เกิดใหม่กับระบบไร้พ่าย - Chapter 9 – สายเลือดไร้พ่าย
Chapter 9 – สายเลือดไร้พ่าย
ปราณพื้นฐานขั้น 5 ที่เหมือนกับเป็นทหาร
ช่องว่างความแตกต่างขั้น 4 และ 5 มีความแตกต่างเป็นอย่างมาก.
เมื่อลั่วเทียนเปิดระบบเพื่อดูว่าเขาต้องใช้Expอีกเท่าไร การสแดงออกทางที่ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและเริ่มสถบ “น้องสาวระบบเจ้าสิ!”
จากปราณพื้นฐานขั้น 3 ไป ขั้น 4 ต้องการค่าExp ไม่กี่ร้อยแต้ม แต่จากขั้น 4 ไปขั้น 5 ต้องใช้มากกว่า หมื่นแต้ม.
หลังจากนั้นมันก็เพิ่มไม่กี่ร้อย นี่…
ความโกรธของลั่วเทียนปะทุออกมาไม่กี่ครั้ง ขณะที่เขายังสถบไม่หยุด ไอ้โครตเวร108ชั่วโครตของระบบ.
เขาคิดว่าจะก้าวหน้าอีกครั้งและได้รับทักษะระดับพระเจ้า “Berserk.” แต่ตอนนี้… ลั่วเทียนกำลังถูกกดดันอย่างหนัก.
เขาสาปแช่งทุกอย่างที่เขาคิดได้ แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความเป็นจริง.
ลั่วเทียนอ่านมันอีกรอบก่อนที่จะตรวจสอบสถานะอื่นๆ.
ทักษะต่อสู้: หมัดพยัคฆสายฟ้า
ระดับ: 1
ความชำนาญ: 10/100
“พลังที่อยู่เบื้องหลังหมัดนี้ก็ไม่เลว มันสามารถโจมตีและป้องกันได้. ถ้าข้ามี ‘Berserk’ มันเพิ่มพลังให้ข้าเป็นสองเท่า ข้าเชื่อว่ามัาจะทรงพลังมากขึ้น.”ลั่วเทียนพูดกับตัวเองขณะที่รู้สึกแปล๊บๆอีกครั้ง“Berserk, Berserk ของข้า อ่าาา.”
เมื่อลั่วเทียนกำลังจะโปรไฟล์ของเขา เขาก็สังเกตเห็นว่ามีข้อมูลเป็นจำนวนมาก
แต้มไร้พ่าย: 4 แต้ม
“แต้มไร้พ่ายอะไร?”
“มันดูเหมือนว่าการฆ่าจะได้เพิ่มทีละแต้ม นี่อาจจะเป็นระบบPK?” ลั่วเทียนเริ่มสร้างทษฏี…ในเกทส์ออนไลน์การฆ่าคนอื่นจะทำให้ชื่อเป็นสีแดง ระบบไร้พ่ายนี่คือแบบเดียวกันหรือไม่?
ลั่วเทียนขี้เกียจอย่างมากที่จะคิดถึงเรื่องตรงนี้และกดไปตรงคำอธิบายเกี่ยวกับค่าไร้พ่าย.
คำอธิบาย 1: หลังจากฆ่าคนคุณจะได้รับแต้มไร้พ่าย 1 แต้ม เมื่อแต้มไร้พ่ายไปถึงจุดหนึ่งแล้วคุณจะสามารถไปแลกกับสายเลือดที่ไม่มีใครเทียบได้.
คำอธิบาย 2: ค่าไร้พ่ายจะไม่ลดลงหรือรีเซ็ตได้ หากเปิดใช้งานระบบไร้พ่ายค่าความเจ็บปวกที่โฮสต์จะได้รับเป็นสองเท่า.
“สายเลือกไร้พ่าย?”
“เจ้ากำลังทำร้ายข้า? ลองดูว่ามีสายเลือดอะไรบ้าง?.”ลั่วเทียนเปิดระบบแลกเปลี่ยนแต้มไร้พ่าย มันไม่เป็นไรถ้าเขาไม่รู้ แต่ไม่นานเขาก็ตะลึง.
ไร้พ่าย สายเลือดมังกรคราม…
ไร้พ่าย สายเลือดเต่าดำ…
ไร้พ่าย สายเลือดนกเพลิง…
ไร้พ่าย สายเลือดพยัคฆ์ขาว…
สายเลือดของสี่สัตว์เทพ? พวกนี้มีพลังที่ไร้ขีดจำกัด!
ถ้าคิดว่ามันมีแค่นี้ เจ้าก็ผิดอย่างสมบูรณ์ สายเลือดของสี่สัตว์เทพเป็นแค่เพียงผิวๆ ส่วนถัดไปลั่วเทียนอ่านไปแล้วก็แทบจะขี้-เยี่ยวแตกเลยทีเดียว!
สิ่งต่อไปน่ากลัวอย่างมาก มากจนไม่กล้าคิด!
ไม่อาจเอาชนะได้ สายเลือดพระพุทธเจ้า, ไร้พ่าย สายเลือดผ่านกู่, ไร้พ่าย สายเลือดเทพแห่งการต่อสู้, ไร้พ่าย สายเลือด หงหมิง ¹, ไร้พ่าย… สิ่งที่บ้าคลั่งที่สุดคือสายเลือดของพระเจ้าเอง.
“ข้า @#$^#$% เลดี้กาก้า, นี่มันน่ากล้วมากสำหรับข้า.”ลั่วเทียนรู้สึกตื่นเต้นมากจนวิงเวียน ไม่เคย ไม่เคยเลย ที่จะคิดว่าสายเลือดที่น่ากลัวจะมีเยอะแยะอย่างมาก ถ้าเข้าได้สายเลือดใดๆแล้ว เขาอาจจะเดินเคียงข้างทวีปเทียนหยวนได้ เขาจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด เมื่อใดที่เขาเห็นคนที่ไม่ชอบ คนนั้นจะตาย.
ลั่วเทียนเริ่มน้ำลายไหล.
นี่มันบ้าอย่างมาก!
สายเลือดคือสิ่งที่ลึกลับที่สุดในทวีปเทียนหยวนและมันก็ทรงพลังอย่างมาก.
มีสองวิธีในการถ่ายโอนสายเลือด.
อย่างแรกคือ สืบทอดจากบรรพบุรษปกติ – เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เฒ่าผู้แก่เป็นคนที่มีอำนาจ อำนาจของเขาจะถูกส่งไปยังลูกหลานและบางคนอาจจะได้รับพลัง ไม่ว่าจะเป็นด้านบ่มเพาะหรือร่างกาย พวกเขาก็จะมีพลังขึ้นเป็นอย่างมาก.
อย่างที่สอง หลอมรวมกับสายเลือดสัตว์ร้าย – ถ้ามันประสบความสำเร็จก็หมายถึงการได้พลังของสัตว์ร้ายตัวนั้นๆ ยิ่งสัตว์ร้ายที่กลายเป็นสัตว์ปีศาจที่สูงเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะหลอมรวมสูงมากขึ้นเท่านั้น แต่ใครจะกล้ายั่วยุสัตว์ปีศาจเหล่านั้น?
ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดจากมรดกหรือสัตว์ปีศาจก็ตาม สายเลือดเหล่านี้ไม่อาจเทียบได้กับสายเลือดไร้พ่าย.
สายเลือดไร้พ่ายอันไหนก็ตามถ้าอยู่ในทวีปเทียนหยวนมันจะเป็นการอยู่ที่ไร้ยางอายอย่างมาก.
“ถ้าข้าจะแลกสายเลือด…”
หัวใจลั่วเทียนสั่นเมื่อเขาคิด แต่เมื่อเห็นอัตราการแลกเปลี่ยนตาของเเขาก็เปลี่ยนไปและเริ่มสถบ“น้องสาวเจ้า ระบบสารเลว เจ้ากล้าล้อเล่นกับข้า? เจ้าทิ้งสิ่งเหล่านี้เพื่อหลวงลวงข้างั้นรึ?!”
แต้มไร้พ่าย 2,000 แต้ม สามารถแลกสายเลือดมังกรครามได้…
20,000 แต้มสามารถแลก…
200,000,000 สามารถแลก…
ลั่วเทียนสถบหยาบ แต่เขาก็ยังมีความสุขอยู่ดี ความลับเหล่านี้ไม่ได้มีความสุขมากกว่าความไร้กังวล แต่เมื่อมองไปยังแต้มไร้พ่ายที่ต้องการแลกเปลี่ยนสำหรับสายเลือดมังกรคราม เขาก็ไม่อาจบ่นได้อีก หัวนึงเท่ากับแต้มหนึ่งแต้ม นั่นหมายความว่าเขาต้องฆ่าถึง 2,000 คนเพื่อที่จะได้รับสายเลือดมังกรคราม นี่มันจะไม่ทำให้เขาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง?
มองไปยังแต้มสี่แต้มที่น่าสงสารและโดดเดียวของแต้มไร้พ่าย มันห่างไกลอย่างมากกว่าจะถึง 2,000แต้ม.
ลั่วเทียนขี้เกียจอย่างมากที่จะสนใจ แต่คุณค่าของแต้มไร้พ่ายก็ไม่ได้หายไปหรือมีอะไรบางอย่าง ในเมื่อมนุษย์ทุกคนต้องกิน แต้มเหล่านี้มันก็จะเพิ่มไปได้ในตัวมันเอง.
หลังจากนั้น…
ลั่วเทียนหยิบซากศพของเสือดำและลงไปที่ตีนเขา.
————–
“เนื้อ เนื้อ ในที่สุดข้าก็ได้กินเนื้อ.”แสงสีทองกระพริบเต็มดวงตาของฟางเล่ยและน้ำลายก็เริ่มไหลออกจากปากของเขาเมื่อเห็นลั่วเทียนแบกเสือดำลงมา.
ลั่วเทียนยิ้มเบาๆและพูดว่า“เจ้าอ้วนเล่ย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะให้เจ้าได้กินเนื้อสัตว์ทุกวัน.”
เขายังไม่ทันพูดประโยคที่เหลือจนจบ…
ฟางเล่ยรีบวิ่งมาด้านหน้าของลั่วเทียนและเหวี่ยงเสือดำขึ้นไหล่ตัวเอง มีรอยยิ้มที่หยดย้อยขณะพูดอย่างสนิทสนม“นายน้อย ท่านเลี้ยงผู้คนได้ดีมาก.”
สายตาเหล่านั้นทำให้ลั่วเทียนสะท้านก่อนที่เขาจะพูดอย่างรวดเร็ว“เวนเจ้าอ้วน อย่างมองข้าอย่างนั้นและอย่าคิดอะไรทั้งนั้น แม้กระทั่งคิดถึงการกินเนื้อ.”
ไม่มีเนื้อสำหรับเขา?
ฟางเล่ยตื่นตระหนกและการแสดงออกของเขาดูเหมือนจะรู้สึกผิด จากนั้นเขาก็พูดอย่างน่าสงสาร“นายน้อย มันไม่เป็นไรนะ?”
ลั่วเทียนไม่อาจทนได้อีกและพูดอย่างรวดเร็วว่า“ไปล้างเนื้อเสือดำซะ ข้าหิวอย่างมาก.”
“ข้าจะทำตามคำสั่ง!”
ฟางเล่ยหยิบมีดและแบกซากเสือดำไปที่ลำธารเล็กๆอย่างกระตือรือร้น.
ครึ่งชั่วโมงต่อมา.
มีไฟลุกโชนและมีเนื้อบางส่วนถูกย่าง ไม่นานก่อนที่น้ำมันจะเริ่มหยดลงเปลวไฟ.
ลั่วเทียนเอาชิ้นเนื้ออย่างดีและให้มันฟางเล่ยด้วยรอยยิ้ม“เจ้ากินก่อน.”
ฟางเล่ยส่ายหัวและเขาก็คว้าชิ้นเนื้อที่ยังไม่สุกและมีเลือด เขานั่งลงและเริ่มกินอย่างมีความสุขและสแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจ“นายน้อย ข้าชอบกินเนื้อดิบ”
ลั่วเทียนเหมือนโดนสตั้นขณะมองไปยังฟางเล่ยที่กำลังเพลิดเพลินอย่างมากและไม่อานสรรเสริญได้ “พรสวรรค์อะไร!”
ในความทรงจำของลั่วเทียน ฟางเล่ยมีความสุขกับการกินเนื้อดิบอยู่เสมอตั้งแต่ที่เขายังเล็ก ยิ่งมีเลือดสดๆ เขาก็เหมือนกับสัตว์เดรัจฉาน.
ลั่วเทียนขี้เกียจเกินไปและไม่รำคาญกับเขาและคว้าเนื้อย่างบางส่วนและเริ่มกิน.
ขณะที่กินเนื้อดิบฟางเล่ยกำลังเหลือบมองลั่วเทียนด้วยท่าทางลังเล.
ลั่วเทียนมองเฉยและพูดว่า“ถ้าเจ้าต้องการจะพูดอะไร ก็พูดออกมา.”
ฟางเล่ยเกาหลังศรีษะด้วยท่าทางโง่ๆ“นายน้อย ท่านแข็งแกร่ง…”
ลั่วเทียนรู้ว่าฟางเล่ยอยากจะถามอะไร แต่เกี่ยวกับระบบไร้พ่ายเขาไม่ต้องการให้มีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะอธิบายเรื่องนี้ฟางเล่ยอาจจะไม่เข้าใจและเขาก็พูดว่า“วันนั้นเมื่อข้าถูกทุบโดยลั่วหยู่ข้าก็ฝันถึงปู่ เขารังษาบาดแผลทั้งหมดของข้าและให้พลังปราณกับข้าซึงยังเป็นเพียงแค่คนพิการ ไม่กี่วันที่ผ่านมาเจ้าก็เห็นว่ากำลังของข้ากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ.”
ฟางเล่ยอ้าปากค้าง แต่ก็ฟังอย่างจริงจัง เขาไม่สงสัยแม่แต่คำเดียวของลั่วเทียนและกล่าวว่า“นายน้อย นั่นหมายความเราสามารถแก้แค้นได้ในอนาคต?”
“เมื่อตอนี่ท่านได้รับบาดเจ็บโดยบุคคลลึกลับและจากนั้นก็กินยารวมปราณที่ล้มเหลว ทั้งหมดนี้เป็นแผนของลั่วจินซาน ข้าเชื่อว่าการตายของนายท่านคนก่อนจะเกี่ยวข้องกับเขาเช่นกัน เขาต้องการที่จะเป็นผู้นำตระกูลลั่ว ด้วยความพยายามร่วมกับผู้อาวุโสทั้งหลาย พวกเขาได้บังคับให้เกิดการต่อสู้ตัวต่อตัวซึ่งทำให้เกิดเป็นความตายที่น่าเศร้าของเขา.”
“นอกจากนี้ยังมีลั่วหลิน เขาได้เข้ามาเอาทุกอย่างที่ควรจะเป็นของท่านไป.”
“และยังมีลั่วหยู่ที่เอาคู่หมั้นของท่าน…”
หลังจากที่พูดมาถึงตรงนี้ก็มีน้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าของฟางเล่ยก่อนที่เขาจะก้มศรีษะลงเพราะความรู้สึกผิด“มันเป็นความผิดของสรรค์เฮงซวย มันเป็นความผิดของข้าที่ไร้ประโยชน์ ข้าบ่มเพาะอยู่ตลอดเวลา แต่ข้าก็ยังเป็นแค่ขยะปราณพื้นฐานขั้น 1 ก่อนที่แม่ของท่านตาย นางได้ฝากฝังกับข้าเป็นอย่างดี แต่ข้า ข้า…”
ฟางเล่ยจมไปกับการโทษตัวเอง.
ทุกครั้งที่ลั่วเทียนถูกเยาะเย้ยหรือถูกดูถูกแม้กระทั่งโดยทำร้าย เขาก็คิดถึงเรื่องนี้.
เมื่อตันเถียนของลั่วเทียนพิการและไม่อาจบ่มเพาะได้อีกต่อไป ฟางเล่ยก็เริ่มการบ่มเพาะด้วยตัวเองเพื่อปกป้องลั่วเทียน แต่หลังจากผ่านไปหลายปีการบ่มเพาะอย่างหนัก การบ่มเพาะของเขาก็ยังคงเป็นขั้นหนึ่ง มันไม่มีอะไรที่จะพัฒนาขึ้นไปได้เลย.
หัวใจลั่วเทียนไม่อาจไม่รู้สึกหดหู่ได้ เขาวางมือลงบนไหล่ของฟางเล่ยและพูดอย่างจริงจัง“ไม่ต้องกังวล อะไรก็ตามที่ตระกูลลั่วทำกับข้า ข้าจะทำให้พวกมันจ่ายคืนเป็นร้อนเท่าหรือแม้กระทั่งพันเท่า ข้าจะไม่ปล่อยให้มันสักคนเดียวที่จะรอดไป ข้าจะทำให้ทุกคนเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้.”
“ข้า ลั่วเทียน สาบานต่อสวรรค์!!!”
—————
¹ – รู้จักในชื่อของผู้สร้าง ในบทสุดท้ายของเรื่อง Coiling Dragon.