เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 43-44
ตอนที่ 43 : บะหมี่กึ่งสำเร็จ
เวลาไหลผ่านรวดเร็ว เพียงพริบตาหนึ่งวันก็ผ่านพ้น
หลังจากพวกปู้หลี่เกื๋อทั้งสามกลับไปแล้ว ที่ร้านก็ไม่มีแขกมาเยือนอีก
ส่วนเรื่องอาหารการกินของวันนี้…
เพราะเหยาซือหยานปรากฏตัวขึ้นในร้าน และเพราะนางไม่สนใจโลกมนุษย์ ดังนั้นลั่วฉวนจึงต้องไปซื้อหาจากโรงเตี๊ยมที่ภายนอกมา
ภายใต้ฟ้ามืดมิด คนทั้งสองกลับมาถึงยังห้องพักในร้าน
“ระบบ ยังมีสิทธิ์สุ่มโชคเหลืออยู่หรือไม่?” ลั่วฉวนเรียกระบบภายในใจ
“เจ้าของร้านได้สำเร็จภารกิจจ้างเสมียนประจำร้าน จึงได้รับสิทธิ์การสุ่มโชค” ระบบตอบกลับมา “ต้องการสุ่มโชคเลยหรือไม่?”
“เอาเลย!”
แสงสว่างวูบปรากฏที่ต่อหน้า เป็นอีกครั้งที่ลั่วฉวนมาอยู่ในมิติแปลกประหลาด
สายตาเขาหันมองเครื่องสุ่มโชคที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นจึงสั่งให้มัน “เริ่ม” ด้วยความคิด
วงล้อสุ่มโชคเริ่มหมุนรวดเร็ว ภาพของรางวัลทั้งหมดกลายเป็นพร่ามัว
“หยุด!”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึก ลั่วฉวนจึงกล่าวคำเสียงดัง
“ไม่รู้ว่ารอบนี้จะได้ของดีไหม คงไม่ใช่อะไรที่คล้ายเครื่องเทศกับโคล่าแล้วมั้ง?”
ได้เห็นวงล้อหมุนช้าลงทีละน้อย ลั่วฉวนจึงอดไม่ได้ที่จะมีความคิดเช่นนี้อยู่ภายใน
แม้ว่าสรรพคุณของโคล่าและแท่งเครื่องเทศจะเป็นระบบมอบให้ แต่ลั่วฉวนก็รู้สึกว่ามันแปลกมาโดยตลอด
ท้ายที่สุดวงล้อจึงหยุดลงพร้อมเข็มชี้ที่บริเวณสีทอง
“ขอแสดงความยินดีแก่เจ้าของร้านที่ได้รับบะหมี่กึ่งสำเร็จ เส้นทางการซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จได้เปิดออกแล้ว!”
แสงสว่างปรากฏวูบต่อหน้า ลั่วฉวนกลับมายังห้องตนเอง
“ระบบ ขอถามอะไรหน่อย ที่ทำอย่างนี้เพราะต้องการอะไร?” ลั่วฉวนกล่าวถามจริงจัง
ระบบจึงตอบกลับ “เหตุใดเจ้าของร้านจึงถามเช่นนั้น?”
ลั่วฉวนสูดลมหายใจเข้าลึกและจึงกล่าว “โคล่า แท่งเครื่องเทศ บะหมี่กึ่งสำเร็จ ของพวกนี้มันไม่เหมือนโรงอาหารไปหน่อยหรือ นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่?”
ระบบเงียบงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตอบกลับ “วงล้อสุ่มโชคนั้นจะหมุนและหยุดตามคำสั่งของเจ้าของร้าน เรื่องนี้ไม่มีทางแทรกแซงได้”
ลั่วฉวนคิดอยากกล่าว แต่ขณะนี้เองที่หน้าต่างข้อมูลได้ปรากฏขึ้นภายในใจ
“นี่คือความน่าจะเป็นที่ระบบจะสุ่มออกให้ ขอเจ้าของร้านตรวจสอบให้ดี”
ตรวจสอบบ้านเอ็ง!
ลั่วฉวนอดไม่ได้ที่จะโกรธเกรี้ยว
แต่เพียงรับชม ลั่วฉวนจึงทราบว่ามีสินค้านับร้อยล้านอย่างในตารางระบบ
และความเป็นไปได้ที่สินค้าอื่นจะออกนั้น มันคือจุดทศนิยมและตามด้วยศูนย์จำนวนมาก
ส่วนว่าทำไมของทั้งสามสุ่มออกมาได้นั้น…
โอกาส… มันเป็นไปได้ขนาดนี้เลยหรือ?
ลั่วฉวนสูดลมหายเข้าลึกพร้อมสงบจิตสงบใจ
ใจเย็น! ใจเย็น!
สำหรับบุคคลที่จะเป็นเจ้าของร้านสุดแกร่ง มันไม่ควรขายแต่โคล่า แท่งเครื่องเทศ และบะหมี่กึ่งสำเร็จ แต่ควรจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นไม่ใช่หรือยังไง?
แล้วดูความยากที่ต้องเผชิญนี้!?
ตระหนักได้ถึงอารมณ์ของลั่วฉวนที่แปรเปลี่ยน ระบบจึงส่งข้อความหาลั่วฉวนราวกับรู้จังหวะ
“บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เมื่อกินเข้าไปแล้วจะช่วยเพิ่มความเร็วการฝึกฝนสิบเท่า ระยะเวลาคงสภาพหนึ่งชั่วโมง มูลค่าสิบผลึกวิญญาณ”
“ในเมื่อบะหมี่กึ่งสำเร็จเป็นอาหารที่ต้องปรุง ดังนั้นร้านจึงจะเริ่มการปรับเปลี่ยน”
“การปรับเปลี่ยนร้านเสร็จสมบูรณ์ เครื่องกดน้ำร้อนถูกเพิ่มสู่ภายในร้านพร้อมน้ำพุแห่งกำลัง มูลค่าการใช้หนึ่งครั้งราคาหนึ่งร้อยผลึกวิญญาณ”
“ข้อแนะนำ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่งผลหลังจากแช่ในน้ำร้อนจากเครื่องของทางร้านเท่านั้น”
ลั่วฉวนถึงกับพูดกล่าวไม่ออก
“ระบบ คิดว่านี่มันสมเหตุสมผลหรือ”
“ขอเจ้าของร้านพยายามให้ดีต่อไป”
สุดท้าย ลั่วฉวนก็ยังพูดคุยกับระบบไม่รู้เรื่องเช่นเคย
วันถัดมา ช่วงเช้าตรู่
นาฬิกาชีวิตเป็นตัวปลุกลั่วฉวน หลังอาบน้ำชำระกายเรียบร้อย เขาจึงมุ่งหน้าไปยังห้องของเหยาซือหยาน ขณะนี้นางออกมาแล้ว
“อรุณสวัสดิ์เถ้าแก่” เหยาซือหยานกล่าวทักทาย
ลั่วฉวนพยักหน้ารับ “อรุณสวัสดิ์”
คล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้ ลั่วฉวนคิดว่าสมควรต้องบอกต่ออีกฝ่ายให้เตรียมรับเรื่องราว
“วันนี้ในร้านมีสินค้าใหม่เป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ในร้านเลยปรับเปลี่ยนเล็กน้อย และใช้เครื่องตรงนั้นเติมน้ำร้อน หนึ่งครั้งคิดราคาหนึ่งร้อยผลึกวิญญาณ”
ตอนที่ 44 : โจวหู่
ถัดจากนั้น ลั่วฉวนจึงออกไปซื้ออาหารเช้า
เหยาซือหยานดูงุนงง
ร้านเปลี่ยนแปลงไป? มีสินค้าใหม่?
ไม่ใช่ว่าเถ้าแก่ร้านก็นอนหลับในห้องตลอดคืนหรอกหรือ? อย่างนั้นเอาเวลาจากที่ไหนไปปรับปรุงร้านกับรับของเข้าร้าน?
หลังจากคิดไปพักหนึ่ง เหยาซือหยานก็ไม่คิดใดอีก ขณะนี้เพียงสนใจแต่สิ่งที่ต้องทำจะดีกว่า
นางเดินลงจากบันไดไปจึงพบเห็นว่าเป็นดังที่ลั่วฉวนกล่าวไว้
ที่มุมหนึ่งของร้าน มันมีอะไรสักอย่างที่เป็นสีขาวเงินน่าจะทำจากโลหะตั้งเอาไว้
ที่ตัววัตถุมันมีป้ายโลหะแกะสลักเอาไว้ว่า ‘เครื่องทำน้ำร้อน’
เครื่องทำน้ำร้อน?
เหยาซือหยานก็ยังได้แต่สงสัย เครื่องจักรนี้จะปล่อยน้ำร้อนออกมาได้เองอย่างนั้นหรือ?
เถ้าแก่ร้านแห่งนี้ชวนน่าทึ่งเกินไปแล้ว ถึงกับสามารถหาของประหลาดเช่นนี้มาได้
แน่นอนว่าเหยาซือหยานยังไม่ลืมเรื่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ลั่วฉวนบอกเอาไว้
“ไอ้นี่สินะ?”
เหยาซือหยานมองถ้วยที่ตั้งเรียงเป็นแถวบนชั้น สายตานั้นเผยความสงสัย
“ราคาสิบผลึกวิญญาณ? ก็ไม่แพง… เอาไว้ก่อน ไว้ค่อยถามตอนเถ้าแก่กลับมาก็แล้วกัน”
ไม่นานจากนั้น ลั่วฉวนจึงนำอาหารเช้ากลับมาเพื่อรับประทานพร้อมเหยาซือหยาน
แน่นอนว่าคนทั้งสองยังนำแท่งเครื่องเทศมาเป็นอาหารด้วย
หลังกินดื่มเรียบร้อย ลั่วฉวนจึงไปใช้ชีวิตอันสุขแสนสบายต่ออีกครั้งหนึ่ง
ทว่าสิ่งหนึ่งเหนือคาดคิด วันนี้ความสงบคงอยู่ได้ไม่นาน
“ที่นี่หรือ? ไม่ยักรู้ว่าแถวนี้มีร้านอยู่ด้วย”
“สมควรเป็นที่นี่ เว่ยฉิงจู่กล่าวว่าอยู่ในตรอก นี่ก็เป็นร้านเดียวที่มีแล้ว”
“ต้องใช่แน่! รับชมดู ว่ามีเถ้าแก่เป็นประหนึ่งปลาตากแห้งนอนอาบแอดตรงประตู ต้องเป็นที่นี่แล้ว…”
พบเห็นห้าผู้ฝึกตนสวมใส่ชุดเกราะอ่อนสีแตกต่างกันกล่าวถึง ลั่วฉวนจึงเผยสีหน้าดำมืด
เถ้าแก่ปลาตากแห้ง? เว่ยฉิงจู่เรียกหาตนเช่นนั้นหรือ?
เขาไม่คาดคิด ว่าสตรีงดงามเช่นนั้นจะกล้าตั้งชื่ออันเลวทรามนี้ให้
ทว่าเว่ยฉิงจู่ก็ไม่ได้โกหก เพราะนางชักชวนคนมาที่ร้านแล้ว
สิ่งหนึ่งที่ต้องกล่าว คือเว่ยฉิงจู่ ซ่งฉิวหยิ่ง และหลินว่านฉวงต่างก็มีรูปลักษณ์ที่ดี ดังนั้นหน่วยที่ทั้งสามคนตั้งขึ้นจึงมีชื่อเสียง ผู้สัญจรในเทือกเขาจิ่วเหยาต่างรู้จักพวกนางดี
แน่นอนว่าผู้ฝึกตนเหล่านี้ก็มีชื่อในนครจิ่วเหยา พวกเขาคือทหารรับจ้าง
นอกจากออกล่าสัตว์อสูรค้นหาวัตถุดิบวิเศษแล้ว พวกเขายังรับงานจิปาถะอื่นอีกหลายอย่าง
“ข้าเป็นเถ้าแก่ร้านนี้เอง” ลั่วฉวนลุกขึ้นยืนพร้อมเผยรอยยิ้มการค้า
ไม่เหมือนอย่างสองพี่น้องปู้ คนทั้งห้าเผยออร่าอันรุนแรง เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ผ่านประสบการณ์เป็นตายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
นอกจากนี้ เมื่อลั่วฉวนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง บุรุษศีรษะล้านที่ยืนด้านหน้านั้นสมควรเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้
ชายศีรษะล้านนามว่าโจวหู่ เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตโชคชะตาระดับที่เก้า กล่าวได้ว่าเป็นยอดฝีมือในหมู่ทหารรับจ้าง
โจวหู่หันมองทางลั่วฉวน ทว่าก็ไม่คิดตัดสินอีกฝ่ายเพราะความเยาว์วัยแต่อย่างใด
สาเหตุก็เพราะเว่ยฉิงจู่ได้กล่าวย้ำเอาไว้
“อย่าได้คิดร้ายต่อร้านแห่งนั้น ไม่เช่นนั้นแม้เป็นจักรพรรดิเทียนชิงก็ไม่อาจรักษาชีวิตพวกเจ้าไว้ได้!”
ทหารรับจ้างหลายต่อหลายคนต่างไม่คิดเชื่อยามได้ยิน จักรพรรดิเทียนชิงถือเป็นผู้ใด?
นั่นคือยอดฝีมือทรงอำนาจขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่เก้า มีหรือเถ้าแก่ร้านตัวจ้อยจะเทียบเปรียบได้?
กระนั้นโจวหู่จดจำได้ขึ้นใจ เขาทราบดีว่ามีชีวิตอยู่บนความระวังนั้นถือเป็นเรื่องดีที่สุด
โจวหวู่กล่าวออก “เถ้าแก่ ได้ยินจากเว่ยฉิงจู่ว่าที่ร้านมีเครื่องเทศกับโคล่างั้นหรือ?”
ลั่วฉวนจึงตอบรับ “มี”
ถัดจากนั้นเขาจึงหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะนอนอาบไล้แสงตะวันอย่างสุขสบายเหมือนเช่นเมื่อครู่
……
ไม่พลาดการอัพเดตตอนใหม่ ติดตามได้ที่ : https://bit.ly/32ciG6V