หมอดูสาวผู้หยั่งรู้ - ตอนที่3 หมอดูหวัง
หลังจากกินบะหมี่ด้วยความเบื่อหน่ายแล้วหลินชิงหยินได้ล้างถ้วยและเหลือบมองดูนาฬิกา และเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้ว นางจึงตัดสินใจที่จะไปร้านขายหนังสือ
เพื่อหาดูว่าพอจะมีหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์แห่งตัวเลขบ้างหรือเปล่า
ครอบครัวหลินชิงหยินอาศัยอยู่ในเมืองเก่า ซึ่งอยู่ห่างจากร้านหนังสืออย่างน้อยสิบป้ายรถเมล์
หลินชิงหยินนั่งรถเมล์และจ้องมองออกไปทางหน้าต่าง เธอมองดูภาพเคลื่อนไหวตามข้างทางที่รถวิ่งผ่านไป
ขณะที่รำพึงรำพันในใจว่า เพียงแค่ หนึ่งพันปีผ่านไปคนในยุคนี้ก็สามารถขึ้นไปบนท้องฟ้าได้และยังสามารถดำดิ่งลงไปในท้องทะเลได้
พวกเขาเกือบจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้แล้ว บางทีองค์ความรู้ในศาสตร์แห่งตัวเลขก็อาจจะมิได้ช่วยอันใดมาก
หลังจากลงจากรถเมล์แล้ว หลินชิงหยินได้เดินเข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่ง ความเย็นลอยมาปะทะร่างของเธอและขับไล่มวลอากาศร้อนออกไปจนหมดสิ้น
ในความทรงจำของเธอนั้น เจ้าเครื่องที่ช่วยทำความเย็นนี้เรียกว่าเครื่องปรับอากาศ
มันเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในชีวิตประจำวันของมนุษย์ในยุคนี้ซึ่งช่วยปรับอุณหภูมิในห้อง แต่ทว่าครอบครัวของหลินชิงหยินนั้นไม่มีเครื่องนี้ เพราะว่าครอบครัวของเธอยากจนข้นแค้นเป็นที่สุด
ร้านหนังสือแห่งนี้มีทั้งหมดเจ็ดชั้นและมีหนังสือมากมายอยู่ในร้าน จากนั้นหญิงสาวได้เดินวนดูทุกแผนกเป็นเวลาหลายชั่วโมง
แต่ก็ยังไม่พบหนังสือที่ต้องการ ตอนนี้เธอหลับตาลงและพยายามค้นหาความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมนี้
แต่กลับพบว่าเจ้าของร่างนี้ไม่มีความสนใจในศาสตร์แห่งตัวเลขนี้เลยแม้แต่น้อย
และในขณะนั้นมีผู้ชายรูปร่างอ้วนท้วมอายุประมาณสามสิบปีเดินผ่านมาพอดี
ในมือของเขาถือโทรศัพท์มือถือและกำลังสนทนาผ่านโทรศัพท์เครื่องนั้นท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จับจ้องไปยังเขา
"ฉันอยู่ในร้านหนังสือ!นายกำลังพูดอะไร?ทำไมฉันจะซื้อหนังสือไม่ได้?
ฉันจะบอกให้ฟังนะการทำนายโชคชะตาเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์ อย่าไปเชื่อในสิ่งที่ศาสตราจารย์งี่เง่าพวกนั้นพูด"
ทันใดนั้นหลินชิงหยินได้เก็บหนังสือเข้าชั้นและเดินตามหลังชายคนนี้ไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
และหลังจากเดินวนอยู่ประมาณ เจ็ดถึงแปดรอบ เธอได้เงยหน้าขึ้นไปยังชั้นหนังสือหมวดลึกลับ จากนั้นแววตาแห่งความพึงพอใจจึงฉายผ่านเข้ามาในดวงตาของเธอ
ชายอ้วนท้วมคนนั้นเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าของตนเองและหยิบหนังสือจากชั้นขณะที่เขาขมวดคิ้วและจ้องมองดูมันอยู่สักครู่ และจากนั้นเขาก็เก็บมันเข้าไปที่เดิม ขณะที่เธอได้ยินเสียงเขาบ่นพึมพำกับตัวเองว่า
"นี่มันภาษาจีนโบราณ ฉันอ่านไม่ออก"
หลินชิงหยินยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่สามเมตรเท่านั้น และหลังจากเขาเดินจากไปเธอจึงรีบหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาและเปิดดูด้วยความรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าเนื้อหาในหนังสือเล่มนั้นเหมือนกับความรู้ของเด็กอนุบาล หลินชิงหยินจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้มีความเจริญก้าวหน้าไปมาก แต่ศาสตร์แห่งตัวเลขกับล้าหลังได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ? เนื้อหาในหนังสือไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย แม้แต่ลูกศิษย์หน้าใหม่ของสำนักพยากรณ์ก็ยังมีความรู้มากกว่านี้!
หรือว่าความรู้เกี่ยวกับศาสตร์แห่งตัวเลขจะหายสาบสูญไปแล้ว?
จากนั้นได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
"หนังสือเล่มนี้ดีมาก"
ในที่สุดชายอ้วนท้วมคนนั้นก็สามารถหาหนังสือที่เขาถูกใจพบ เขาหัวเราะด้วยความพึงพอใจราวกับว่าเขาค้นพบสมบัติล้ำค่า
เมื่อเห็นดังนั้น ความสนใจทั้งหมดของหลินชิงหหยินจึงพุ่งไปที่หนังสือที่อยู่ในมือของเขา และพบว่ามันเป็นฉบับแปลจากภาษาท้องถิ่นซึ่งไร้เหตุผลและเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดมากมาย
หลินชิงหยินจ้องมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาด
"เธอมองอะไร?รู้จักหนังสือเล่มนี้หรือ?"
เขากล่าวขณะที่เชิดคางขึ้นและส่ายหัวเล็กน้อย
"หนังสือเล่มนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เชียวนะ ตราบใดที่ฉันมีหนังสือเล่มนี้ฉันจะสามารถทำนายเหตุการณ์ที่ดีและร้ายได้
เรื่องลึกซึ้งแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างเธอจะสามารถเข้าใจได้"
หลินชิงหยินจ้องมองดูหนังสือเล่มนั้นและหัวเราะอย่างแผ่วเบาขณะที่กล่าวว่า
"ให้หนูลองทำนายชะตาชีวิตของคุณดูไหมคะ หนูคิดว่าในวันนี้คุณจะต้องมีเลือดตกยางออกอย่างแน่นอน ระวังหน้าผากของตัวเองเอาไว้ด้วยนะคะ"
"เด็กแบบเธอมาพูดกับฉันแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
รู้หรือเปล่าว่า ฉันสามารถทำร้ายเธอได้ราวกับพลิกฝ่ามือ ถ้าเก่งจริงเดี๋ยวออกไปข้างนอกแล้วเจอกัน!"
หลังจากชายร่างอ้วนท้วมดุด่านางเสร็จแล้ว ได้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเขาจึงมิได้ใส่ใจที่จะพูดกับเธออีกต่อไป จากนั้นเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าและตะคอกว่า
"อะไรอีกล่ะ?" มิทราบว่าเสียงจากทางปลายสายกล่าวว่าอะไร แต่เขากล่าวต่อไปว่า
"มีงานหรือ?" ดวงตาของชายผู้นั้นสว่างวาบ ขณะที่เสียงของเขาแผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัด และเขาใช้มือป้องปากของตนเองขณะที่กล่าวว่า
"เกี่ยวกับอะไร? มีผู้หญิงอยากดูดวงหรือ? เยี่ยมมาก นายช่วยรั้งเธอเอาไว้ก่อน ฉันจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ และจะแบ่งให้ห้าสิบเหรียญเมื่อเสร็จงาน"
หลังจากวางสายเรียบร้อยแล้ว ชายร่างอ้วนท้วมผู้นั้นก็ขยิบตาให้กับหลินชิงหยินและกล่าวออกมาด้วยความภาคภูมิใจว่า
"เห็นหรือยัง สิ่งนี้สามารถทำเงินได้ ฉันไม่ได้พูดเล่นกับเธอนะ!"
หลังจากกล่าวจบเขาได้เก็บหนังสือเล่มนั้นคืนเข้าชั้นและรีบเร่งเดินจากไป
หลินชิงหยินนึกขึ้นได้ว่า ตั้งแต่เช้าเธอใช้เวลาเดินไปเดินมาอยู่ในนี้ร่วมสองชั่วโมงแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ได้ลูกค้าสักราย
ดังนั้นเธอจึงหมุนตัวเพื่อเดินตามเขาออกไป เพราะต้องการที่จะเห็นว่าเขาใช้ทักษะอะไรในการทำนายโชคชะตา
สถานที่นัดหมายของชายร่างอ้วนอยู่ไม่ไกลจากร้านหนังสือแห่งนี้มากนัก ใช้เวลาเดินประมาณเจ็ดถึงแปดนาทีก็มาถึงถนนแห่งหนึ่ง
ซึ่งทั้งสองข้างทางของถนนมีตึกเก่าและแผงลอยขายของจิปาถะมากมายหลายชนิด และเธอพบว่าชายร่างอ้วนท้วมเป็นหมอดูเพียงผู้เดียวบนถนนเส้นนี้
เมื่อเห็นว่าชายร่างอ้วนท้วมเดินเข้ามาแล้วพ่อค้าหาบเร่ที่กำลังสนทนากับป้าคนหนึ่งมาเป็นเวลานานก็รู้สึกโล่งใจ เขารีบโบกไม้โบกมือให้ชายอ้วนเข้าไปหา
"อาจารย์! ในที่สุดอาจารย์ก็กลับมาแล้ว พี่สาวคนนี้ต้องการที่จะดูดวง"
"คุณต้องการดูดวงหรือ?"
ป้าคนนั้นจ้องมองดูชายร่างอ้วนท้วมด้วยความรู้สึกสงสัยและคลางแคลงใจ ขณะที่เธอหลุดปากกล่าวออกมาว่า
"คุณทำนายดวงได้จริงหรือ?"
เมื่ออาจารย์หวังได้ยินคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความข้องใจของป้าคนนั้นจึงเกิดความรู้สึกโมโหและโพล่งออกมาด้วยความเดือดดาลว่า
"แน่นอน ผมต้องทำได้อยู่แล้ว!คุณลองถามผู้คนแถวนี้ดูสิ คุณจะได้รู้ว่าผู้คนแถวนี้จะต้องมาหาผมเมื่อพวกเขาจะแต่งงาน ถ้าผมไม่มีความสามารถพวกเขาจะมาเสียเงินให้ผมทำไม?"