เถ้าแก่ขั้นเทพ! - ตอนที่ 19-20
ตอนที่ 19 : จันทราสีเงิน
วูบ!
แสงจันทราสีเงินสาดส่อง ลำแสงพุ่งตรงเข้าหาลั่วฉวน!
สถานที่ซึ่งลำแสงพาดผ่าน ห้วงมิติจะผันแปร ทั้งยังระเบิดออกซึ่งพลังวิญญาณ
“แสงสวรรค์จันทราสีเงิน? ฉู่หยางผิงบ้าไปแล้วหรือไร?!”
ชายชราผู้เดินทางจากพระราชวังขณะนี้แตกตื่นยามได้พบเห็น ร่างนั้นเร่งรีบนำเอาผนึกหยกออกจากแขนเสื้อ
ลัญจกรหยกคือมหาอาคมคุ้มกันนครจิ่วเหยา!
ด้วยพลังวิญญาณยิ่งใหญ่ของเหล่าไป่ที่ถ่ายเทเข้าใส่ ทั่วทั้งนครจิ่วเหยาจึงถูกปกคลุมในพริบตา
กำแพงรอบด้านขณะนี้ลุกโชนด้วยแสงสีทองอ่อนจาง ทั้งยังมีเสียงมังกรร้องคำรามดังขึ้นที่ภายในนครหลวง
ตราแสงสีทองได้ควบแน่นขึ้นกลางอากาศพร้อมปกคลุมทั้งนครจิ่วเหยาเอาไว้
กระนั้นความเร็วการควบแน่นนี้ยังเห็นได้ชัดว่าช้าเกินไป มันไม่อาจปกคลุมถึงสถานที่ซึ่งลั่วฉวนอยู่ได้ทันเวลา
ขณะนี้เองที่ลำแสงได้พุ่งทะยานถึงตรงหน้าลั่วฉวนแล้ว!
ด้วยอยู่ใกล้เคียง ฉู่หยุนเฟยจึงเผยสีหน้าตื่นเต้นยินดีคิดหัวเราะดังออก
เป็นเพียงเถ้าแก่ร้านคิดสังหารตนอย่างนั้นหรือ? ช่างอวดดีเกินไปแล้ว!
ท้ายที่สุด ชีวิตนั้นก็ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้!
แต่แล้วขณะคิดได้เห็นภาพฉากที่ควรเกิด สีหน้าของฉู่หยุนเฟยจึงต้องแปรเปลี่ยนเป็นแข็งค้าง เสียงหัวเราะต้องกลายเป็นกลืนลงลำคออย่างแห้งผาก
ด้วยเพียงมองเส้นแสงที่พุ่งเข้าหา ลั่วฉวนเพียงยืดนิ้วออกต้านรับที่เบื้องหน้า
ลำแสงนั้นพลันต้องหยุดชะงักกลางอากาศในพริบตา ราวกับมันมีฟากฟ้าที่ไม่อาจมองเห็นขวางกั้นเอาไว้ และมันไม่มีทางที่จะคืบหน้าไปกว่านี้ได้อีก!
ผู้คนล้วนทราบว่าฉู่หยางผิงอยู่ขอบเขตทดสอบเต๋าระดับสูงสุด และที่ใช้งานออกคือแสงสวรรค์จันทราสีเงินแห่งตำหนักจันทราสีเงิน แม้กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขตพลังเดียวกันยังไม่กล้าต้านรับเอาไว้!
แม้เป็นเพียงภาพฉายจิตวิญญาณ กระนั้นดวงจันทราสีเงินบนฟากฟ้าก็ครอบครองพลังอำนาจอันสุดหยั่ง!
แต่แล้วนี่คืออะไร?
เถ้าแก่หนุ่มคนหนึ่งถึงกับต้านรับไว้ได้ประหนึ่งไม่ได้รุนแรงอะไรนัก!
ทันใดนี้เองที่สังหรณ์ลางร้ายหวนคืนสู่ภายในใจฉู่หยุนเฟย
เป๊าะ!
ลั่วฉวนดีดนิ้ว เสียงปริแตกดังสะท้อนขึ้นผ่านฟากฟ้าเบื้องบน
ที่ดังตาม คือเสียงระเบิดแตกหักอันกึกก้อง
ลำแสงที่เข้มข้นขณะนี้เผยให้เห็นซึ่งรอยปริแตก จากนั้นพวกมันจึงระเบิดกลายเป็นจุดแสงกลางฟากฟ้าประหนึ่งภาพฝัน
ที่อยู่กลางอากาศเบื้องบน ฉู่หยางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองที่ลั่วฉวน ผู้ซึ่งเมื่อครู่สลายการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย
ทันใดนี้ลั่วฉวนจึงลงมือ ฉู่หยางผิงไม่อาจตระหนักได้ถึงเศษเสี้ยวพลังวิญญาณแม้เพียงนิด เรื่องนี้ยิ่งทำเขาฉงนใจเป็นที่สุด
พริบตานี้ ฉู่หยางผิงจึงพบเห็นเครื่องแก้วภายในร้านของลั่วฉวน ดวงตานั้นพลันต้องหรี่เล็กลง
หรือร้านอันเล็กจ้อยแห่งนี้จะมีอาคมประทานพรคงอยู่?
ผู้ซึ่งได้รับประทานพร คิดลงมือโจมตีย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย และค่ายอาคมระดับนี้ไม่ใช่ต่ำต้อย
ดวงตาของฉู่หยางผิงถึงกับเผยออกซึ่งความละโมบคิดครอบครอง
“ไป!”
น้ำเสียงเฉยชาตะโกนดังออก จันทราสีเงินบนฟากฟ้าพลันส่องสว่าง!
ลำแสงนับร้อยควบแน่นบังเกิด เหล่านั้นล้วนโจมตีใส่นครจิ่วเหยาที่เบื้องล่าง แรงกดดันครั้งนี้มันมากพอให้ทำลายฟากฟ้าแดนดินจนหมดสิ้น!
“ขอจ้าวตำหนักฉู่มีเมตตาแล้ว!”
พบเห็นเช่นนี้เหล่าไป่จึงร้องออกด้วยอาการตื่นตระหนก
ขณะนี้ค่ายอาคมคุ้มกันยังไม่ทำงานถึงขีดสุด หากการโจมตีระดับนั้นร่วงหล่นเข้าใส่นครหลวง ก็เกรงว่าส่วนใหญ่ของนครจิ่วเหยาจะกลายเป็นเถ้าธุลีปลิวหายในพริบตา!
รับชมสิ่งที่เกิดขึ้นบนฟากฟ้า ประชากรของนครจิ่วเหยาต่างสะท้านในหัวใจ
“สวรรค์โปรด! การโจมตีเช่นนั้นถึงกับต้านรับไว้ได้! หากเป็นพวกเราคงตกตายกันไปแล้ว!”
“ช่างอยุติธรรมนัก! ไฉนสามัญชนเช่นพวกเราจึงไร้ซึ่งพลังเป็นไก่อ่อนปวกเปลี้ยเช่นนี้กัน!”
“เหอะ! นี่ก็เป็นกฎของผู้ฝึกตนหรือไม่ใช่? ชีวิตนั้นก็เหมือนต้นหญ้า มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นแล้ว…”
แม้ได้ยิน ทว่าฉู่หยางผิงเมินเฉยต่อเหล่าไป่ ดวงตาที่เผยผ่านภาพฉายจิตวิญญาณนั้นเฉยชา
ในสายตาของเขา ชีวิตของผู้คนเหล่านั้นในนครจิ่วเหยาไม่ต่างอะไรกับมดปลวก
ตอนที่ 20 : ผู้ใดใช้ให้เจ้ามั่นใจเช่นนี้?
“ตำหนักจันทราสีเงิน! ช่างทรงอำนาจนัก!”
ใบหน้าของลั่วฉวนท้ายที่สุดจึงค่อยเผยความแปรเปลี่ยนออกมา ดวงตาขณะนี้เผยออกซึ่งประกายเย็นเยียบ
เขาไม่กล้ากล่าว ว่าฉู่หยานผิงคิดอยากให้ตนตกตายเลยหรือไม่ และอีกฝ่ายค้ายไม่กังวลต่อความปลอดภัยของนครจิ่วเหยาอีกต่อไปแล้ว
“ตามกฎของร้านต้นตำรับแห่งนี้ ผู้ใดกล้าคิดร้ายต่อร้านมีชะตาต้องตาย!”
เสียงนี้ไม่ดัง ทว่าก้องผ่านไปทั่วทั้งนครจิ่วเหยา
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างได้ยินเสียงนี้ สีหน้าพวกเขาล้วนเผยออกซึ่งความฉงนและสงสัย
พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้ถึง ว่าภายใต้ฟากฟ้าที่ภาพฉายจิตวิญญาณปกคลุมเช่นนี้ จะถึงกับมีคนกล้ากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา
กระนั้นเมื่อคิดอีกทางหนึ่ง ก็ไม่ใช่ยากคาดเดาว่าเสียงนี้เป็นศัตรูของภาพฉายที่ปรากฏอยู่บนฟากฟ้า!
คฤหาสน์ขุนนางใต้
ภายใต้ภาพฉายจิตวิญญาณของฉู่หยางผิง ทั้งนครจิ่วเหยาจึงตกอยู่ในความแตกตื่น สถานที่แห่งนี้เองก็ไม่ใช่ยกเว้น
ผู้คนในคฤหาสน์ขุนนางใต้ต่างรับชมที่ภาพฉายจิตวิญญาณบนฟากฟ้าไกลด้วยสีหน้าอันหนักอึ้ง พวกเขาแทบไม่กล้าคิดว่าถัดไปจะเกิดเรื่องราวใดขึ้น
“เสียงนี้? เถ้าแก่งั้นหรือ?!”
ทว่าเมื่อเสียงสนทนาโต้เถียงดังให้ได้ยิน ปู้หลี่เกื๋อจึงอดไม่ที่จะเผยอาการตื่นตะลึงออกมา
“ต้องใช่แน่” ปู้ฉืออีพยักหน้ารับเบา ร่องรอยความประหลาดใจฉายวาบผ่านดวงตาของนาง
นางไม่อาจจินตนาการได้ถึง ว่าเถ้าแก่ผู้ลึกลับนั้นยั่วยุตัวตนเฉกเช่นขอบเขตทดสอบเต๋าระดับสูงสุดได้เช่นไร
พิจารณาจากออร่าที่เรืองรองผ่านภาพฉาย ก็เกรงว่าแม้เป็นจักรพรรดิเทียนชิงจี้อู๋ฮุยก็ด้อยกว่าแล้ว
“หวังว่าเถ้าแก่คงไม่เป็นไร ไม่เช่นนั้นโคล่าและแท่งเครื่องเทศนั่นคงไม่มีให้ซื้อแล้ว!” ปู้หลี่เกื๋อภาวนาดังออก
ปู้ฉืออีถึงกับพูดกล่าวอันใดไม่ถูก
ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งทางตะวันออกในเมือง
หลังกลับจากขุนเขาจิ่วเหยาแล้ว เว่ยฉิงจู่และคณะจึงมาพักเก็บตัวกันอยู่ที่นี่
วัตถุดิบซึ่งได้รับจากอสูรหมาป่าสีม่วงนั้นแพงล้ำ ดังนั้นพวกนางยามนี้จึงมีผลึกวิญญาณจำนวนมากในครอบครอง
“เสียงนี้ไม่คล้ายเถ้าแก่ผู้นั้นเกินไปหรือ?”
เว่ยฉิงจู่และคณะต่างโดนผลกระทบของพลังกดดันเช่นเดียวกัน สีหน้าพวกนางขณะนี้ต้องแปรเปลี่ยนเมื่อได้ยินเสียงที่ดังก้องราวกับอยู่ข้างใบหู
“เถ้าแก่ร้าน? นั่นใช่ร้านที่น้องฉิงจู่ซื้อแท่งเครื่องเทศและโคล่ามาหรือไม่?” ซ่งฉิวหยิ่งกล่าวถามอย่างใคร่รู้
หลังได้ดื่มโคล่าไป อาการบาดเจ็บของนางจึงหายดีแทบในพริบตา เช่นนั้นนางจึงสนใจโคล่าที่ร้านของลั่วฉวนขาย
เว่ยฉิงจู่พยักหน้ารับ
“เถ้าแก่ผู้ซึ่งขายของเช่นนั้นได้ อย่างไรก็ไม่มีทางเป็นตัวตนสามาญ หรือจะเป็นยอดฝีมือซ่อนเร้น?” หลินว่านฉวงครุ่นคิด “หากมีเวลา เช่นนั้นน้องฉิงจู่ควรพาพวกเราไปยังร้านแห่งนั้นหน่อยแล้ว”
“ไม่มีปัญหา” โดยไม่คิดอะไรมาก เว่ยฉิงจู่กล่าวรับคำ
ด้วยอยู่ภายในค่ายอาคมแห่งนครจิ่วเหยา ผู้คนจึงไม่กังวลอันใดมากนัก
ตามข่าวลือกล่าวขาน สัตว์อสูรขอบเขตครึ่งราชันได้ปรากฏตัวเมื่อหลายร้อยปีก่อน และครั้งนั้นเป็นมันที่บุกอย่างมุทะลุเข้าหานครจิ่วเหยา
ทว่าด้วยต้องเผชิญหน้ากับค่ายอาคมคุ้มกันแห่งนครจิ่วเหยา สัตว์อสูรขอบเขตครึ่งราชันนั้นไม่อาจบุกฝ่าเข้ามาได้
แม้พลังอำนาจของภาพฉายจิตวิญญาณจะชวนสะพรึง กระนั้นมันไม่มีทางทัดเทียมขอบเขตครึ่งราชัน
อีกทางหนึ่ง เมื่อได้ยินคำกล่าวของลั่วฉวน ฉู่หยางผิงจึงเผยเสียงเหยียดหยัน “วาจาที่อวดดี!”
ด้วยถูกยั่วยุเพียงนี้ เขาเชื่อว่าแม้เป็นขั้วอำนาจใหญ่ที่มีขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่เจ็ดหรือแปด ตนก็ยังพร้อมจะปัดเป่าพวกมันเหล่านั้นให้เป็นเถ้าธุลีได้!
แต่แล้วเถ้าแก่หนุ่มตรงหน้าผู้นี้กลับกล่าววาจาอย่างไม่ยี่หระ นี่จึงเป็นการเผยถึงอำนาจอันแข็งแกร่งทางอ้อม
“ไม่ทราบว่าเจ้าเอาความมั่นใจนี้มาแต่ใด?”
เสียงถอนหายใจเบาได้ดังขึ้น
ด้วยเหตุผลใดไม่อาจทราบ ฉู่หยางผิงพลันรู้สึกถึงสังหรณ์ลางร้ายที่ภายใน
กระนั้นมันก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวอันเล็กจ้อยจนลืมเลือนในพริบตา
ด้วยไม่คิดเชื่อจึงลงมือ เขาไม่คิดว่าเถ้าแก่หนุ่มตรงหน้าจะมีทางยืนหยัดต้านรับ
ครั้งนี้เองที่ลำแสงนับร้อยสายได้ปรากฏบนฟากฟ้าเหนือร้านค้าอันเล็กจ้อย
……
ไม่พลาดการอัพเดตตอนใหม่ ติดตามได้ที่ : https://bit.ly/32ciG6V