วิถีสู่สวรรค์ - PTH8 สาวงามผู้เย็นชา
“เขตขั้นแก่นทองคำ?” เว่ยสั่วกลืนน้ำลาย “ผู้อาวุโสเขียว ที่ว่าช่วยท่านสร้างร่าง…หมายความว่ายังไง?”
ผู้ฝึกตนคนหนึ่งสามารถใช้วิชาและอาวุธได้หลากหลาย ซึ่งแบ่งแยกตามระดับเฉพาะของตน ส่วนเขตขั้นอย่างที่ได้กล่าวไป แบ่งออกได้ทั้งหมด 6 เขตขั้น ได้แก่ทะเลศักดิ์สิทธิ์ วัฎจักรสวรรค์ แตกฉาน แก่นทองคำ ลี้ลับ และ เซียน ซึ่งแต่ละเขตขั้นแบ่งย่อยได้เป็น 5 ระดับ… วิชากระบี่วารีของเว่ยสั่วเป็นเพียงวิชาระดับล่าง เขตขั้นพลังอยู่เพียงทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 2 ด้วยอายุและความก้าวหน้า ไม่มีทางที่เขาจะได้บรรลุเขตขั้นแก่นทองคำ แต่หากชายชราช่วยได้จริง เขาก็พร้อมทุ่มทุกสิ่ง
“จิตวิญญาณสมบัติอย่างข้า มีร่างกายเป็นสมบัติ หากโถใบนั้นยังไม่แตก ต่อให้ข้าอยู่ไปอีกหมื่นปีก็ไม่เป็นปัญหา แต่หากสมบัติเสียหาย อักขระอาคมที่สลักเอาไว้เสื่อมสูญ ทิ้งไว้ไม่กี่ร้อยปี ปราณที่อยู่ภายในสมบัติจะเสื่อมไป ทำให้ตัวตนของหายไปตลอดกาล ดังนั้นการสร้างร่างที่ข้าหมายถึง คือการหาวัสดุมาสร้างร่างกายให้ข้าใหม่”
“สร้างร่างกายใหม่?”
“ใช่… เหตุผลที่ข้าต้องดื่มโลหิตแมงป่องเพลิงและโลหิตมังกรเพลิงพิภพ ข้าเองก็ไม่รู้ แต่มันเป็นผลมาจากนายคนแรกที่สร้างข้าขึ้นมา ข้ารู้แค่เพียงว่า หากได้ดื่มโลหิตเหล่านั้นแล้ว จิตวิญญาณของข้าจะทรงพลังมากขึ้น กระทั่งออกห่างจากร่างของข้าได้ไกลถึง 10 ลี่” ชายชรากล่าว “ข้าแค่อยากเป็นอิสระ อยากท่องโลกด้วยตัวเอง แต่ยามนี้ข้าไม่ต่างจากนักโทษที่ถูกขังอยู่ภายในโถใบนั้น”
“น่าสงสารมาก” เว่ยสั่วเข้าใจชายชรา ชายชราคือจิตวิญญาณสมบัติ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานไม่ต่างจากทาส การที่ได้เป็นทาสมาหลายหมื่นปี ผัดเปลี่ยนผู้เป็นนายมาแล้วมากมาย แม้ผู้เป็นนายจะตายแต่ตนเองยังไม่อาจเป็นอิสระ นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างที่สุด “ท่านรู้วิธีสร้างร่างกายของท่านหรือเปล่า? ต้องใช้วัสดุอะไรบ้าง? หรือต้องใช้แขน…ขาของข้า?”
“ดูนี่” ชายชรารู้ว่าเว่ยสั่วจะไม่ปฏิเสธ จึงกวาดมือไปด้านหน้า แสงสีเขียวก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของบางสิ่ง
“ศิลาห้าสี สมุนไพรเซียนจันทรา ผลอีกาทองคำ และเขตขั้นแก่นทองคำที่ 3? ท่านกำลังจะบอกข้าว่า ข้าต้องหาของเหล่านี้และต้องบรรลุเขตขั้นแก่นทองคำที่ 3 จึงจะช่วยท่านสร้างร่างกายใหม่ได้?” เว่ยสั่วจ้องมองสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้า
“เจ้าจะช่วยข้าหรือเปล่า?” ชายชรากล่าวถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ช่วยก็โง่แล้ว” เขาหัวเราะ “แค่ต้องหาสิ่งให้ท่าน… แต่ว่าจนถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่เคยได้ยินชื่อของพวกมัน เมื่อถึงยามนั้นหากข้าหาไม่ได้จริงๆ ท่านอย่าตำหนิข้าก็แล้วกัน”
“เจ้าไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้น” ชายชรากล่าวด้วยความมั่นใจ “ข้ารู้ว่าที่แคว้นนี้ไม่มีสิ่งที่ข้าต้องการ แต่ข้ารู้ว่าที่ไหนมี!”
“ถ้างั้นก็ตกลง ข้าจะช่วยท่าน” เว่ยสั่วจ้องมองชายชราด้วยสายตาจริงจัง “ผู้อาวุโสเขียว เราคุยกันมาก็นานแล้ว ข้ายังไม่รู้จักชื่อท่านเลย… ข้าชื่อเว่ยสั่ว”
“เราคงเคยเป็นสหายกันเมื่อชาติปางก่อนถึงได้คุ้นเคย!” ชายชราบ่นกล่าวในใจก่อนกล่าว “เรื่องชื่อไม่สำคัญ เจ้าอยากเรียกอะไรก็ตามใจเถอะ”
“งั้นข้าเรียกท่านว่าเขียวดีมั้ย? หรือเขียวน้อยดี?”
“เรียกข้าว่าผู้อาวุโสเขียวนั่นแหละ”
“เรียกท่านว่าผู้อาวุโสเขียวมันฟังดูแปลกๆ งั้นข้าเรียกท่านว่าผู้อาวุโสเฉยๆก็แล้วกัน” เว่ยสั่วนอนพัก การสร้างยันต์ผลาญพลังไปมาก ทำให้เขาเหน็ดเหนื่อย “ในเมื่อเราตกลงกันแล้ว ข้าต้องทำอะไรต่อไป?”
ชายชราจ้องมองเว่ยสั่วด้วยสายตาเย้ยหยัน “เจ้าก็เห็นสภาพของเจ้าในตอนนี้ แค่สร้างยันต์ไม่เท่าไหร่ก็หมดแรงซะแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือสร้างยันต์เพลิงไปขาย แลกเอาศิลาวิญญาณมาเพื่อยกระดับพลัง”
เว่ยสั่วกล่าวถามด้วยความเขินอาย “ผู้อาวุโส ท่านไม่มีอะไรเป็นตัวช่วยบ้างเลยเหรอ?”
“ตอนนี้ยังไม่มี ไว้เจ้าบรรลุเขตขขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 4 เมื่อไหร่ค่อยว่ากัน” ชายชราส่ายหน้าพลางกล่าว “แต่ข้ารู้วิธีสังหารแมงป่องเพลิง!”
“จริงเหรอ?” แววตาเว่ยสั่วเปล่งประกาย
…
“เว่ยเว่ย ใครทำให้เจ้าไม่พอใจ?” จี้หยาเห็นหานเว่ยเว่ยเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจจึงกล่าวถาม แต่เว่ยเว่ยยกมือปรามก่อนจะนั่งลงข้างๆจี้หยา หากเว่ยสั่วเห็นท่าทางของนางยามนี้ คงกลั้นหัวเราะไม่ไหว
สตรีนางหนึ่งในอาภรณ์ม่วง ผมปักปิ่นรวบเข้า มีนามว่าจี้หยา เป็นเจ้าของศาลาสมบัติแห่งเมืองจิตวิญญาณสูงสุด… ศาลาสมบัติเป็นร้านขายสมบัติที่มีขนาดที่สุดในเมือง และเป็นร้านค้าที่ทำเงินมากที่สุดในเมือง นอกจากนี้ นางยังเป็นนักปรุงโอสถเพียงไม่กี่คนในเมือง ทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสาวงามผู้เย็นชาของเมือง
ในแต่ละวัน มีผู้คนมากมายเดินทางมายังศาลาสมบัติเพื่อซื้อขายสมบัติ เมื่อคนเหล่านั้นได้เห็นภาพวาดของจี้หยา ไม่มีผู้ใดลบภาพนางออกจากหัวได้ เพราะรูปร่างของนางเย้ายวน ใบหน้างดงาม อกคู่งามชูชันชวนให้น่าสัมผัสหลงไหลง แม้ว่านางจะมีสีหน้าที่เย็นชา แต่ไม่ว่าบุรุษใด ต่อให้เป็นผู้เยาว์ของนิกายเพลิงสวรรค์ ก็ยังไม่อาจต้านทานความงามของนางได้
แต่ยามนี้ สตรีเย็นชาผู้งดงามของเมือง นั่งไขว้ขา มือเท้าคาง จ้องมองสาวงามอีกคนที่หงุดหงิดมา เพราะถูกเว่ยสั่วชิงจิ้งจกหางศิลาไป
“ศิษย์พี่ มีคนทำให้ข้าหงุดหงิด” หานเว่ยเว่ยนั่งอยู่ข้างๆจี้หยาพลางบ่นกล่าว “เมื่อสองวันก่อนข้าบังเอิญพบจิ้งจกหางศิลาที่หุบเขาทรายเหลือง แต่จู่ๆก็มีเจ้าคนไร้ยางอาย ชิงจิ้งจกหางศิลาที่ข้าสังหารกับมือไปต่อหน้า ข้าตามหามันบริเวณนั้นจนทั่วแต่ก็ไม่พบ”…