หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

เคล็ดกายานวดารา - ตอนที่ 110 เปลี่ยนสภาวะของร่างเถิด...หลงเฉิน

  1. หน้าแรก
  2. เคล็ดกายานวดารา
  3. ตอนที่ 110 เปลี่ยนสภาวะของร่างเถิด...หลงเฉิน
Prev
Next

ทันทีที่ปรมาจารย์หวินฉีกล่าวจบ เพลิงกาฬทั่วทั้งร่างกายก็ได้ปะทุขึ้นมาอย่างดุเดือด นิ้วมือทั้งสองข้างที่ผสานเข้าด้วยกันสะท้อนประกายออกไปปกคลุมร่างของชายหนุ่มชุดขาวประดุจกรงขังสัตว์อย่างไรอย่างนั้น

 

 

“เพลิงกาฬคุกสวรรค์”

 

 

ความเร็วที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาเทียบได้ทำให้ชายหนุ่มชุดขาวไม่ทันที่จะมีปฏิกิริยากลับคืน ร่างของเขาถูกปิดผนึกเอาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ ถูกบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ อย่างช้าๆ 

 

 

“อา”

 

 

ชายหนุ่มชุดขาวถูกเพลิงกาฬตรึงเอาไว้จนไม่อาจดิ้นให้หลุดได้ แม้แต่เว่ยชางและหวังลู่หยางที่เป็นผู้หลอมโอสถก็ยังไม่อาจทนความเจ็บปวดเช่นนี้ได้จึงถูกสังหารจนสิ้นชีพไปภายในพริบตาเดียว 

 

 

ถึงแม้ว่าปรมาจารย์หวินฉีจะอยู่ในการต่อสู้ ทว่าสายตาของเขาก็ได้สอดส่องมาที่หลงเฉินโดยตลอด เมื่อเห็นว่าหลงเฉินตกอยู่ในช่วงวิกฤต เขาจึงต้องปะทุพลังเช่นนี้ออกมา 

 

 

เพลิงกาฬของผู้หลอมโอสถนั้นเป็นพลังที่ใช้ออกมาได้อย่างยาวนาน ถึงแม้ว่าปรมาจารย์หวินฉีจะได้เปรียบอยู่ ทว่าก็ไม่สามารถเอาชนะได้ภายในเวลาอันสั้น 

 

 

และช่วงเวลาที่คับขันเช่นนี้เขาจึงไม่อาจเก็บออมพลังเอาไว้ได้อีกต่อไป จึงได้ปะทุพลังที่เพิ่งจะบรรลุได้ไม่กี่ปีมานี้ออกมาทั้งหมด

 

 

อีกทั้งยังใช้พลังแห่งชีวิตหล่อหลอมจนเป็นเพลิงกาฬขึ้นมาเพื่อให้พลังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเขาเองก็ยังสามารถเข้าสู่ขอบเขตต่อไปอย่าง——ราชาโอสถได้ 

 

 

เดิมทีเขาจะใช้เพียงกระบวนท่าเพลิงแห่งเส้นลมปราณหลักออกมาเท่านั้น เพียงแค่นั้นพลังการต่อสู้จึงก็เรียกได้ว่ามีเหลือล้นจนไร้ที่เปรียบแล้ว อีกทั้งยังสามารถเผาผลาญได้นับหมื่นสรรพสิ่ง ทว่าในตอนนี้กลับต้องผลาญพลังแห่งชีวิตของเขาไปด้วย 

 

 

ชายหนุ่มชุดขาวที่ถูกกักขังเอาไว้พยายามดิ้นรนอย่างสุดแรงเกิด แต่ไม่ว่าจะสลัดให้หลุดอย่างไรก็ไม่บังเกิดผลอันดีเลยแม้แต่น้อยจึงส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด 

 

 

ที่ทำให้ผู้คนตกใจก็เพราะว่าแม้แต่เว่ยชางและหวังลู่หยางที่เป็นผู้หลอมโอสถกลับไม่อาจทานรับเพลิงกาฬจากจุดหลักเอาไว้ได้จนต้องตายลงไป ทว่าเพลิงกาฬเดียวกันกลับไม่อาจสังหารชายหนุ่มชุดขาวลงไปได้ 

 

 

“อนิจจา”

 

 

ปรมาจารย์หวินฉีถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าไปมาแล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ชราแล้วยังไร้ประโยชน์อีก ต้องขอโทษเจ้าด้วยจริงๆ หลงเฉิน……”

 

 

ในขณะที่ปรมาจารย์หวินฉีกล่าวออกมาช้าๆ พลันก็ได้สลายร่างกายไปทีละน้อย ทำให้ผู้คนที่มองอยู่แตกตื่นขึ้นมายกใหญ่ คำพูดที่กำลังกล่าวออกมาในช่วงสุดท้ายกลับหลงเหลือไว้แต่เพียงสายลมและสภาวะอันว่างเปล่าเท่านั้น  

 

 

“ปรมาจารย์หวินฉี……”

 

 

หลงเฉินหลั่งน้ำตาอาบสองแก้ม นับตั้งแต่ได้รู้จักปรมาจารย์หวินฉีมา ชายชราผู้นี้ทั้งรักและดูแลเขามาตลอด เป็นผู้อาวุโสที่ควรค่าแก่การเคารพนับถืออย่างถึงที่สุด และในตอนนี้ชายชรายังสละชีวิตของตัวเองเพื่อเขาอีก ภายในจิตใจของหลงเฉินจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังชายหนุ่มชุดขาวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง 

 

 

“อา……”

 

 

หลังจากที่ร่างกายของปรมาจารย์หวินฉีได้สลายหายไปกับอากาศ เพลิงกาฬที่กักขังชายหนุ่มชุดขาวก็ได้หายวับไปด้วย ชายผู้นั้นจึงตะเบ็งเสียงคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราดเสียยิ่งกว่าเดิม

 

 

ทว่าในบัดนี้ชายหนุ่มชุดขาวกลับไม่อาจเรียกว่า ‘ชุดขาว’ ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะผิวหนังทั่วร่างกายได้กลายเป็นสีดำทมิฬไปทั้งหมดประดุจไม้ฟืนในร่างมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น แต่บรรยากาศบนร่างกายของเขายังคงแผ่รังสีสังหารออกมาอย่างท่วมท้น 

 

 

“พวกเจ้าสร้างความเจ็บปวดให้กับข้า ฉะนั้นข้าจะต้องส่งคืนกลับไปนับพันเท่า”

 

 

ทันใดนั้นเองชายหนุ่มชุดขาวก็เร่งฝีเท้าเข้ามาหมายจะจู่โจมมาที่หลงเฉิน พลันก็ได้พลิกฝ่ามือขึ้นมาหนึ่งกระบวนท่า หลงเทียนเซียวที่อยู่ไม่ไกลก็เกิดอาการสั่นเทาขึ้นมาคล้ายกับถูกขุมพลังอันน่าหวาดนั้นดูดกลืนเข้าไป 

 

 

“ผัวะ”

 

 

ชายหนุ่มชุดขาวใช้มือที่ดำสนิทบีบรัดไปที่คอของหลงเทียนเซียวจนแน่น พลางก็หันไปกล่าววาจาเยาะเย้ยหลงเฉินว่า “เจ้าหนู เจ้าทำให้ข้าโกรธ ข้าจะไม่ให้เจ้าไปตายไปในทีเดียวหรอก เพื่อเป็นการชดใช้ให้กับข้า ก็จงมองดูคนข้างกายของเจ้าตายไปทีละคนก็แล้วกัน ฮาฮาฮา!”

 

 

“ปล่อยบิดาของข้านะ”

 

 

หลงเฉินอยากจะพุ่งร่างออกไปในทันที ทว่าร่างกายของเขากลับไม่เชื่อฟังและไม่ยอมขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย 

 

 

“ฮาฮา เจ็บปวดอย่างนั้นหรือ? ยอดมาก รู้สึกเช่นนั้นย่อมถูกแล้ว นี้เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น มาค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปกันเถิดนะ” ชายหนุ่มชุดขาวหัวเราะขึ้นมาด้วยความสะใจอย่างถึงที่สุด 

 

 

“เฉินเอ๋อ เจ้าเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก อย่าได้ไปอ้อนวอนฟ้า อย่าได้ไปเกรงกลัวดิน เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นเรื่องธรรมดา จงอย่าได้ลำบากใจไปเลย” หลงเทียนเซียวพยายามเค้นเสียงพูดออกมาด้วยความยากลำบาก ทว่าใบหน้าและจิตใจของเขากลับไม่มีความหวาดกลัวเลยเพียงเสี้ยวเดียว

 

 

เมื่อเห็นบิดาถูกบีบคอจนใบหน้าเขียวคล้ำ หลงเฉินจึงเค้นพลังปราณขึ้นมาด้วยโทสะอันแรงกล้า ก่อเกิดเป็นรังสีสังหารอันรุนแรงแผ่กระจายออกมา จุดดารากักวายุที่ใต้ฝ่าเท้าไหลเวียนพลังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งโดยที่หลงเฉินไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย 

 

 

ยิ่งโทสะปะทุมากขึ้นที่จุดดารากักวายุก็ยิ่งไหลเวียนอย่างคลุ้มคลั่งด้วยเช่นกัน จากนั้นเพลิงโทสะของหลงเฉินก็ได้พุ่งพล่านขึ้นมาจนถึงขีดสุด ที่จุดดารากักวายุกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน 

 

 

“ไม่กลัวตายหรือ? ยอดมาก เช่นนั้นก็ขอประเดิมร่างของเจ้าเป็นคนแรกก็แล้วกัน จงตายไปซะ” ชายหนุ่มชุดขาวหัวเราะออกมา พลันก็ได้ออกแรงที่มือข้างขวาหมายจะบีบคอของหลงเทียนเซียวให้แหลกคามือไปเสียเลย 

 

 

“ไปตายซะ”

 

 

เสียงตะโกนดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาราวกับก้องกังวานมาจากสวรรค์ชั้นเก้า คล้ายกับเป็นสัญญาณความเกรี้ยวกราดของอัสนีบาต ทำให้ผู้คนที่ได้ยินต่างก็ต้องยกมือขึ้นมาปิดหูไปตามๆ กัน 

 

 

ชายหนุ่มชุดขาวที่อยู่ไม่ไกลก็ถูกเสียงดังสะท้อนเข้าไปยังโสตประสาทราวกับว่าภายในนั้นมีคลื่นมหาสมุทรซัดเข้ามาอย่างรุนแรง 

 

 

ปัง! 

 

 

ชายหนุ่มชุดขาวรู้สึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมาตามร่างกาย ร่างของเขากระเด็นไปกลางอากาศ แล้วไปกระแทกลงสู่พื้นอย่างรุนแรง เมื่อตั้งสติได้เขาก็มองไปยังเบื้องหน้าสายตาด้วยความแตกตื่น

 

 

ดวงสุริยันที่เคยสาดแสงอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าก็ได้ถูกเมฆสีหม่นบดบังไปจนหมด สายอัสนีบาตสาดแสงหลายสายจนนับไม่ถ้วน บรรยากาศอึมครึมปกคลุมไปทั่วบริเวณนับหมื่นลี้ ความน่าหวากลัวเช่นนี้ราวกับกำลังจะเกิดภัยธรรมชาติที่แทบจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้เลย

 

 

จากนั้นสายตาก็ได้มองไปเห็นเงาร่างสายหนึ่งที่ทอประกายแสงสว่างอันเข้มข้นขึ้นมาโดยรอบ พลังแห่งชีวิตอันมหาศาลแผ่ซ่านไปทั่วทั้งฟ้าดิน 

 

 

“นี่มันอะไรกัน?”

 

 

ชายหนุ่มชุดขาวสะดุ้งตัวโยนเมื่อเห็นเงาร่างที่คุ้นตาของหลงเฉิน ทว่าหลงเฉินในตอนนี้กลับเสมือนราชาแห่งมารผนวกกับเทพสวรรค์ลงมาจุติ ตลอดทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวอยู่หลายขุมที่แม้แต่เขาเองยังต้องหวาดผวาจนขนหัวลุกชัน 

 

 

“กร่อบ”

 

 

หลงเฉินปะทุพลังจากจุดดารากักวายุขึ้นมาจนเกิดเป็นแสงเจิดจ้าครอบคลุมเป็นชั้นๆ เปล่งประกายออกมาจากร่างกาย

 

 

เมื่อเปลือกชั้นนอกถูกสร้างขึ้นมาจนสมบูรณ์แล้ว ภายในนั้นก็คล้ายกับมีชั้นดวงดาราปรากฏขึ้นมาหนึ่งดวงที่สามารถจะมองเห็นหุบเขา ลำธาร รวมไปถึงท้องทะเลสีคราม 

 

 

หลังจากที่ชั้นดาราปรากฏขึ้นมาที่จุดลมปราณของหลงเฉินที่เคยเหือดแห้งไปแล้วกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งดวงดารา พลันก็ได้ซัดคมหมัดออกไปจนทำให้ชายหนุ่มชุดขาวกระเด็นออกไป 

 

 

เขายื่นมือให้บิดาแล้วนำพาร่างนั้นออกมาจากบริเวณการต่อสู้ที่คาดว่าจะดุเดือดขึ้นมาในไม่ช้า ด้วยพลังสภาวะของเขาในตอนนี้อาจสร้างเรื่องราวที่น่าหวาดกลัวขึ้นมาแน่นอน 

 

 

“กายานวดาราชั้นที่หนึ่ง กักวายุ——เบิก”

 

 

ขณะที่หลงเฉินลืมตาขึ้นมาช้าๆ ภายในดวงตาของเขาก็ได้ปรากฏชั้นดาราขึ้นมากลุ่มหนึ่ง 

 

 

ผืนแผ่นดินสั่นไหวไปจวบจนถึงชั้นฟ้าประดุจมีคลื่นมหาสมุทรอันแปรปรวนกระแทกเข้ามา แม้ว่าผู้คนเกือบทั้งหมดจะมองดูการต่อสู้จากระยะหลายสิบลี้ ทว่าก็ต้องแยกย้ายกันออกไปในบริเวณที่ห่างไกลออกไปอีก ผู้คนวิ่งหนีกันเป็นพัลวันราวกับชั้นฟ้าจะถล่มผืนดินจะทลายไปอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

บนร่างกายของหลงเฉินปกคลุมด้วยบรรยากาศอันแปลกประหลาดที่แผ่ซ่านออกมาอย่างบ้าคลั่ง บางส่วนก็ได้พุ่งทะยานขึ้นสู่ชั้นเมฆาและอาจจะทะลวงไปถึงสวรรค์ชั้นที่เก้าแล้วก็เป็นได้ ก้อนศิลาที่อยู่โดยรอบถูกชักนำจากขุมพลังจนลอยขึ้นมากลางอากาศ

 

 

“ผัวะผัวะผัวะผัวะ”

 

 

ก้อนศิลาเหล่านั้นแตกกระจายจนแหลกละเอียดไปเพราะได้รับแรงกดดันมากจนเกินไป หลงเทียนเซียวและกลุ่มผู้คนมองไปยังเงาร่างของหลงเฉินอย่างหวาดผวา นั่นเป็นหลงเฉินที่พวกเขารู้จักอย่างนั้นหรือ? 

 

 

“ปัง”

 

 

จู่จู่หลงเฉินก็ได้หายวับจากจุดเดิมไปปรากฏตัวอยู่ที่เบื้องหน้าของชายหนุ่มชุดขาวราวกับหายตัวมาอย่างไรอย่างนั้น แล้วก็ได้ปล่อยหมัดออกมาหนึ่งหมัดโดยที่ไม่กล่าววาจาไร้สาระอันใดออกมาเลย 

 

 

แม้ว่าภายในจิตใจของชายหนุ่มชุดขาวจะเกรงกลัวต่อหลงเฉินเป็นอย่างมาก ทว่าเขาก็ไม่อาจละสายตาไปจากศัตรูได้ เมื่อเห็นว่าหลงเฉินหายตัวไปแล้วเขาจึงปล่อยหมัดออกมาด้วยเช่นกัน

 

“กร่อบ กร่อบ กร่อบ”

 

 

เสียงของกระดูกหักดังขึ้นมาเป็นสาย หมัดของชายหนุ่มชุดขาวและหลงเฉินประสานเข้าด้วยกันอย่างรุนแรง แขนข้างนั้นร้าวราวจนกระดูกด้านในแหลกละเอียดไปด้วย เสียงครวญครางเสียงหนึ่งดังขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว

 

 

หลงเฉินกระทำราวกับว่าไม่ได้สนใจหมัดที่พุ่งออกมาปะทะเลยแม้แต่น้อย พลันก็ได้หยั่งฝ่าเท้าข้างซ้ายให้จมมิดพื้นดินลงไป แล้วยกฝ่าเท้าข้างขวากระแทกไปที่ชายหนุ่มชุดขาวอย่างรุนแรงและรวดเร็ว 

 

 

“ตึง”

 

 

ฝ่าเท้าของหลงเฉินกระแทกเข้าไปที่จมูกของชายหนุ่มชุดขาวอย่างรุนแรง ฟันแตกกระจายออกมาจากฝีปาก กระดูกกะโหลกแตกแยกจนเกิดเสียงดังขึ้นมา จากนั้นร่างของชายหนุ่มชุดขาวก็ได้กลิ้งเกลือกไปตามพื้นดินอยู่หลายตลบ

 

 

ในขณะที่ชายหนุ่มชุดขาวยังคงกลิ้งไปตามพื้นอยู่นั้น ทางหลงเฉินก็หลงเหลือไว้เพียงแค่เงาร่างอันเลือนรางอยู่กลางอากาศ พลันก็ได้ยกกำมือขวากระแทกออกไปด้านหน้าอย่างรุนแรง 

 

 

“ปัง”

 

 

ร่างกายของชายหนุ่มชุดขาวถูกซัดจนกลิ้งไปอีกระลอก พื้นดินผืนใหญ่แตกระแหงออกประดุจใยแมงมุมนับร้อย สายลมกรรโชกแรงไปทั่วทุกสารทิศ 

 

 

ตรงใจกลางของวงกลมขนาดใหญ่ปรากฏเป็นเงาร่างสีดำทมิฬที่ไม่เหมือนกับร่างของมนุษย์กำลังนอนแผ่อยู่บนพื้นดิน ร่างนั้นยังมีชีวิต ทว่ากำลังหอบหายใจอย่างรัวแรงอยู่

 

 

“เป็นแค่แมลงไม่สมควรที่จะขัดขืนไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใจเจ้ายังขัดขืนอยู่อีก? เป็นแมลงก็สมควรจะเจ็บปวดจนตายไปไม่ใช่หรือ? ข้าจะทำให้เจ้าสมความปรารถนานั้นเอง”

 

 

หลงเฉินย่างกรายเข้าไปหาชายหนุ่มชุดขาวที่นอนหอบหายใจอยู่ พลันก็ได้ชักนำเข็มหนึ่งกำมือออกมา 

 

 

“ลิ้มรสความเจ็บปวดให้เต็มที่เถิด” หลงเฉินกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ ก่อนที่แทงเข็มหลายสิบเล่มลงไปที่ร่างของชายหนุ่มชุดขาว 

 

 

“ฉึกฉึกฉึกฉึก……”

 

 

เข็มสีเงินทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อหนังอย่างแรงจนเกิดเสียงดังขึ้นมาเป็นสาย ชายหนุ่มชุดขาวที่เคยอยู่ในอารมณ์บ้าคลั่งก็ได้กรอกดวงตาขึ้นอย่างล่องลอยคล้ายกับสติได้หลุดออกไปเสียแล้ว 

 

 

“อา……”

 

 

เสียงกรีดร้องแทบจะขาดใจดังขึ้นมาจนได้ยินไปถึงระยะหลายสิบลี้ ผู้คนที่ได้ยินต่างก็ไม่อาจหยุดร่างกายที่สั่นเทาเอาไว้ได้ 

 

 

“เจ้าเป็นแมลงที่แท้จริง ขนาดพี่น้องของข้ายังไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่คำเดียวเมื่อต้องมารับพิษจากเข็มหนอนกระดูกเหล่านี้ เจ้านี่มันก็แค่ขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น”

 

 

หลงเฉินจ้องมองไปยังชายหนุ่มชุดขาวที่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดไม่หยุดหย่อน ภายในดวงตาคู่คมเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา ภายในจิตใจให้ความรู้สึกโล่งขึ้นมาอย่างประหลาด เป็นความรู้สึกเหมือนกับได้ล้างแค้นจนสำเร็จแล้ว

 

 

เขานั้นเกลียดชังการไร้ซึ่งพลัง เกลียดชังผู้อื่นที่อยู่เหนือกว่า เกลียดชังคนที่ทำให้คนเหมือนเป็นเพียงก้อนเนื้อชิ้นหนึ่ง เขาจึงลั่นคำสาบานขึ้นมาว่าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น จะต้องไม่มีผู้ใดสามารถเหยียบย่ำเขาได้อีกแล้ว 

 

 

ทันใดนั้นเองภายในดวงตาของหลงเฉินก็ไร้ซึ่งชั้นดารา ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวแล่นไปทั่วทั้งร่างกาย จากนั้นร่างอันโรยราก็ได้ล้มหงายท้องไปในทันที 

 

 

ทว่าเขากลับล้มลงไปยังอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นและคุ้นเคย กลิ่นหอมที่เคยดอมดมโชยพัดเข้ามาเตะจมูก ทำให้ภายในจิตใจของเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ 

 

 

“หลงเฉิน”

 

 

ฉู่เหยาโอบกอดร่างของหลงเฉินที่อยู่ในสภาพอ่อนแออย่างถึงขีดสุด ดวงตาคู่งามเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ ชายผู้นี้ได้ผ่านพ้นอุปสรรคที่ยากลำบากมามากจนเกินไปแล้ว 

 

 

“ได้อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเจ้านี้ช่างสบายเสียจริง ขอนอนอยู่ตรงนี้สักงีบเถิด” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาแล้วก็ได้ค่อยๆที่จะหลับตาลง 

 

 

ใบหน้าของฉู่เหยาแดงซ่านขึ้นมาในทันที หลงเฉินสัมผัสได้ถึงความผิดปกติจึงได้ลืมตาขึ้นมาช้าๆ พลันก็ได้สบสายตากับบิดา มารดา ซือเฟิง และกลุ่มผู้คนอีกมากมายที่กำลังจดจ้องมาที่ใบหน้าของเขาด้วยความประหลาดใจ จึงทำให้ใบหน้าของฉู่เหยายิ่งทวีสีแดงระเรื่อขึ้นกว่าเดิม 

 

 

หลงเฉินส่งยิ้มออกไปอย่างกระอักกระอ่วน พยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดพยุงร่างกายขึ้นมา สายตาของพวกเขาราวกับถามออกมาว่าเจ็บปวดถึงเพียงนี้ยังจะกล้าหยอกเย้าฉู่เหยาอีกอย่างนั้นหรือ? ทว่าหนังหน้าของเขากลับถูกฝึกฝนจนด้านช้าไปแล้ว 

 

 

เมื่อพยุงร่างขึ้นมาได้ หลงเฉินก็มองไปที่ร่างของชายหนุ่มชุดขาวที่นอนอยู่ก้นหลุม เสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดได้เงียบลงไปแล้ว ถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นก็ไม่อาจทนความเจ็บปวดของเข็มหนอนกระดูกได้ 

 

 

ทันใดนั้นเองบริเวณที่ห่างไกลออกไปก็ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาสายหนึ่ง ชายหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะเป็นนายทัพก็ได้วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหลงเทียนเซียว พร้อมกับโค้งคำนับลงอย่างมีมารยาทแล้วกล่าวรายงานออกมาว่า “เรียนโหวเยว่ จากการเข้าสอดแนมทางต้าเซี่ยพบว่าฝ่ายนั้นได้จับกุมองค์ชายเจ็ดไป ขอท่านจงสั่งการต่อไปด้วย”

 

 

ฉู่เหยาทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง “ไปดูกันเถิด”

 

 

จู่จู่เหล่าทหารก็ได้เปิดทางเดินตรงกลางจนเผยให้เห็นเงาร่างของคนสองคนที่แสนจะคุ้นตา นั่นก็คือโจวเย้าหยางกับเซี่ยปายฉือที่ในมือถือกระบี่ยาวพาดไปที่คอของฉู่ฟง 

 

 

เมื่อเซี่ยปายฉือพบว่าหลงเฉินกำลังจะเดินเข้ามา จึงรีบกล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรนว่า “หลงเฉิน ถ้าเจ้าไม่อยากให้เขาเป็นอะไรไป จงรีบปล่อยพวกเราไปซะ ไม่เช่นนั้น……”

 

 

“ฆ่าสิ” หลงเฉินแสยะยิ้มขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม

.

.

.

.

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "ตอนที่ 110 เปลี่ยนสภาวะของร่างเถิด...หลงเฉิน"

5 1 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

ยุคใหม่ของผู้อัญเชิญ
ยุคใหม่ของผู้อัญเชิญ
มีนาคม 12, 2022
หัตถ์เทวะธิดาพญายม : ชายายอดรักทรราชไร้ใจ
หัตถ์เทวะธิดาพญายม : ชายายอดรักทรราชไร้ใจ
พฤษภาคม 17, 2022
IF the Deep sea forgets you  ขอเพียงให้ทะเลได้ลืมเธอ
IF the Deep sea forgets you ขอเพียงให้ทะเลได้ลืมเธอ
มีนาคม 12, 2022
Thron of immortality ปกนิยาย
Marvel: Throne of Immortality
สิงหาคม 11, 2023
Physicians Odyssey
Physicians Odyssey
มีนาคม 12, 2022
เพลิงพิโรธสวรรค์
เพลิงพิโรธสวรรค์
ธันวาคม 6, 2023
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz