เกิดใหม่กับระบบไร้พ่าย - Chapter 33 – ต่อไป ลั่วเทียน
Chapter 33 – ต่อไป ลั่วเทียน
เมื่อช่วงเย็นมาถึงในบริเวณของลานฝึกตระกูลลั่วที่เมืองภูเขาหยกได้สว่างขึ้นมาราวกับประทีป.
เหล่าสาวกตระกูลลั่วได้เดินเข้าไปที่ลานฝึก บางคนดูมีความสุขขณะที่บางคนดูหดหู่ นอกจาหนี้ยังดูเหมือนกับคนที่กำลังจ้องมองไปในความหวังของเขาในอนาคต.
“นายน้อยลั่วเหว่ยอยู่ที่นี่.”
“ลูกชายของอาวุโสสาม เขาหนึ่งในผู้ท้าชิงที่สุดยอดมากในการล่าสัตว์ปีนี้ สำหรับคนที่อยู่ปราณพื้นฐานระดับ7 เขาอาจจะได้ฆ่าสัตว์ปีศาจเป็นจำนวนมาก.”
“ลั่วเฉินมาแล้ว.”
“ลูกชายของผู้อาวุโสสอง ลั่วเฉินเขาก็อยู่ปราณพื้นฐานระดับ7เหมือนกัน คล้ายกับนายน้อยลั่วหลิน.”“ทำไมนายน้อยลั่วหลินถึงยังไม่กลับมา?”
“ไม่ต้องห่วง ท่านคิดว่าใครคือนายน้อยลั่วหลิน? เขาน่าจะมาปรากฎเป็นคยสุดท้ายและทะยานขึ้นสู่อันดับ1.”
“ถูกต้อง ลั่วหลินแข็งแกร่งเป็นอย่างมากและยังเป็นนายน้อยของตระกูล คนที่แข็งแกร่งเช่นเขามักจะกลับมาสุดท้ายเสมอเพื่อโอ้อวด.”
“ข้ากำลังรอคอยที่จะได้เห็นนายน้อยลั่วหลิน.”
บนลานฝึก.
ลั่วจินซานมีรอยยิ้มที่หน้าของเขาเป็นครั้งคราวในขณะที่บางครั้งก็มีการแสดงออกที่หยิ่งยโส.
การแข่งขันล่าสัตว์เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปีและลูกชายของเขากำลังจะได้เฉิดฉายเป็นที่แรก สิ่งนี้แน่นอนว่าเขาจะได้รับตพแหน่งในการที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้นำตระกูล.
นอกจากนี้…
ลั่วหลินได้กำจัดลั่วเทียนและจะทำให้ตำแหน่งของเขามั่งคงยิ่งขึ้น.
เขาไม่สามารถที่จะอดหัวเราะภายในใจของตัวเองได้ด้วยความคิดเหล่านี้เพราะมันเป็นวันที่ดีของเขา.วินาทีและนาทีได้ผ่านไปและสมาชิกตระกูลลั่วเริ่มปรากฎทีละคน.
ลั่วจินซานได้จ้องมองไปยังทางเข้าลานฝึกตระกูลลั่วและพวกเขาก็ไม่สามารถสงบได้อีกต่อไป.ทำไมเขายังไม่ปรากฎ?
“พี่ใหญ่ทำไมลั่วหลินยังไม่กลับมา?” ลั่วเซียวซานอดไม่ได้ที่จะถามออกมา.
ในด้านข้างของลั่วเซียวซานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและกล่าวว่า “ไม่สมควรที่จะเกิดอุบัติเหตุใช่หรือไม่? ข้าได้ยินมากว่าสัตว์ปีศาจระดับ 4 กระทิงเดือดฟ้าคะนองได้ฆ่าสมาชิกตระกูลลั่วไปถึงครึ่งนึง ลั่วหลินสามารถ…”
“แม่เจ้าเป็นหมางั้นรึ!”
ลั่วเซียวซานสาปแช่ง “ลูกชายเจ้ายังไม่ตายแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้่นกับหลานชายเจ้าได้อย่างไร? เขาอาจจะต้องการ การเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่เพื่อให้ลูกชายของเจ้าเลิกฝันเกี่ยวกับการได้ที่หนึ่ง!”
ลั่วโจวซานหน้าเปลี่ยนสีขณะที่เขาจ้องมองไปที่ลั่วเซียวซาน “เจ้า…!”
ลั่วจินซานกระแอมและพูดว่า “เสียวซาน โปรดให้เกรียติอาวุโสที่สาม.”
แม้ว่าลั่วจินซานจะบอกอย่างนั้นแต่เขาก็ยังพยายามที่จะปกปิดความกังวลที่เกิดขึ้นในสายตาของเขา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกชายของเขาแผนการของเขาจะไม่อาจสมบูรณ์ได้.
“ไม่มีทางที่จะเกิดอะไรขึ้นกับลั่วหลิน.” ลั่วจินซานเริ่มที่จะกังวล.
ทันใดนั้น…!
มีความสับสนวุ่นวายเกิดขึ้นบริเวณทางเข้า.
“ลั่ว… ลั่ว… ลั่วเทียนกลับมาแล้ว!”
พริบตา…
ลานฝึกตระกูลก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้น.
“ไอ้เศษขยะนั่นกลับมาได้?”
“เด็กคนนี้โชคดีจริงๆที่เข้ากลับมาได้อย่างมีชีวิต เขาอาจจะซ่อนตัวอยู่ในถ้ำเป็นเวลา สามวันสามคืน ด้วยการเพาะปลูกของเขามันไม่สามารถที่จะทำให้เขาฆ่าสัตว์ปีศาจตัวไหนๆได้.”
“เจ้า ไอ้ขยะ! แกกล้าเรียกนายน้อยลั่วเทียนแบบนั้นอีกบิดาจะกระทืบเจ้าให้จมดิน!”
“บัดซบอันใด? เจ้าป่วยไปแล้วหรอเฉินฉี? หลังจากที่เจ้าเข้าร่วมล่าสัตว์แล้วเจ้าได้ลืมแซ่ของเจ้า? เจ้ากับข้าต้องการที่จะจบไหม? เป็นไปได้ไหมที่เจ้าก็เคยทุบตีไอ้ขยะลั่วเทียน?”
“ปัง!”
หมัดถูกปล่องก่อนที่จะมีน้ำเสียงที่เยือกเย็นเกิดขึ้น “เจ้าต้องถูกทุบตี!”
มีอีกหลายแห่งที่เกิดความวุนวายแบบนี้ในลานฝึกโดยส่วนหนึ่งเกิดจากสาวกตระกูลลั่วที่ได้กลับมาจากเทือกเขาวิญญาณและกำลังลุกขึ้นสู้เพื่อลั่วเทียนฉากนี้ทำให้ลั่วจินซานหรี่ลงและพูดกับตัวเอง “โลกนี้เกิดอะไรขึ้น?”
ขณะที่ลั่วเทียนก้าวเข้ามาในลานฝึกเขาก็มองไปที่ตรงกลางของลาน เขาเห็นแสงสีทองระยิบระยับและไม่สามารถที่จะลอบกลืนน้ำลายลงและพูดกับตัวเอง “บอส… นี่มันลาสบอสชัดๆ!”
เขาต้องการที่ีจะฆ่าลั่วจินซานโดยทันที.
แต่…
ปราณพื้นฐานระดับ9 ไม่อาจมีพลังพอที่จะต่อต้านการเคลื่อนไหวของลั่วจินซาน.
สิ่งเดียวที่ลั่วเทียนทำได้คืออดทน!
ลั่วโจวซานลุกขึ้นยืนและพูดเบาๆ “พี่ใหญ่จินซานตอนนี้ฟ้าได้มืดลงแล้ว ถึงเวลาที่จะนับคะแนนได้หรือยัง?”ลั่วจินซานพยักหน้า “เริ่มกันเลย.”
สายตาของเสียวซานเปลี่ยนไปและเริ่มกระซิบ “พี่หใญ่เจ้าสุนัขนั่นมีชีวิตรอดได้อย่างไร?”
ใบหน้าของจินซานมืดลงเมื่อเขาเห็นรอยยิ้มของลั่วเทียน หัวใจของเขารู้ึสกอึดอัดมาก แต่เขาไม่มีเวลาพอที่จะคิดถึงเหตุผลเพราะเขากังวลเกี่ยวกับลั่วหลิน.
ตั้งแต่ที่ลั่วเทียนมีชีวิตอยู่ มันเกิดสิ่งใดขึ้นกับลูกชาย?
ไม่มีทาง ไม่มีทางไหนเลยนอกจากลั่วหลินแล้วยังมีลั่วหมิงอีกซึ่งอยู่ในขั้นปราณก่อตั้งขั้น 3 ดังนั่นจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ นั้นเป็นวิธีที่ลั่วจินซานปลอบโยนตัวเอง.
“ลั่วปิง หนึ่งหัวสัตว์ปีศาจระดับ 1 เขาได้รับ 1 แต้มและมีคุณสมบัติที่จะเข้าไปเป็นสมาชิกหลักตระกูลลั่ว.”
“ลั่วซิง หนึ่งหัวสัตว์ปีศาจระดับ 1 เขาได้รับ 1 แต้มและมีคุณสมบัติที่จะเข้าไปเป็นสมาชิกหลักตระกูลลั่ว.”
“ลั่วฉิน หนึ่งหัวสัตว์ปีศาจระดับ 1 เขาได้รับ 1 แต้มและมีคุณสมบัติที่จะเข้าไปเป็นสมาชิกหลักตระกูลลั่ว.”
ทุกคนที่นำหัวสัตว์ปีศาจออกมาทุกคนมีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นสมาชิกหลักของตระกูล ในหัวใจของพวกเขารู้สึกขอบคุณลั่วเทียนเป็นอย่างมาก.
การประกาศดำเนินต่อไปในลานฝึก.
“พวกเขาทั้งหมดมีเพียงหนึ่งแต้ม? เหล่าสาวกเหล่านี้เป็นคนที่อยู่เพียงพื้นฐานระดับ 3 เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฆ่าสัตว์ปีศาจระดับ 1ได้.”
“นรก ไม่ใช่ว่าโชคของพวกเขาดีเกินไปเล็กน้อยหน่อยหรอ?”
“การร่วมกันต่อสู้มันไม่ค่อยถูกต้อง? สัตว์ปีศาจระดับ 1 มีความแข็งแกร่งมากดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่พวกเขาจะฆ่าได้ ถูกไม๊?”
“ต่อไปลั่วเว่ย.”
คนหนุ่มที่ดูหล่อเหลาและมั่นใจที่กำลังเดินมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความั่นใจ เขาเทหัวของสัตว์ปีศาจออกทำให้ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่
ลั่วโจวซานยิ้มด้วยความพอใจ
คนที่ทำการนับหัวสัตว์ปีศาจยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มนับหัวสัตว์ปีศาจอย่างรวดเร็ว.
ไม่กี่นาทีต่อมา…
“ลั่วเว่ย 32 หัวสัตว์ปีศาจระดับ 1 เขาได้รับ 32 แต้มและมีคุณสมบัติที่จะเป็นสมาชิกหลักของตระกูล.”
“ความสามารถในการเด็ดหัวสัตว์ปีศาจระดับ 1 ได้ถึง 32 หัว มันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่านายน้อยลั่วเว่ยอยู่ในขั้นปราณพื้นฐานระดับ 7 เท่านั้น.”
มีหลายคนตกใจปรากฎอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
“ต่อไป ลั่วเฉิน!”
อาวุโสสองลั่วชางซานลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มขณะที่จะมองไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังก้าวออกมา.
ลั่วเฉินเดินมาด้วยความมั่นใจไปยังกลางลานฝึก จากนั้นเข้าก็เอาป้ายมิติออกมาสามแผ่นและะพูดด้วยความมั่นใจ “ทั้งสามแผ่นนี้เต็มไปด้วยหัวของสัตว์ปีศาจมากกว่า 130 ตัว ในหมู่พวกมันมีสามสัตว์ปีศาจระดับ 2 ดังนั้นข้าควรจะได้แต้มทั้งหมด 405 แต้ม.”
ขณะที่เขาพูกอย่างนั้นเขาก็มองขึ้นไปยังเวลทีและได้เห็นพ่อของเขาลั่วชางซานอย่างรวดเร็ว.
ลั่วชางซานมีรอยยิ้มที่ดูสดมใสและแสดงความพึงพอใจกับผลงานของลูกชายของเขา ที่หางตาของเขาได้เห็นรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดของลั่วจินซานก่อนที่จะพูดกับตัวเอง “การเพาะปลูกของลูกชายเจ้ามากกว่าแล้วไง แค่คนเดียวจะสามารถแข่งกับลูกชายของข้าและคนอื่นๆอีก20คนได้อย่างไร? ลูกชายของข้าจะกลายเป็นอันดับหนึ่งในลานฝึกแห่งนี้ 555…”
ภายในตระกูลลั่ว ลั่วชางซางมีอำนาจเป็นอันดับสองต่อจากลั่วจินซาน.
สำหรับการล่าสัตว์แห่งนี้ลั่วชางซานได้แอบติดสินบนสาวกระดับสูง 20 คนในตระกูลลั่วเพื่อฆ่าสัตว์ปีศาจและนำมามอบให้กับลั่วเฉิน วัตถุประสงค์ของเขาคือการขึ้นเป็นอันดับหนึ่งและได้รับหินหยวนเมื่อลั่วเฉินได้รับหินหยวนแล้วเขาจะก้าวขึ้นไประดับ 8 ปราณพื้นฐานภายในหนึ่งปีและมีคุณสมบัติในการคัดเลือกจากนิกายเมฆคราม ตราบเท่าที่ลูกชายของเขาได้รับเลือกเขาจะได้รับการสนับสนุนจากนิกายเมฆครามและไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะได้ควบคุมตระกูลลั่ว.
“ลั่วจินซาน เจ้าต้องการแข่งกับข้า ฮี่ๆ…”ลั่วชางซานเริ่มหัวเราะในใจของเขา
หัวของสัตว์ปีศาจได้ไหลออกมาจากป้ายมิติอย่างรวดเร็ว ผู้ควบคุมทั้ง 10 คนที่มีหน้าที่ในการนับล้วนมีใบหน้าที่ประหลาดใจก่อนที่เขาจะเริ่มนับจำนวนมันอย่างรวดเร็ว.
หลังจากนั้น 10 นาที ผลก็ออกมา
“ลั่วเฉิน มีหัวสัตว์ปีศาจ 398 หัวจากการล่า ด้วย 405 แต้ม ปัจจุบันเขาอยู่อันดับที่ 1และได้ทำลายสถิติในอดีต.”
“แข็งแกร่งยิ่ง.”
“น่าเหลือเชื่อนัก เขาทำอย่างไรถึงฆ่าสัตว์ปีศาจได้เกือบ 400 ตัว?”
“ทำลายสถิติของตระกูลลั่ว เขาดูน่ากลัวอย่างยิ่ง.”
มีเสียงดังก้องอยู่ในฝูงชนและทุกคนก็มีลักษณะที่อิจฉาให้เห็น แม้กระทั้งสาวๆในตระกูลลั่วก็เริ่มที่จะแสดงความรักต่อลั่วเฉิน.
ลั่วจินซานมองดูด้วยใบหน้าที่น่าเกลียดเป็นอย่างมาก.
สิ่งที่เขากังวลคือการปรากฎตัวเป็นคนสุดท้าย และเขาเริ่มสถบภายในใจของเขา “เจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าสารเลวร้ายกาจมากนัก ลั่วหลินทำไมเจ้ายังไม่กลับมา?”
“ต่อไปฟางเล่ย.”
“555 เป็นทาสของตระกูลลั่วที่เข้ามาแข่งขัน?”
“มันเป็นกลุ่มขยะสองตัว.”
ฟางเล่ยทำราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องราวที่ไร้สาระ เขาเดินไปกลางลานฝึกและพูดจาโง่ๆออกมา “ข้าไม่มีแม้แต่หัวเดียว.”
“5555…”
“เรารู้แล้วว่าเจ้าขยะนี่ต้องไม่มี เศษขยะก็จะสามารถฆ่าสัตว์ปีศาจได้อย่างไร?”
“…”
ลั่วจินซานแสดงท่าทีที่ดูถูกและพูดในใจ “เป็นเพียงขยะแต่ยังคาดหวังที่จะเข้าร่วมในการล่าสัตว์? ดูเหมือนว่าลั่วเทียนจะทำผลงานไม่ได้ดีนักขณะที่ลั่วเฉินเป็นคนที่ยากจะจัดการ ตราบเท่าที่ลั่วหลินสามารถกลับมาได้ทันก็ไม่ควรจะมีปัญหาใดๆ ในการทุบตีลั่วเฉินเนื่องจากความช่วยเหลือของลั่วหมิง.
ฟางเล่ยไม่โกรธหรือร้อยลน แม่ว่าคนอื่นๆจะด่าว่าเขา เขาก็ไม่สนใจตราบเท่าที่พวกเขาไม่ได้ด่าเจ้านายของเขา เขาเพิ่งเดินกลับมาและลั่วเทียนก็ยิ้มด้วยความรังเกียจ.
ช่วยไม่ได้ที่ลั่วเทียนจะยิ้ม.
ในเวลานี้…
“ต่อไปลั่วเทียน!”