่าที่แห่งนี้คือภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดของนครจิ่วเหยา ภัตตาคารเซียนวิหคอมตะนั้นมีพื้นเพอันแข็งแกร่ง
ผู้คนที่กล้าสร้างปัญหาหรือมั่นใจในกำลังของตนเองล้วนถูกสอนสั่งกันทั้งสิ้น
ขณะเจียงเฉิงจวินและปู้หลี่เกื๋อเดินใกล้ถึงอาคาร ที่ได้เห็นคือร่างหนึ่งลอยลิ่วกระเด็นออกมา
“เจ้านั่น ไม่ใช่หลี่มู่หรอกหรือ?” เจียงเฉิงจวินเผยสายตาหรี่เล็กพิจารณาบุคคล
ปู้หลี่เกื๋อพยักหน้ารับด้วยความงงงัน จากนั้นจึงมองไปยังบุคคลที่หลี่มู่ติดตาม
เป็นดังคาด อีกฝ่ายคือองค์ชายลำดับที่สองจี้เทียนเฮา
“ถึงกับกล้าลงมือต่อองค์ชายสอง อีกฝ่ายหน่ายเหนื่อยมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?”
นี่คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นของเจียงเฉิงจวินและปู้หลี่เกื๋อ
แต่หลังได้เห็นว่าผู้ใดลงมือ คนทั้งสองกลายเป็นต้องเงียบงันพร้อมถอนความคิด
อีกฝ่ายกล้าดีอย่างไรถึงกับทำให้เถ้าแก่ต้องลงมือ องค์ชายสองหวาดเกรงว่าชีวิตจะสั้นไม่พองั้นหรือ?
คนทั้งสองยามนี้ไม่คิดถึงเรื่องฐานันดรของจี้เทียนเฮาอีกต่อไปแล้ว
ฐานันดรสูงส่งแล้วอย่างไร?
ด้วยกำลังอันเกรียงไกรของเถ้าแก่ ต่อให้เป็นจักรพรรดิเทียนชิงมาด้วยตัวเองก็ไม่อาจต่อกรได้!