วิถีสู่สวรรค์ - PTH4 ซื้อแมงป่องเพลิง
“เร่เข้ามา… ยันต์ห้าพิษแห่งนิกายห้าพิษ เขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 1 ก็ใช้ได้ สร้างงานได้รวดเร็ว เป็นประโยชน์ต่อการสังหาร!”
“โอสถฟื้นฟูปราณ เหลือ 2 เม็ดสุดท้ายแล้ว ราคาถูกม๊ากกก ผู้ที่ผ่านไปมาอย่าได้พลาด เชิญเข้ามาซื้อหา”
“เศษชิ้นส่วนของสมบัติที่ไม่ใช้แล้ว ราคาน่าคบหา เอาไปเป็นวัสดุในการสร้างอาวุธได้”
“ขายแผนที่ดินแดนรกร้าง เส้นทางนำไปถึงที่นั่นได้รวดเร็วและปลอดภัยที่สุด”
“ขายกระดูกปลาเงิน ขายกระดูกปลาเงิน เร่เข้ามา!”
“ขายตำรับโอสถกลั่นปราณ!”
“รับสมัครผู้ที่สนใจสังหารอสูรศิลา ระดับพลังต้องอยู่ในเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 3 เป็นอย่างน้อย”
…
ลานกว้างแห่งหนึ่งภายในเมืองจิตวิญญาณสูงสุด คนจำนวนมากตะเบงเสียงขันแข่ง
“กระดูกปลาเงินไร้ค่า มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ซื้อ!” บุรุษถือขวานผู้หนึ่งที่เดินอยู่ในตลาดกล่าวขึ้น
“ใครว่าโง่! มีบางคนที่นำกระดูกปลาเงินไปสร้างเป็นยันต์ศรวารีได้ แม้อานุภาพของมันจะไม่ได้ทรงพลังขนาดที่จะจัดระดับให้ แต่ก็ยังใช้งานได้อยู่” คนผู้หนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกล่าวขึ้น “ข้าว่าคนที่โง่ที่สุดคือคนที่เพิ่งซื้อโลหิตแมงป่องเพลิงไปเมื่อเช้านี้”
“จริงเหรอ? ยังมีคนซื้อโลหิตแมงป่องเพลิงอยู่อีกเหรอ?”
“มีคนซื้อร่างแมงป่องเพลิงไปด้วย! ทั้งเหม็นทั้งเน่าขนาดนั้นมันจะเอาไปทำอะไร?” บุรุษคิ้วหนาผู้หนึ่งกล่าวโผงผางราวกับไม่สนใจว่าใครจะได้ยิน
“หืม?” บุรุษแบกขวากล่าว “ยังมีคนที่โง่ขนาดนั้นอยู่อีกเหรอ?”
…
“ผู้อาวุโสเขียว… ท่านไม่ได้หลอกข้าจริงๆใช่มั้ย?”
ดวงตะวันลอยเด่นบนท้องนภา ภายในบ้านที่สร้างจากศิลาหลังเล็ก เว่ยสั่วนั่งมองร่างและโลหิตของแมงป่องเพลิง
“ถ้าท่านกล้าโกหกข้า ข้าจับท่านโยนหลุมส้วมแน่!”
รุ่งเช้าที่ผ่านมา เว่ยสั่วไปตลาดที่อยู่ทางประตูตะวันออกของเมือง
เมื่อเห็นสิ่งที่เขาซื้อ ผู้คนมากมายล้วนกล่าวดูหมื่นว่าเขาเป็นคนโง่ เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเขาไปซื้อแมงป่องเพลิงมา แมงป่องเพลิงเป็นเพียงอสูรระดับล่าง สิ่งที่เป็นประโยชน์มีเพียงหางของมัน นอกจากนั้นนับว่าไร้ค่า โดยทั่วไปแล้วแมงป่องพิษเป็นอสูรดุร้าย อยู่กันเป็นฝูง หากพบศัตรูมักจะตรงเข้าเข่นฆ่าสังหารทันที จึงไม่ค่อยมีคนสนใจไปล่าพวกมันมาขาย
ทั้งหมดนั้นทำให้ไม่มีผู้ใดต้องการแมงป่องเพลิง แต่เมื่อมีคนเข้าตลาดแล้วซื้อพวกมันไป ทุกคนจึงคิดว่าผู้ที่ซื้อไปไม่ต่างจากคนโง่
เหมือนกับทั้งเมืองมีแต่สาวงาม แต่จู่ๆสตรีรูปร่างอ้วนเตี้ยปรากฏตัว ย่อมถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด
สำหรับบางคนแล้วศิลาวิญญาณระดับล่างไม่นับว่ามีค่ามากนัก แต่สำหรับผู้ที่ยากจนอย่างเว่ยสั่ว ศิลาวิญญาณที่จ่ายไปนับว่าไม่น้อย ทำให้ยามนี้เว่ยสั่วเหลือศิลาวิญญาณติดตัวอยู่ไม่กี่ก้อนเท่านั้น
“เชื่อข้าเถอะ… จริงสิ ข้าขอดื่มโลหิตแมงป่องเพลิงก่อนได้มั้ย? นี่ผ่านมาตั้งหมื่นปียังไม่มีอะไรตกถึงท้องข้าเลย” ชายชราจ้องมองโลหิตของแมงป่องเพลิงด้วยความหิวกระหาย
“ฝันไปเถอะ! รีบบอกวิธีมาซะ ถ้าทำได้ข้าจะให้กิน แต่หากทำไม่ได้ ข้าจะจับโยนลงหลุมส้วม!”
ชายชราไม่รู้จะจัดการกับเว่ยสั่วยังไง จึงทำได้เพียงถอนหายใจ “ก็ได้… ขั้นแรกหยิบตัวแมงป่องขึ้นมา กรีดลงไปที่เส้นสีดำๆบนหลังของมัน แต่ระวังอย่าให้ลึกจนเกินไป”
เว่ยสั่วเดินไปยังโต๊ะที่วางร่างแมงป่องเพลิง แม้ว่าร่างของพวกมันมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่พวกมันหนักราวกับก้อนศิลา เมื่อยามที่ไปซื้อพวกมันมา เขาไม่ได้สนใจมองรายละเอียดบนร่างของพวกมัน เพราะมัวแต่เสียดายศิลาวิญญาณ
แต่เมื่อสังเกตุแมงป่องศิลาที่ซื้อมาดีๆ เขากลับพบว่าขนาดตัวของพวกมันค่อนข้างใหญ่กว่าแมงป่องเพลิงทั่วไป มีบางตำแหน่งบนร่างกายที่แตกต่าง เกราะที่หุ้มกายเป็นสีแดงเข้มราวกับกุ้งถูกต้ม หางยาวพอๆกับลำตัวและแข็งราวกับโลหะ ดูผิวเผินคล้ายเข็มสีแดงที่แผ่ความร้อนออกมา
เมื่อสังเกตุที่หลังแมงป่องเพลิงดีๆ จะเห็นเส้นสีดำอยู่คาดอยู่
“หืม! แข็งมาก!”
เว่ยสั่วนำมีดทำครัวเล่มใหญ่ออกมา พยายามกรีดตรงเส้นสีดำอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็สร้างได้เพียงรอยขีดข่วนเล็กๆเท่านั้น เขาไม่ละความพยายาม ใช้มีดผ่าจนสามารถกรีดผ่านเกราะของมันได้สำเร็จ
ชายชราจ้องมองเว่ยสั่วพลางกรอกตา ชายชรามีนายมาแล้วหลายคน แต่ยังไม่เคยเห็นใครที่ต้องทุ่มความพยายามมากขนาดนี้กับการที่แค่ผ่าเปลือกของแมงป่องเพลิง
แม้จะคิดแต่ชายชราไม่กล้ากล่าว เพราะหากไปยั่วยุคนบ้าอย่างเว่ยสั่วเข้า คงถูกจับโยนลงหลุมส้วม หากเป็นเช่นนั้นชายชราคงได้กลายเป็นสมบัติวิญญาณชิ้นแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกจับโยนลงหลุมส้วม
“เห็นกระดูกสีแดงๆของมันหรือเปล่า? ค่อยๆกรีดเลาะออก ห้ามให้กระดูกของมันหักเด็ดขาด”
“ส่วนที่เป็นประโยชน์น่าจะเป็นโลหิต แต่กระดูกของมันจะเอาไปทำอะไร?”
“จริงๆแล้วส่วนที่เป็นประโยชน์จริงๆคือกระดูกของมัน เอากระดูกมันออกมาแล้วโรยน้ำตาล จากนั้นเอาไปตากให้แห้ง”
“เสร็จแล้วต้องทำอะไรต่อ?”
“เอาหญ้าธูปเงินกับบุบผาเพลิงมาบดผสมกันในอัตราส่วน 7 ต่อ 3 ต้มให้เดือดเป็นเวลาธูปไหม้หมดดอก แล้วเทพวกมันเข้าแบบพิมพ์ขึ้นรูปเป็นกระดาษแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง”
เว่ยสั่วทำตามที่ชายชราบอก หั่นหญ้าธูปเงินและบุบผาเป็นชิ้นเล็กๆ ขยำพวกมันเข้าด้วยกันในอัตราส่วน 7 ต่อ 3
“บ้าจริง! กลิ่นของมัน โค ตะ ระ แย่! นี่ผู้อาวุโสเขียว ท่านจงใจแกล้งข้าหรือเปล่า?”
เดิมหญ้าธูปเงินและบุบผาเพลิงไม่ใช่พืชที่มีกลิ่นแรงนัก แต่เมื่อผสมและคั้นพวกมันเข้าด้วยกันจนได้น้ำออกมา เอานำ้ที่ได้ไปต้มให้เดือดเป็นเวลาธูปไหม้หมดดอก พวกมันจะจับตัวกลายเป็นของเหลวเหนียวข้นราวกับโลหิต มีกลิ่นเหม็นฉุนรุนแรง
“กลิ่นแบบนี้แหละถูกแล้ว พอเอาของเหลวพวกนี้ไปเข้าแบบพิมพ์ ทิ้งเอาไว้ให้แห้งก็จะได้กระดาษยันต์มา” ชายชรากล่าวอย่างจริงจัง
เว่ยสั่วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เขาก็เอาของเหลวที่ได้เทลงบนแบบพิมพ์ที่เคยบังเอิญได้มา ด้วยความที่เขาไม่เคยสร้างยันต์มาก่อน จึงไม่เชื่อว่ามันจะเป็นยันต์จริงๆ เมื่อจัดการทุกสิ่งเสร็จสรรพจึงกระโดดขึ้นเตียงแล้วหลับไป
“ตื่นเดี๋ยวนี้เจ้าแกะดำของตระกูล!”
เมื่อเห็นเว่ยสั่วไม่สนใจสมุนไพรทั้งสองชนิดที่ทำ ชายชราก็ปวดใจ เพราะในยุคสมัยของชายชรานั้นสมุนไพรเหล่านี้หาได้ยากมาก แต่ยามนี้กลับขึ้นอยู่ทั่วทุกหนแห่ง…