เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 37-38
ตอนที่ 37 : เหยาซือหยานตกตะลึง
เลือดเมื่อหยดลงบนกระดาษสีขาว จึงฝากไว้ซึ่งรอยประทับสีม่วง
จากนั้นกระดาษขาวจึงเริ่มสั่น แสงสว่างจึงปรากฏออกมา
พริบตาถัดมา มันจึงเปลี่ยนเป็นลำแสงเข้าปกคลุมทั้งร่างเหยาซือหยาน
เหยาซือหยานถึงกับต้องก้าวเท้าถอย
กระนั้นนางก็ได้ทราบ ว่าไม่มีความผิดปกติใดเกิดขึ้นกับร่างกาย
ที่เปลี่ยนไปคือความรู้สึกของร้านแห่งนี้
มันคือความรู้สึกอันประหลาด ด้วยอยู่ที่นี่ เหยาซือหยานรับรู้ได้ถึงความสงบที่เกิดในจิตใจ
มันราวกับนางเป็นเด็กที่ได้ผู้อาวุโสคอยปกป้อง
“สัญญาได้ลงนามสำเร็จเรียบร้อย! ขอแสดงความยินดีต่อเจ้าของร้านที่ได้รับเสมียนคนแรก รางวัลถูกจัดส่งแล้ว ขอให้ตรวจสอบด้วย!”
“ตรวจพบว่าบุคคลนี้มีตำแหน่งไม่ตรงกับที่แนะนำ”
“ชื่อเหยาซือหยาน สถานะเสมียนร้านต้นตำรับ คำเรียกหาที่แนะนำคือเถ้าแก่เนี้ย”
“ท่านต้องการเปลี่ยนแปลงใดหรือไม่?”
ข้อความเป็นชุดดังจากระบบที่ภายในใจของลั่วฉวน
ระบบนี้คล้ายยินดีออกนอกหน้าเกินไปหรือไม่?
“ไม่เปลี่ยน” ลั่วฉวนตอบกลับภายในใจ
“ตำแหน่งที่แนะนำไม่เหมาะสมกับตำแหน่งปัจจุบัน ขอให้เจ้าของร้านยืนยันอีกครั้งหนึ่ง”
“ยืนยัน”
ลั่วฉวนได้แต่กลอกตาอยู่ภายใน
“ยืนยันสำเร็จ ขอย้ำให้ทราบ ตำแหน่งของเหยาซือหยานสามารถปรับเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ”
ลั่วฉวนถึงกับพูดกล่าวไม่ออก
พบเห็นสีหน้าลั่วฉวนแปรเปลี่ยนไปมา เหยาซือหยานจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เถ้าแก่เป็นอะไรไปแล้ว?”
ลั่วฉวนจึงส่ายศีรษะตอบ “ไม่มีอะไร ยินดีด้วยที่เป็นเสมียนประจำของร้านต้นตำรับแห่งนี้แล้ว”
เหยาซือหยานจึงพยักหน้าเผยยิ้ม
นางไม่ทราบว่านานเพียงใดกันแล้ว ที่ตัวนางไม่ได้มีความยินดีบังเกิดขึ้นภายในใจเช่นนี้
บางที การเป็นส่วนหนึ่งของร้านแห่งนี้อาจดีกว่าที่คาดคิด
เหยาซือหยานอดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนี้อยู่ภายใน
“จริงด้วย” ลั่วฉวนคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ “ไม่ใช่มีบาดแผลที่มือหรอกหรือ? เปิดโคล่าสักขวดดื่มเอาก็แล้วกัน”
โคล่า?
เหยาซือหยานสับสนเล็กน้อย เพราะนางไม่ทราบว่าโคล่าคืออะไร
“เกือบลืมบอกเรื่องนี้ไป” ลั่วฉวนชี้นิ้วไปยังชั้นแก้วภายในร้าน “ตอนนี้ทั้งร้านมีสินค้าอยู่สามอย่าง โคล่า แท่งเครื่องเทศ และไวน์หยก”
“ไวน์หยกน่าจะเคยได้เห็นกันไปแล้ว เมื่อคืนที่ดื่มไปนั่นแหละ”
เมื่อคืน… ดื่มไวน์หยก?
เหยาซือหยานพลันนึกขึ้นได้ ว่าเมื่อคืนที่สะดุ้งตื่น นางได้เห็นลั่วฉวนกำลังนำขวดหยกมาให้ดื่ม
และ เมื่อวานเขานำสินค้ามูลค่าหนึ่งแสนผลึกวิญญาณมาให้ดื่ม?
เหยาซือหยานคือสัตว์อสูร แม้อยู่ขอบเขตราชันก็ยังอดไม่ได้ที่จะเกิดความหนักใจ
“ไม่ต้องกังวลไป เพราะเป็นเสมียนประจำร้านแล้ว ดังนั้นผลประโยชน์ที่ได้รับคือไม่ต้องจ่าย” ลั่วฉวนกล่าวออก
สัญญาที่ลงนามไปก่อนหน้านี้ กล่าวว่าเมื่อลูกจ้างตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต เช่นนั้นจะสามารถใช้งานสินค้าในร้านได้โดยไม่มีเงื่อนไข
เสมียนประจำร้านสามารถใช้งานสินค้าในร้านได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ส่วนว่าสินค้าในร้านจำกัดขอบเขตถึงเพียงใด ลั่วฉวนก็ไม่ทราบแล้ว อย่างไรทั้งร้านตอนนี้ก็มีสินค้าเพียงแค่สามอย่าง
ผลประโยชน์เช่นนี้ค่อนข้างคล้ายเจ้าของร้านอย่างลั่วฉวน ทว่าก็มีส่วนที่แตกต่างอยู่บ้าง
ลั่วฉวนกล่าวต่อ “แท่งเครื่องเทศและโคล่า ก็คือที่พวกเว่ยฉิงจู่ซื้อหาไปเมื่อครู่นี้ สินค้าสองประเภทนี้ไม่มีวันหมด ส่วนสรรพคุณก็ตามที่เขียนไว้ด้านล่างชั้นสินค้า หากสงสัยก็ไปอ่านได้”
“สำหรับค่าจ้างนั้น…” ลั่วฉวนคิดไปครู่ก่อนจะกล่าว “สำหรับตอนนี้ เอาเป็นรับโคล่ากับแท่งเครื่องเทศหนึ่งชุดต่อวันก็แล้วกัน แน่นอนว่าค่าพักอาศัยอะไรก็ไม่มีค่าใช้จ่าย”
เหยาซือหยานพยักหน้ารับ
เช่นนี้ สัตว์อสูรชนชั้นราชวงศ์จึงได้กลายเป็นเสมียนน้อยประจำร้านของลั่วฉวน
ถัดจากนั้น เหยาซือหยานจึงเดินไปยังชั้นวาง และเริ่มศึกษาทราบข้อมูลของสินค้าที่วางจำหน่าย
เพียงครู่หนึ่ง ร่างของนางถึงกับต้องแข็งค้างยามเมื่ออ่านคำบรรยายสรรพคุณ
ราคานั้นเพียงสิบผลึกวิญญาณ แต่กลับสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บไม่ถึงตายได้เพียงแค่ดื่มเข้าไป
ส่วนทางด้านราคาหนึ่งร้อยผลึกวิญญาณ แท่งเครื่องเทศสามารถเพิ่มพูนกำลังได้ระดับหนึ่งในระยะเวลาอันสั้น
และที่ชวนตื่นตะลึงที่สุดคือไวน์หยกที่นางได้สัมผัสมาแล้ว ส่วนราคานั้นไม่กล่าวถึงจะดีกว่า…
เหยาซือหยานเชื่อ ว่านางคือผู้คงอยู่ในทวีปเทียนหลันมาอย่างยาวนาน หลายเรื่องราวนางรอบรู้เป็นอย่างดี
แต่แล้วขณะนี้ นางรู้สึกเสมือนกบที่ไม่เคยออกนอกกะลาไปรับรู้ถึงโลกภายนอก…
ตอนที่ 38 : เจียงเฉิงจวิน
สินค้าแม้ราคาแพง ทว่าก็ต้องดูสรรพคุณของมันด้วย
ในมุมมองของเหยาซือหยาน มันแทบไม่นับเป็นอะไร!
กระนั้นเมื่อนางคิดถึงตัวตนของลั่วฉวน ที่เป็นถึงยอดฝีมือไร้ผู้ต้านขนาดนางไม่อาจหยั่งถึงได้ ดังนั้นจึงโล่งใจ
เถ้าแก่ แม้น่าสนใจไปบ้างแต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา
ขณะนี้เหยาซือหยานเมินเฉยต่อความจริงที่ว่านางเองก็เป็นยอดฝีมือ
ภายในร้านแห่งนี้ ด้วยเหยาซือหยานเป็นเสวียน ลั่วฉวนจึงไปนอนเอกเขนกรับแสงตะวันที่ใกล้ประตูทางเข้า
ชีวิตช่างเรียบง่ายสุขสบายได้เพียงนี้
“พี่หญิง บอกต่อท่าน เมื่อวานเถ้าแก่กล่าวว่าวันนี้จะมีสินค้าใหม่เข้าร้าน!”
ระหว่างทาง ปู้ฉืออีและปู้หลี่เกื๋อกำลังเดินพลางพูดคุยด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดี
ปู้ฉืออีนั้นไม่พูดกล่าว เพียงแต่ปล่อยให้น้องชายได้พูด
กล่าวได้ว่าน้องชายของนางหลงใหลในร้านค้าแห่งนั้นหมดหัวใจแล้วกระมัง?
แต่ก็ต้องกล่าว ว่าของที่ร้านแห่งนั้นรสชาติยอดเยี่ยม สรรพคุณก็ยอดเยี่ยม
เมื่อนึกย้อนกลับไป ปู้ฉืออียังรู้สึกได้ถึงความน่าตื่นตะลึงที่มีไม่ขาด
แน่นอนว่าสำหรับสตรีเช่นนาง ไม่ใช่บ่อยครั้งจะออกมาเดินเที่ยวเตร่อย่างปู้หลี่เกื๋อ ดังนั้นหลายวันมาแล้วที่นางไม่ได้มาเยือนร้าน
“หลี่เกื๋อ คิดว่าสินค้าใหม่ของเถ้าแก่จะเป็นอะไร?” ปู้ฉืออีกล่าวถาม
“ข้าหรือจะทราบได้?” ปู้หลี่เกื๋อโบกมือตอบรับ “กับผู้แข็งแกร่งเช่นเถ้าแก่ จะมีของประหลาดอะไรออกมาก็ไม่น่าแปลกใจแล้ว!”
ปู้ฉืออีพยักหน้าเห็นพ้อง
มันราวกับ… นางยอมรับแต่ความจริงที่เกินจะเชื่อได้…
ด้วยรูปลักษณ์ของคนทั้งสอง ไม่ว่าจะทั้งปู้ฉืออีหรือปู้หลี่เกื๋อ เดินบนถนนนั้นมีแต่จะดึงดูดผู้คนให้รับชม
อย่างไรโฉมงามก็เป็นตัวตนดึงดูดสายตาผู้คนอยู่แล้ว
“ฉืออี ไฉนวันนี้ออกจากบ้านได้?”
ขณะนี้เองที่เสียงหนึ่งพลันถามพร้อมหัวเราะคิกคัก
ที่ต้นเสียง เป็นบุรุษในชุดขาวถือพัดก้าวเดินมาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม
เจียงเฉิงจวิน เป็นบุตรของขุนนางซ้าย
แม้สถานะยอดเยี่ยม ทว่าเจียงเฉิงจวินไม่ใช่เหมือนผู้อื่นที่ใกล้เคียง
ไม่เพียงแต่หล่อเหลา ทว่าระดับการฝึกฝนยังดีเยี่ยม
ดังนั้นสตรีทั้งหลายจึงพร้อมจะตั้งครรภ์คลอดบุตรธิดาให้แก่เจียงเฉิงจวินอย่างยอมศิโรราบ
แน่นอนว่า ปู้ฉืออีไม่มีทางเป็นหนึ่งในนั้น
เกือบทุกผู้คนในนครจิ่วเหยาทราบว่าเจียงเฉิงจวินเกี้ยวพาต่อปู้ฉืออีมายาวนานแล้ว
กระนั้นนางไม่คล้ายเล่นด้วย ราวกับน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำโคลน
ไม่ว่าจะด้วยทั้งกำลังหรือตัวตนของปู้ฉืออี เจียงเฉิงจวินไม่อาจบีบบังคับนางได้
ด้วยสายตามองที่เจียงเฉิงจวิน ปู้ฉืออีจึงทำเมินเฉย
กับบุรุษที่ไล่ตามตนเองไม่เลิกรา ปู้ฉืออีถือว่ามีน้ำอดน้ำทนมากแล้ว
“เจียงเฉิงจวิน ยอมรับเสียเถอะ เจ้าหรือคู่ควรกับพี่หญิงของข้า? จงกลับไปบ้านและส่องกระจกดูตนเองเสียบ้าง!”
ปู้หลี่เกื๋อตบที่ไหล่เจียงเฉิงจวินพร้อมเผยท่าทีหยอกล้อ
กาลก่อนหน้า เพราะอาการบาดเจ็บซ่อนเร้น การฝึกฝนของปู้หลี่เกื๋อจึงไม่ก้าวหน้า
ทว่าตอนนี้ตัวเขาได้ก้าวตรงสู่ขอบเขตโชคชะตา เจียงเฉิงจวินส่งสายตาไม่พอใจที่ถูกตบไหล่
ขณะคนทั้งสองก้าวเดินไป เจียงเฉิงจวินจึงค่อยได้สติ
ตัวเขาไม่คิดเชื่อ ว่าปู้หลี่เกื๋อจะกล้ากล่าวคำเช่นนั้นกับตนเองต่อหน้าสาธารณชน
“หรืออาการบาดเจ็บของมันหายดีแล้ว?”
เจียงเฉิงจวินเผยคิ้วขมวดพร้อมครุ่นคิด
ผ่านไปครู่ เจียงเฉิงจวินจึงทราบว่าเรื่องราวไม่น่าเป็นไปได้
“ปู้ฉืออีออกมาภายนอกเช่นนี้ วันนี้มีเรื่องอันใดกัน?”
รับชมแผ่นหลังคนทั้งสองเดินไปไกลห่าง เจียงเฉิงจวินจึงตัดสินใจได้
ฝีเท้านั้นก้าวเดินตาม เขาคิดอยากทราบว่าคนทั้งสองคิดไปทำอะไรและที่ใด
“เถ้าแก่ เถ้าแก่กล่าวว่าวันนี้จะมีสินค้าใหม่!”
เสียงปู้หลี่เกื๋อดังกระทบโสดประสาท ลั่วฉวนจึงลืมตาตื่นขึ้น
ที่ทางเข้าร้าน เป็นสองร่างอันคุ้นเคย ปู้หลี่เกื๋อและปู้ฉืออี
กับลั่วฉวน ผู้ซึ่งเป็นยอดฝีมือซ่อนเร้น ปู้ฉืออีจึงไม่เผยท่าทีเย็นเยือกดังเช่นที่เผยต่อผู้อื่น
เพียงปู้ฉืออีเผยยิ้มบางให้ลั่วฉวน มันก็ราวกับมีกลิ่นดอกไม้หอมฟุ้ง มันเปรียบดังโลกหล้าได้ถูกรอยยิ้มนี้บดบังเอาไว้
……
ไม่พลาดการอัพเดตตอนใหม่ ติดตามได้ที่ : https://bit.ly/32ciG6V