หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 36 นิมิตรู้แจ้ง

  1. หน้าแรก
  2. เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน
  3. ตอนที่ 36 นิมิตรู้แจ้ง
Prev
Next

ตอนที่ 36 นิมิตรู้แจ้ง

 

เพียงพริบเดียว หลิวฉางเหอและเยี่ยนปิงซินก็กลับไปได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว

 

ส่วนเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในแคว้นต้าเยี่ยนและทั่วจงหยวนนั้น เย่ฉางชิงหาได้ทราบเรื่องราวไม่

 

วันนั้นหลังจากส่งหลิวฉางเหอและเยี่ยนปิงซินแล้ว เขาก็กลับมาช่วยเหอฉางเสวียนวิเคราะห์กลหมากสี่มังกรพ่นวารี จวบจนพลบค่ำเหอฉางเสวียนและลู่อู๋ซวงจึงได้พากันกลับไป

 

แต่ฝีมือของเหอฉางเสวียนนั้นยังนับว่าธรรมดามาก ถึงขั้นเรียกว่าแย่เลยก็ยังได้ ! หากไม่เห็นแก่หน้าของเหอฉางเสวียน เย่ฉางชิงคงได้ด่าเหอฉางเสวียนแรง ๆ ไปแล้ว

 

เขาคิดว่าตอนที่วิเคราะห์กลหมากสี่มังกรพ่นวารี ตัวเขานั้นได้พยายามอธิบายเรื่องที่ถือว่าเป็นพื้นฐานที่สุดแล้ว เพื่อให้เข้าใจได้โดยง่าย แต่สุดท้ายเหอฉางเสวียนกลับมิสามารถเข้าใจได้

 

ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรอย่างลู่อู๋ซวงก็มิได้ดีไปกว่ากันเท่าใดนัก เพราะนางได้แต่มองด้วยความงุนงงเท่านั้น

 

ตอนนั้นเย่ฉางชิงอดที่จะสงสัยมิได้ หากว่าเขามีรากวิญญาณจากความสามารถในการทำความเข้าใจของเขา คาดว่าคงจะกลายเป็นอัจฉริยะที่มิมีใครเทียบได้ และต้องสั่นสะเทือนโลกของการบำเพ็ญเพียรอย่างแน่นอน

 

แต่สวรรค์กลับมิฟังคำร้องขอของเขาเลย

 

แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เย่ฉางชิงพูดมิออกที่สุดในวันนั้นก็คือ ความปรารถนาที่อยากจะได้ภาพไท่เสวียนฉางชิงของเหอฉางเสวียนนั้น ทำให้เขามิสามารถปฏิเสธได้ จึงได้มอบภาพนั้นให้แก่เหอฉางเสวียนไปในที่สุด

 

เดิมในความคิดของเย่ฉางชิง การปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับที่ผู้อื่นปฏิบัติต่อตนเองนั้นถือเป็นหลักธรรมชาติของมนุษย์ คิดว่าในโลกของผู้บำเพ็ญเพียรนี้ก็คงมิต่างกัน

 

แน่นอนว่าการกระทำของเหอฉางเสวียน ก็เป็นเครื่องยืนยันความคิดของเขาได้

 

แต่สุดท้ายเหอฉางเสวียนกลับมอบเพียงป้ายไม้โบราณที่สลักคำว่า ‘เสวียน’ ชิ้นหนึ่ง กับหินสีดำขนาดใหญ่เท่ากับไข่ไก่อีกหนึ่งก้อนให้กับเขาเท่านั้น

 

‘นี่มันของอะไรกัน ? ’

 

เย่ฉางชิงพูดไม่ออกและจนใจเป็นอย่างมาก

 

หลังจากเหอฉางเสวียนและลู่อู๋ซวงจากไปแล้ว ชีวิตของเย่ฉางชิงก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง

 

ทุกวันนอกจากกินข้าวและนอนหลับแล้ว เวลาที่เหลือหากมิใช่ฝึกเขียนอักษรพู่กันก็วาดภาพ

 

เวลานอกจากนั้นก็เพียงแค่นั่งกินลมชมวิว ชงชาที่หน้าประตูร้านขายของชำ พลบค่ำก็มานั่งดีดพิณที่ใต้ต้นหลิวบริเวณลานบ้าน

 

แต่หลังจากมีมุกเหมันต์อะไรนั่นที่หลิวฉางเหอมอบให้เขา เขาก็มีงานอดิเรกเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง นั่นก็คือการทำผลไม้แช่แข็ง

 

อีกทั้งผลไม้แช่แข็งที่ทำมาจากมุกเหมันต์ยังขายดีมากอีกด้วย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศร้อนอย่างฤดูใบไม้ร่วงเช่นนี้

 

เพียงแค่ 20 วัน เย่ฉางชิงก็สามารถขายผลไม้แช่แข็งได้เกือบร้อยตำลึงเงินแล้ว

 

หากเป็นเช่นนี้ชีวิตของเขาก็จะสุขสบายยิ่งขึ้น

 

และช่วงนี้มิรู้เพราะเหตุใดหลังจากที่พวกหลิวฉางเหอจากไปได้สามวัน เขาก็นอนหลับได้สนิทขึ้น อีกทั้งจิตใจและร่างกายกลับรู้สึกดีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนและเต็มไปด้วยพลัง

 

ต่อมาเขาก็พบว่าทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับความฝันหนึ่งของเขา

 

ความฝันนี้เกิดขึ้นในคืนที่สามหลังจากที่พวกหลิวฉางเหอจากไป เขายังจำได้อย่างชัดเจนจนถึงบัดนี้

 

เขาฝันว่าตัวเองได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่มิมีผู้ใดเทียบได้ หลังจากนั้นก็ได้จุติบนโลกเซียนแห่งหนึ่ง

 

บนโลกใบนั้นเขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไร้พ่าย มิใส่ใจผู้ใด ทุกคนต่างก็เคารพและยำเกรงเขา ถึงขนาดสร้างอารามและรูปปั้นทองคำให้กับเขา เพื่อให้ผู้คนมาสักการะบูชาอีกด้วย

 

หลายปีผ่านไป เขารู้สึกว่าชีวิตของผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก จึงได้เร้นกายอยู่ในที่เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง….

 

หลังจากตื่นขึ้นมาเย่ฉางชิงก็พบว่าหางตาทั้งสองข้างของตน มีน้ำตาไหลออกมาตั้งแต่เมื่อใดมิอาจทราบได้

 

แม้ความฝันนี้จะดูเกินจริงไปเสียหน่อย แต่มิรู้เพราะเหตุใดเย่ฉางชิงกลับหลับได้สนิทมากขึ้น

 

………………

 

แผนของแต่ละวันเริ่มต้นจากตอนเช้า

 

รุ่งเช้าวันนี้ เย่ฉางชิงได้ตื่นขึ้นตั้งแต่ย่ำรุ่ง หลังลุกจากเตียงและล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้ว ก็มาฝึกเขียนอักษรที่ลานบ้าน

 

เขาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ภายในสมองพลันบังเกิดแสงสว่างวาบเข้ามา

 

‘วันว่างใช้ชีวิตอย่างเสรี ตื่นมาแสงอรุณฉาบทิศบูรพา’

 

หลังคิดกลอนประโยคนี้ขึ้นมาได้โดยบังเอิญ เย่ฉางชิงก็รีบจุ่มพู่กันลงบนหินฝนหมึก จากนั้นจรดพู่กันลงอย่างรวดเร็ว

 

ในตอนนี้เองพลันเกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้น

 

บนกระดาษที่เขียนกลอนลงไปกลับมีแสงสีแดงเพลิงส่องประกายขึ้นมา เมฆหมอกอันเลือนรางพวยพุ่งออกมา ดูลึกลับยิ่งนัก

 

‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ’

 

เย่ฉางชิงตกตะลึงในทันที เขารู้สึกว่าภาพตรงหน้าน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ช่างอัศจรรย์โดยแท้

 

เขาตกตะลึงจนก้าวถอยไปด้านหลัง

 

“หรือว่าในที่สุดดัชนีทองคำของข้าก็จะตื่นและรู้แจ้งแล้ว ? ” เย่ฉางชิงมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง พลางเอ่ยพึมพำกับตัวเอง

 

แต่ไม่นานปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนโต๊ะก็มลายหายไป

 

เย่ฉางชิงที่ได้สติก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาแล้วจรดพู่กันลงไปอีกครั้ง

 

‘เมฆาลอยเด่นยามอาทิตย์อัสดงลงหอประจิม พระพายโหมกระหน่ำก่อนพิรุณโปรยปราย’

 

เขาเขียนกลอนขึ้นมาอีกประโยค ทุกตัวอักษรเขียนอย่างลื่นไหลตั้งแต่ต้นจนจบ

 

ทันในนั้นก็ปรากฏนิมิตขึ้นมาอีกครั้ง แต่นิมิตครั้งนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก

 

เพียงพริบตาท้องฟ้าที่ไร้เมฆฝน พลันเกิดลมพายุโหมกระหน่ำรุนแรง เมฆดำทะมึนปกคลุมราวกับพายุฝนกำลังจะเทลงมา

 

“นี่… นี่มัน ! ” เย่ฉางชิงตกตะลึงพรึงเพริด สมองขาวโพลนอีกครั้ง

 

“ใครบอกข้าได้บ้างนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ”

 

“หรือว่าในที่สุดดัชนีทองคำของข้าก็ตื่นและรู้แจ้งแล้วจริง ๆ หรือว่าตอนนี้ข้ากลายเป็นผู้แข็งแกร่งแล้ว ? ”

 

เย่ฉางชิงรู้สึกตื่นเต้นยินดีทันทีที่ได้สติ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความดีอกดีใจ

 

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเย่ฉางชิงก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พร้อมกับพึมพำว่า “ในนิยายแฟนตาซีที่เคยอ่าน ผู้แข็งแกร่งทุกคนล้วนแค่เพียงเพ่งสมาธิ ก็สามารถเหาะเหินเดินอากาศ หรือว่าเปลี่ยนหินเป็นทองคำอะไรแบบนั้นได้นี่นา”

 

คิดถึงตรงนี้เย่ฉางชิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ก่อนจะหลับตาลง

 

“เหาะขึ้น ! ” เย่ฉางชิงเพ่งสมาธิ จากนั้นก็ลืมตาขึ้น

 

แต่สุดท้ายใบหน้าหล่อเหลาก็กลับเคร่งขรึมลง

 

เพราะเขายังคงอยู่ที่เดิม !

 

‘หรือว่าโลกเซียนแห่งนี้จะมีปัญหา ? ’

 

‘หรือว่าต้องท่องคาถาด้วย ? ’

 

“เหาะขึ้นไป เจ้าทำได้ข้าก็ทำได้”

 

ผ่านไปครู่หนึ่งเย่ฉางชิงลืมตาอีกครั้ง ทว่าเขาก็ยังคงอยู่ที่เดิม

 

“เจ้าบินข้าก็บิน ณ บัดนี้ ! ”

 

ผ่านไปครู่หนึ่งเย่ฉางชิงก็ลืมตาอีกครั้ง ก็ยังคงอยู่ที่เดิมไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

 

“สมหวัง สมหวัง สมปรารถนา บินได้ ! ”

 

ผ่านไปครู่หนึ่งเย่ฉางชิงลืมตาอีกครั้ง แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

ใบหน้าของเย่ฉางชิงเข้มขึ้นทันที

 

‘ต่อให้อยู่ดี ๆ จะมีดัชนีทองคำขึ้นมา แต่ว่ามันใช้อย่างไรกันเล่า ? ’

 

‘หรือว่าดัชนีทองคำทำให้เกิดภาพนิมิตขึ้นมาแค่นั้นเองหรือ ? ’

 

‘เป็นแค่เอฟเฟคพิเศษเยี่ยงนั้นหรือ ? ’

 

‘ดัชนีทองคำที่แค่ส่องแสงวิบวับได้จะมีประโยชน์อันใดกัน ! ’

 

‘เอาแบบที่ใช้งานได้จริง ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง ! ’

 

ตอนนี้เย่ฉางชิงกำลังอารมณ์เสียอย่างมาก ถึงขนาดเรียกว่าหงุดหงิดมากก็ว่าได้

 

เดิมทีเขาคิดว่าในที่สุดก็ปลุกดัชนีทองคำของตัวเองได้แล้ว เพียงพริบตาก็จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง

 

แต่สุดท้ายเขากลับพบว่านอกจากแสงที่ส่องประกายวิบวับพวกนี้แล้ว กลับมิสามารถทำอะไรได้อีกเลย

 

หลังจากนั่งสงบสติอยู่นานบนเก้าอี้ เย่ฉางชิงก็ลืมตาขึ้นใบหน้าเต็มไปด้วยความหวัง

 

‘หรือว่าข้าจะมีรากวิญญาณแล้ว ? ’

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "ตอนที่ 36 นิมิตรู้แจ้ง"

4.1 8 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

I Reincarnated For Nothing
I Reincarnated For Nothing
มีนาคม 12, 2022
ฟาร์มขั้นเทพ
ฟาร์มขั้นเทพ
พฤศจิกายน 3, 2024
โลกแห่งเหล่าทวยเทพ The World of Deities
โลกแห่งเหล่าทวยเทพ The World of Deities
มีนาคม 12, 2022
จิ้งจอกน้อยจอมซ่าส์กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์
จิ้งจอกน้อยจอมซ่าส์กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์
พฤษภาคม 17, 2022
เรียกพี่ว่าชาวนาสิ! (异能小神农)
เรียกพี่ว่าชาวนาสิ!
มีนาคม 12, 2022
เนตรเซียนทะลุสมบัติ
เนตรเซียนทะลุสมบัติ
กรกฎาคม 5, 2022
Tags:
ฝึกฝน, สายดมกาว, สายมโน, เทพเซียน, แนวต่างโลก
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz