เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 39-40
ตอนที่ 39 : เจ้าเป็นราชวงศ์สัตว์อสูร!
ขณะนี้เองที่เจียงเฉิงจวินติดตามมาถึง ด้วยซ่อนตัวภายในตรอกจึงพบเห็นเหตุการทั้งหมด
ได้เห็นปู้ฉืออีเผยยิ้ม เจียงเฉิงจวินจึงนิ่งงันไปวูบ
ทันใดนี้ ความรู้สึกถึงวิกฤตอันแรงกล้าได้ปรากฏขึ้นในหัวใจ
“ชายคนนั้นเป็นใคร? ปู้ฉืออีที่มักเย็นเยือกต่อผู้อื่นถึงกับเผยยิ้มให้? นี่เราฝันไปหรืออย่างไร?”
คำถามมากมายประดังภายในใจของเจียงเฉิงจวิน สายตานั้นมองลั่วฉวนด้วยความอาฆาต
อีกฝ่ายเป็นคู่แข่งที่อันตราย!
ลั่วฉวนยังคงสงสัย ว่าเหตุใดจึงมีชายมายืนจ้องมองตนเองด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ
“เจียงเฉิงจวิน เจ้ามีธุระอะไร?”
ปู้ฉืออีมองจับจ้องที่เจียงเฉิงจวินด้วยคิ้วขมวด กระนั้นกล่าวถามออกด้วยเสียงหวาน
“จริงด้วย! เจียงเฉิงจวิน ไฉนจึงติดตามพวกเรามาถึงที่นี่?” ปู้หลี่เกื๋อเผยความไม่พอใจ
หากให้กล่าว เจียงเฉิงจวินมีระดับการฝึกฝนที่ค่อนข้างดีไม่น้อย
รอยยิ้มบางจึงเผยที่ใบหน้าหล่อเหลานั้น พัดในมือพลันโบกสะบัดพร้อมเผยยิ้ม “ฉืออี เจ้าอยู่ที่ใด ไปที่ใด ข้าก็เพียงสงสัยอยากรู้ ว่าอะไรดลใจให้เจ้ามายังตรอกแห่งนี้”
“ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว ดังนั้นเชิญกลับไปที่ทางของเจ้า” ปู้ฉืออีกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า
สีหน้าของเจียงเฉิงจวินจึงแข็งค้าง กระนั้นก็ไม่คิดจากไปที่ใด
พิจารณาจากสถานการณ์ ตอนนี้ไม่อาจใช้กำลัง และตัวเขาเพียงลำพังก็ไม่น่าทำอะไรได้
ดังนั้นลมหายใจจึงสูดเข้าลึก โทสะภายในจึงถูกสะกดข่มเอาไว้ จากนั้นจึงเผยรอยยิ้มประดับใบหน้า
ลั่วฉวนที่พบเห็นยังต้องแปลกใจ
หรือนี่ที่จะเรียกว่าคนติด… แค่ก แค่ก หมายถึงสตอล์กเกอร์?
เจียงเฉิงจวินหันเหเปลี่ยนเรื่อง “แค่ก แค่ก ตัวข้าไม่คิดเลยว่าจะมีร้านมาเปิดอยู่ในตรอกไกลห่างเช่นนี้ ถือว่าน่าสนใจ”
ลั่วฉวนเพียงเฉยและไม่คิดตอบแต่อย่างใด
เจียงเฉิงจวินไม่ได้รับการตอบสนองใด ดังนั้นภายในจึงโกรธ ทว่าภายนอกยังคงปกติ เขาคิดอยากหาทางระบายโทสะที่มีออก
“สินค้าใหม่เพิ่งเข้าร้านพอดี” ลั่วฉวนกล่าวกับสองพี่น้อง
“ให้มันได้อย่างนี้! เถ้าแก่ถือว่าพูดจริงทำจริง!” ปู้หลี่เกื๋อเผยรอยยิ้มฉีกกว้าง
กล่าว่ถึงตรงนี้ เขาก็อดใจไม่ไหวพร้อมลากปู้ฉืออีเดินเข้าร้านไปรับชม
“พี่! วันนี้ข้านำผลึกวิญญาณมามาก! ให้ข้าเลี้ยงท่านด้วยแล้ว!”
“ตามเจ้าว่า”
“ได้เลย! บุรุษกล่าวแล้วไม่คืนคำ”
เจียงเฉิงจวินหันมองทางลั่วฉวนที่ยังนอนเอกเขนกบนโต๊ะ จากนั้นจึงมองเข้าไปภายในร้าน
สายลมเย็นเยือกพัดผ่าน ครู่หนึ่งเขาจึงรู้สึกอับอายที่โดนทิ้งให้เคว้ง
กระนั้นเมื่อสงบใจลงได้ เขาจึงก้าวเดินตามเข้าสู่ด้านในร้าน
ลั่วฉวนไม่คิดห้ามปรามแต่อย่างใด ด้วยเป็นเถ้าแก่ มีลูกค้าเพิ่มก็ถือเป็นเรื่องดี
แน่นอนว่า ลูกค้านั้นจะต้องทำตามกฎของร้านอย่างเคร่งครัดด้วย
เวลาเดียวกันนี้เจียงเฉิงจวินจึงยังมีความสงสัย
บทสนทนาระหว่างปู้ฉืออีและปู้หลี่เกื๋อเมื่อครู่ค่อนข้างดัง แต่แล้วทันทีเมื่อเข้าไปในร้านกลับไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา
จนกระทั่งตอนนี้ตัวเขาเองก็เดินเข้ามาในร้าน
“ยินดีต้อนรับ!” เสียงอันน่ารับฟังได้ดังขึ้น
เสียงนี้คล้ายมีมนต์สะกดให้ผู้คนต้องสดับรับฟัง
ที่ตรงหน้าสายตา เป็นสตรีเส้นผมและดวงตาสีม่วง
หากกล่าวว่าปู้ฉืออีงดงามแล้ว เช่นนั้นสตรีตรงหน้าผู้นี้จะยิ่งเป็นประหนึ่งเทพเซียนจุติมายังโลก
งดงามและสูงศักดิ์ ทั้งยังเผยร่องรอยความเดียงสา
“ไม่ใช่!” เจียงเฉิงจวินดึงสติกลับคืน สีหน้าพลันต้องแปรเปลี่ยน “เส้นผมและดวงตาสีม่วง นี่เป็นสัตว์อสูรชนชั้นราชวงศ์แห่งเทือกเขาจิ่วเหยา!”
ด้วยฐานะบุตรแห่งขุนนางซ้าย เจียงเฉิงจวินจึงอ่านตำรามามาก ทำให้เขาทราบเรื่องขุนเขาจิ่วเหยาดีกว่าผู้ฝึกตนทั่วไป
เป็นผลให้เขาได้เข้าถึงและทราบข้อมูลหายากเช่นนี้ด้วย
นอกจากนี้ เหยาซือหยานยังต่างจากสามัญชนอย่างสิ้นเชิง จึงเป็นผลให้เจียงเฉิงจวินคาดเดาตัวตนของนางได้แทบจะในทันที
ตอนที่ 40 : เหตุใดพวกเจ้าไม่แปลกใจ?
“สัตว์อสูรราชวงศ์?”
ได้ยินคำของเจียงเฉิงจวิน ปู้หลี่เกื๋อและปู้ฉืออีต่างหันมองเหยาซือหยานด้วยความตื่นตะลึง
ก่อนหน้านี้ คนทั้งสองเพียงรู้สึกว่าเหยาซือหยานมีรูปลักษณ์แปลกไปบ้าง แต่ยามนี้ค่อยได้ตระหนักเมื่อเจียงเฉิงจวินกล่าวคำออก
คนทั้งสองไม่ทราบเรื่อง และนี่ถือเป็นการได้เห็นราชวงศ์สัตว์อสูรเป็นครั้งแรก
ทว่าเมื่อได้ยินการเอ่ยถึง ดังนั้นจึงทราบว่าข้องเกี่ยวกับสัตว์อสูร
เพียงคิดก็ทราบได้ ว่าสัตว์อสูรระดับสูงนั้นสามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์
แต่หากคิดไปจนถึงตัวตนของลั่วฉวนแล้ว…
สัตว์อสูรราชวงศ์แล้วอย่างไร?
เรื่องนี้มีอะไรแปลกประหลาด?
มันก็ปกติไม่ใช่หรือ?
พบเห็นสีหน้าเฉยชาของคนทั้งสองข้างกาย เจียงเฉิงจวินจึงยิ่งร้อนใจ
สัตว์อสูรราชวงศ์!
กับตัวตนเช่นนี้ปรากฏในนครจิ่วเหยาจะไม่แสดงความตื่นตกใจเลยหรือ?!
ผ่านไปครู่ เจียงเฉิงจวินจึงตั้งคำถามต่อชีวิตตนเองแล้ว
สำหรับผู้ฝึกตนทั่วไป เผชิญหน้าสัตว์อสูรไม่ต่างอะไรกับเผชิญหน้าภัยอันตรายร้ายแรง
ทั้งสองฝ่ายบ่อยครั้งมักเสี่ยงชีวิตเป็นตายเข้าห้ำหั่น
ราชวงศ์สัตว์อสูร และยังสามารถจำแลงกายมาได้…
ผลลัพธ์ก็เป็นตัวตนดังที่เห็นตรงหน้า
อย่างไรแล้วนครจิ่วเหยาก็มีผู้ฝึกตนมากมายมหาศาล เหล่านั้นต่างออกล่าสัตว์อสูรในเทือกเขาจิ่วเหยากันแทบจะเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันแล้วด้วยซ้ำ
ระหว่างทั้งสองฝ่าย บทเหยื่อและผู้ล่านั้นสลับกันไปมาโดยเสมออย่างไม่รู้จบ
แต่ขณะนี้ เจียงเฉิงจวินรู้สึกราวกับตนเพิ่งพบเจอความจริงของโลก
สัตว์อสูรก็ไม่ใช่คล้ายจะน่ากลัวดังตำรากล่าวอ้างเสมอไป…
“เป็นเสมียนร้านนี้หรือ?” ปู้ฉืออีสงสัยในประเด็นนี้มากกว่า
เหยาซือหยานพยักหน้ารับเผยยิ้ม “ถูกต้องแล้ว นี่เป็นวันแรกที่ทำงาน”
“เช่นนั้นข้าขอถาม สัตว์อสูรเมื่อจำแลงกายแล้วจะงดงามเช่นนี้เหมือนกันหมดเลยหรือไม่?” ปู้หลี่เกื๋อเอ่ยถามเสียงเบา
ปู้ฉืออีถึงกับนิ่งค้าง…
ขณะนี้ปู้ฉืออีค่อยได้เข้าใจใหม่ ว่าน้องชายตนเองนั้นต่ำตมได้เพียงใด
กระทั่งเหยาซือหยานยังชะงักงันไปครู่ จากนั้นคล้ายนางครุ่นคิดเป็นจริงเป็นจริง และไม่ช้าจึงส่ายศีรษะตอบ
“สินค้าใหม่อยู่ที่ชั้นทางด้านนั้น” เหยาซือหยานเลือกที่จะชี้นิ้วและกล่าว
รับฟังบทสนทนาของกลุ่มคน เจียงเฉิงจวินจึงรู้สึกคล้ายตนอยู่คนละโลก
เวลาเดียวกันนี้ สายตาของเขาจึงค่อยหันมองสิ่งของภายในร้าน
เฮือก!
เจียงเฉิงจวินอดไม่ได้จนสะท้านเสียงหายใจดัง
ด้วยเครื่องแก้วหลากสีสันและบริสุทธิ์มากมาย กระทั่งพระราชวังหลวงยังไม่อาจประดับตกแต่งหรูหราถึงเพียงนี้ได้
เช่นนั้นเถ้าแก่ร้านผู้นี้เป็นใคร?
หรือจะเป็นผู้ทรงอำนาจที่ซุกซ่อนตัว?
ขณะนี้เจียงเฉิงจวินจึงคิดอะไรขึ้นได้ สีหน้านั้นกลายเป็นต้องแปรเปลี่ยนอย่างมหาศาล
เมื่อวาน ภาพฉายจิตวิญญาณได้ปรากฏในนครจิ่วเหยา มันราวกับโจมตีมาตรงบริเวณใกล้เคียงนี้
หรือจะเป็นเรื่องบังเอิญ?
พบเห็นลั่วฉวนนอนอาบแสงตะวันที่หน้าประตู เจียงเฉิงจวินจึงลอบกลืนน้ำลาย
ด้วยฝีเท้ากันแข็งเกร็ง เจียงเฉิงจวินแทบไม่กล้าเคลื่อนไหวหนักเท้า เขาค่อย ๆ ย่องเข้าไปข้างกายปู้หลี่เกื๋อ
พบเห็นเจียงเฉิงจวินเข้ามาใกล้ ปู้หลี่เกื๋อจึงต้องเผยสีหน้างงงัน
“นายน้อยเจียง เมื่อครู่ไม่ใช่อวดดีเป็นล้นพ้นหรือ? ตอนนี้ไฉนเป็นเช่นนี้ได้?” ปู้หลี่เกื๋อราวกับตระหนักรู้ได้
หากเป็นปกติ ปู้หลี่เกื๋อกล่าวคำเหล่านี้ออก เจียงเฉิงจวินคงตอบโต้แทบทันควัน
กระนั้นเวลานี้ไม่ใช่ เรื่องราวได้แตกต่างออกไปแล้ว
“ปู้หลี่เกื๋อ เถ้าแก่ร้านนี้ใช่ยอดคนลึกลับจากเหตุการณ์เมื่อวานหรือไม่?”
ด้วยลอบมองทางลั่วฉวน เจียงเฉิงจวินจึงลดเสียงเบาด้วยเกรงว่าลั่วฉวนจะได้ยินเข้า
ดังผู้คนทราบ ตรอกซอยแห่งนี้ค่อนข้างอยู่ไกลห่าง เป็นผลให้ร้านนี้ลึกลับ
เสียงเบาค่อยเช่นนี้ มันแทบไม่ต่างอะไรกับพูดตรงใส่หูลั่วฉวน
หลังศึกใหญ่เมื่อวาน แทบทั้งนครจิ่วเหยาจึงคาดเดาว่ามีตัวตนทรงอำนาจคงอยู่ที่ภายในเมือง
นอกจากนี้ หลังจากเหล่าไป่ที่สังกัดราชวงศ์ออกมากางปราการคุ้มกัน เรื่องราวกลับเงียบหายไร้ร่องรอย ในนครหลวงหาได้มีข่าวคราวเรื่องนี้แต่อย่างใดไม่
ผู้คนจึงยิ่งมายิ่งสงสัย
เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวถูกทำให้ลึกลับและไม่คิดให้กระจายออกสู่วงกว้าง
“หากกล้าสร้างปัญหาที่ร้านนี้ เช่นนั้นชีวิตหาไม่ องค์เหนือหัวยังไม่กล่าวคำใด” ปู้หลี่เกื๋อเผยยิ้มแย้ม
รับฟังคำกล่าว เจียงเฉิงจวินจึงต้องหลั่งเหงื่อกาฬออกรุนแรง
ด้วยคิดจะกลับไปแจ้งต่อบิดาถึงข่าวคราว ที่ว่าร้านแห่งนี้มีสัตว์อสูรราชวงศ์คงอยู่ ขณะนี้หากปริปากออกไปคงไม่ต่างอะไรกับคนตาย!
นับเป็นโชคดีที่เพียงแค่คิดและยังไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด
ผ่านไปครู่หนึ่ง เจียงเฉิงจวินจึงค่อยพอใจที่ตนเองฉลาดพอจะหาข้อมูลก่อนลงมืออย่างโง่งม
……
ไม่พลาดการอัพเดตตอนใหม่ ติดตามได้ที่ : https://bit.ly/32ciG6V