หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 37 เซียนอันดับหนึ่ง

  1. หน้าแรก
  2. เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน
  3. ตอนที่ 37 เซียนอันดับหนึ่ง
Prev
Next

ตอนที่ 37 เซียนอันดับหนึ่ง

 

หลายวันผ่านไป

 

วันนี้มีเรือเหาะยักษ์หลายลำเคลื่อนมาจากทิศใต้ของแคว้นต้าเยี่ยน และกำลังมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ

 

เรือเหาะยักษ์ทุกลำล้วนถูกปกคลุมด้วยหมอกจาง ๆ มีแสงส่องสว่างและมีสัญลักษณ์โบราณลอยด้านบน ดูน่าอัศจรรย์ยิ่ง

 

ทุกที่ที่เรือเหาะยักษ์เหล่านี้เคลื่อนผ่าน พลันเกิดความโกลาหลขึ้นทันที

 

“เจ้าเห็นธงที่เขียนว่า จื่อชิง ที่อยู่บนเสาของเรือเหาะลำแรกหรือไม่ ? ”

 

“นี่ก็คือเรือเหาะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงที่อยู่ทางใต้ของแคว้นต้าเยี่ยนของเรา ! ”

 

“หากเดามิผิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง คงจะไปร่วมงานประลองของศิษย์สองสำนัก ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเป็นแน่”

 

“คาดมิถึงว่าเพียงพริบตาจะผ่านไปสิบปีแล้ว ภาพเรือเหาะดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมาร่วมการประลองคราก่อนยังติดตาข้าอยู่เลย วันนี้กลับได้เห็นเรือเหาะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงเช่นนี้อีก”

 

“เฮ้อ คนธรรมดาเยี่ยงพวกเราอย่างมากก็มีชีวิตอยู่ได้แค่ร้อยปีเท่านั้น สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงเถ้ากระดูก แต่ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ต่างมีอายุยืนยาว สิบปีของพวกเขาก็เท่ากับเวลาหนึ่งวันของคนธรรมดาอย่างเราเท่านั้น”

 

“ใช่แล้ว ขอเพียงแค่สามารถบำเพ็ญเพียรได้ก็จะกลายเป็นคนเหนือคน และยังเป็นเกียรติให้แก่วงศ์ตระกูลได้”

 

“เช่นนั้นเวลาจะซื้อบ้านต้องซื้อที่ใกล้กับสำนักบำเพ็ญเพียร เพื่อให้ลูก ๆ ของพวกเรามีพื้นฐานที่ดี มิเช่นนั้นก็ต้องใช้ชีวิตเหมือนอย่างพวกเรา”

 

“……”

 

บนเรือเหาะลำที่อยู่หน้าสุด เหล่าศิษย์เอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงกำลังยืนอย่างสง่าอยู่หน้าราวกั้น ใช้เคล็ดวิชาฟังความคิดคนธรรมดาเหล่านั้น

 

คนที่ได้ยินบ้างก็เมินเฉย บ้างก็มีสีหน้าเคร่งขรึม บ้างก็แสดงสีหน้าเย้ยหยันและดูถูกอย่างมิคิดทีจะปิดบัง

 

“คนธรรมดาเหล่านี้วาจาหยาบคาย สายตาตื้นเขิน อะไรคือซื้อบ้านต้องซื้อที่ใกล้กับสำนักบำเพ็ญเพียร เพื่อให้ลูกของตัวเองมีพื้นฐานที่ดี หารู้ไม่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการบำเพ็ญเพียรนั้นก็คือรากฐาน หากมีรากวิญญาณที่แย่ก็ไร้ค่า” ศิษย์สายตรงผู้หนึ่งเอ่ยด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

 

ศิษย์สายตรงที่มีฐานะยากจนผู้หนึ่งจึงเอ่ยขัดขึ้นทันที “ศิษย์พี่ลู๋ หากข้าจำมิผิด ชาติกำเนิดของท่านก็มิได้ดีเท่าไรนักมิใช่หรือขอรับ ? ”

 

ชายหนุ่มผู้มีนามว่าลู๋หมางเห็นสายตาที่เปลี่ยนไปของทุกคนที่มองมา สีหน้าก็ขุ่นเคืองขึ้นมาในทันใด

 

เขาจึงหันไปถามศิษย์สายตรงผู้นั้นเสียงเข้มว่า “ศิษย์น้องสวี่ เจ้าตั้งใจจะหาเรื่องข้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

 

“ศิษย์พี่ลู๋เข้าใจผิดแล้ว”

 

ศิษย์สายตรงนามว่าสวี่เจิ่นยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง “ข้ามิคิดที่จะหาเรื่องท่าน เพียงแต่ในสายตาพวกเรา แม้คำพูดของคนธรรมดาเหล่านี้จะดูว่าตื้นเขินนัก แต่หากอยู่ต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เราก็มิต่างอันใดจากคนธรรมดาเหล่านี้เลยนะขอรับ”

 

ลู๋หมางถลึงตาใส่ พลันเอ่ยด้วยความโมโหว่า “สวี่เจิ่น ไม่ว่าเยี่ยงไรเจ้าก็เป็นศิษย์น้อง เจ้ามิมีสิทธิมาสั่งสอนข้า ! ”

 

“ศิษย์พี่ลู๋ ท่านเข้าใจผิดอีกแล้ว”

 

มุมปากของสวี่เจิ่นยกขึ้น พลางเหลือบมองลู๋หมางด้วยหางตา “ข้าแค่หมายความว่าทุกสรรพสิ่งล้วนมีชีวิต เช่นนั้นเราควรปฏิบัติต่อทุกคนด้วยหัวใจอันอบอุ่นและสายตาที่เท่าเทียมกัน อาจารย์เคยกล่าวไว้เช่นนั้นนี่ขอรับ”

 

สีหน้าของลู๋หมางแดงก่ำ หลังจากสวี่เจิ่นเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมา เขาจึงมิกล้าโต้แย้งอีก

 

ตอนนั้นเองก็มีชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีม่วง บนศีรษะสวมรัดเกล้าสีม่วงทอง เดินเอามือไพล่หลังก้าวมาอย่างช้า ๆ

 

ใบหน้างดงามดุจหยก ท่วงท่าองอาจห้าวหาญราวกับเทพเซียน ดูแตกต่างจากคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก

 

ขณะเดียวกันยังแผ่ความน่าเกรงขามออกมาอีกด้วย

 

“ข้าน้อยคาราวะศิษย์พี่ขอรับ ! ” ศิษย์ทุกคนต่างประสานมือคาราวะด้วยท่าทางนอบน้อมทันทีที่เห็นชายหนุ่มผู้นี้

 

ผู้สืบทอดดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง อินฉางเฟิง พยักหน้าเล็กน้อยด้วยใบหน้าเรียบนิ่งและท่าทางที่เย็นชา

 

เหล่าศิษย์ทั้งหลายรีบหลบเปิดทางให้อินฉางเฟิงทันที เมื่อเห็นเขาเดินตรงมายังหน้าราวกั้น

 

“ศิษย์น้องสวี่ ช่วงนี้เจ้าดูรู้แจ้งขึ้นมิน้อยเลยนะ” อินฉางเฟิงมองตรงไปด้านหน้า พลางเอ่ยถามสวี่เจิ่นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

 

สวี่เจิ่นอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะฝืนยิ้มพลางส่ายหน้าออกมา “ข้าละอายใจยิ่งนัก เทียบกับศิษย์พี่แล้วสิ่งที่ข้าได้รู้แจ้งนั้นช่างเล็กน้อยยิ่งนัก”

 

อินฉางเฟิงเอามือไพล่หลัง พลางเอ่ยสั่งสอนว่า “แม้พรสวรรค์ของเจ้าจะมีมากกว่าคนอื่น แต่มิว่าเยี่ยงไรศิษย์น้องลู๋หมางก็อาวุโสกว่าเจ้ามากอยู่ดี”

 

สวี่เจิ่นได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ลู๋หมางเองก็เหลือบมองสวี่เจิ่นด้วยแววตาเย้ยหยัน

 

อินฉางเฟิงจึงเอ่ยต่ออีกว่า “แม้คำกล่าวเมื่อครู่ของเจ้าจะมีเหตุผล แต่ก็ต้องรู้จักผู้เยาวน์และผู้อาวุโสด้วย  เจ้าผิดตั้งแต่เอ่ยคำพูดเหล่านี้แล้วเข้าใจหรือไม่”

 

“ท่านผู้สืบทอด… ศิษย์พี่…” สวี่เจิ่นมีใบหน้าแดงก่ำและมีท่าทีอึกอักขึ้นมาทันที

 

“อะไร เจ้ายังจะอ้างเหตุผลอะไรให้ข้าฟังอีกเยี่ยงนั้นหรือ ? ” อินฉางเฟิงเอ่ยถามสวี่เจิ่น ขณะที่หันข้างให้เขาอยู่

 

สวี่เจิ่นนิ่งอึ้งอย่างคาดมิถึง ก่อนจะรีบโค้งตัวลงพลางกัดฟันแน่น “ข้าน้อยมิกล้าขอรับ ! ”

 

อินฉางเฟิงยกยิ้มที่แฝงความนัยบางอย่างออกมา “เจ้ารู้ตัวก็ดีแล้ว”

 

ทันทีที่เอ่ยจบก็มีร่างอันงดงามของสตรีผู้ไร้เทียมทานปรากฏตัวขึ้นมิไกลนัก

 

สตรีผู้นี้มีผมยาวสลวย ดวงตาดำขลับ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางได้รูป ผิวขาวราวหิมะ สวมชุดกระโปรงยาวสีขาว ด้านหลังสะพายพิณโบราณตัวหนึ่งเอาไว้ ท่วงท่าราวกับเซียนที่ออกมาจากภาพวาด บริสุทธิ์ราวกับมิเคยแปดเปื้อนสิ่งสกปรกใด ๆ บนโลกมนุษย์มาก่อน

 

สายลมพัดผ่านทำเอาผมปลิวสยายราวกับเกลียวคลื่น ส่วนเสื้อที่ต้องลมก็พริ้วไสวราวกับระลอกคลื่น ให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังจะลอยขึ้นสู่สรวงสวรรค์

 

นางคือ ถานไถชิงเสวี่ยช ผู้สืบทอดหญิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง เทพธิดาอันดับหนึ่งที่เหล่าชายหนุ่มบำเพ็ญเพียรในจงหยวนมากมายต่างคะนึงหา

 

“ข้าน้อยคารวะศิษย์พี่หญิง ! ”

 

ทันทีที่เห็นถานไถชิงเสวี่ยย่างก้าวเข้ามา เหล่าศิษย์น้องทั้งหลายต่างโค้งคำนับด้วยความนอบน้อมทันที

 

ถานไถชิงเสวี่ยนั้นมีพรสวรรค์ที่มิธรรมดา คุณสมบัติการบำเพ็ญเพียรเทียบเคียงได้กับอินฉางเฟิง

 

เจ้าสำนักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง เคยให้คำสัญญาต่อหน้าบรรดาศิษย์ทุกคนว่า

 

ไม่ว่าจะเป็นผู้สืบทอดอินฉางเฟิง หรือผู้สืบทอดหญิงถานไถชิงเสวี่ย หากผู้ใดสามารถบรรลุถึงขั้นหยวนอิงได้ก่อนอายุสี่สิบ ก็จะได้เป็นเจ้าสำนักดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงคนต่อไป

 

แน่นอนว่าที่ผ่านมาดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง ล้วนตัดสินผู้ที่จะมาเป็นเจ้าสำนักด้วยวิธีนี้ทั้งสิ้น

 

เพียงแต่ในสายตาของทุกคนแล้ว ถานไถชิงเสวี่ยมีโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าสำนักมากกว่าอินฉางเฟิง

 

แน่นอนว่าการปรากฏตัวของถานไถชิงเสวี่ย ย่อมทำให้คนที่รู้สึกขุ่นข้องหมองใจอย่างอินฉางเฟิงรู้สึกมิพอใจขึ้นมา

 

“ศิษย์น้องทุกคนมิต้องมากพิธี”

 

ถานไถชิงเสวี่ยเอ่ยขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามออกมาว่า “ตอนนี้พวกเราเข้าเขตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนแล้วใช่หรือไม่ ? ”

 

สวี่เจิ่นที่ได้ยินก็รีบตอบคำถามในทันที “เรียนศิษย์พี่หญิง ใช่แล้วขอรับด้านล่างของเราตอนนี้คือเมืองเสี่ยวฉือ หนึ่งในแดนจิตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนขอรับ”

 

ถานไถชิงเสวี่ยพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปและรีบเพ่งจิตทันที

 

ขณะเดียวกันศิษย์คนอื่นๆ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน พลันต่างพากันมองลงไปด้านล่าง…

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "ตอนที่ 37 เซียนอันดับหนึ่ง "

4.1 8 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

Global Online Survival เอาชีวิตรอดในโลกออนไลน์
Global Online Survival เอาชีวิตรอดในโลกออนไลน์
มีนาคม 12, 2022
Godly Empress Doctor
Godly Empress Doctor
มีนาคม 12, 2022
Neet
Neet
มีนาคม 12, 2022
Player Who Returned 10,000 Years Later
Player Who Returned 10,000 Years Later
มีนาคม 12, 2022
Realms In The Firmament
Realms In The Firmament
มีนาคม 12, 2022
davisam
จักรพรรดิเทพมรณะ
มกราคม 14, 2023
Tags:
ฝึกฝน, สายดมกาว, สายมโน, เทพเซียน, แนวต่างโลก
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz