วิถีสู่สวรรค์ - PTH2 ข้าไม่กลัว
“ศิลาวิญญาณระดับล่าง 13 ก้อนของข้า!”
ยามราตรี อาคารศิลาขนาดเล็กทางตะวันตกของเมืองจิตวิญญาณสูงสุด มีเสียงคร่ำครวญดังมา
ห้องแห่งหนึ่งไม่ได้ประดับประดางดงาม บนผนังห้องมีภาพของสาวงามมากมายแปะอยู่ พวกนางงดงามและเยาว์วัย สูงโปร่ง บั้นท้ายกลมกลึง อกคู่งามตั้งตระหง่าน ใบหน้าชวนหลงไหล ผิวพรรณกระจ่างใสราวหิมะ นับเป็นสตรีที่งดงามมีเอกลักษณ์ แม้จะเป็นเพียงภาพวาดแต่งดงามต้องตาราวกับมีชีวิต หากมองไกลๆ พวกนางดูราวกับจะเดินนออกมาจากภาพ
ภายในห้องมีเสียงคร่ำครวญที่ฟังดูราวกับเสียงของหญิงชราดังเป็นระยะ เจ้าของเสียงคือเว่ยสั่วผู้ที่นำจิ้งจกหางศิลามาจากหุบเขาทรายเหลือง
สาเหตุที่คร่ำครวญเพราะเขาเดินทางไปยังตลาดในเมือง พบเห็นคนผู้หนึ่งขายหม้อสีดำ อาภรณ์ของคนผู้นั้นดูเก่า สีหน้าท่าทางดูราวกับเป็นคนซื่อสัตย์ไม่คดโกง
หม้อใบนั้นมีแสงสีดำเปล่งออกมาจากอักขระที่ดูซับซ้อนโบราณที่สลักอยู่ทั่วตัวหม้อ ดูผิวเผินคล้ายกับสมบัติที่ไม่ธรรมดา
หลังจากเจรจาต่อรองกันครู่หนึ่ง เว่ยสั่วก็ตัดสินใจซื้อหม้อใบหน้ากลับมาในราคา 13 ศิลาวิญญาณระดับล่าง ระหว่างทางกลับที่พักเขาตื่นเต้นอย่างที่สุด เพราะต่อให้หม้อใบนี้เป็นเพียงสมบัติวิญญาณระดับล่างสุด ราคาของมันก็มากกว่า 13 ศิลาสวรรค์ระดับล่าง แต่ในระหว่างทางฝนตก เขานำหม้อใบนั้นซุกไว้ในอาภรณ์ เปียกปอนกลับถึงบ้าน แต่เมื่อมาถึง เขานำหม้อสีดำใบนั้นออกมา กลับกลายเป็นว่าหม้อสีดำถูกน้ำฝนชะล้างกลายเป็นโถดินเผาสีเทาทั่วไป ราวกับหม้อสีดำที่เปล่งเรืองรองที่เห็น เป็นเพียงสิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้นเพื่อตบตา
แต่ถึงจะโดนหลอกมา อย่างน้อยมันก็ยังเป็นโถดินเผาที่งดงามและกันน้ำฝนได้ โถดินเผาบางชนิดกันน้ำไม่ได้… แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี เพราะในขณะที่ต่อรองราคา เว่ยสั่วสะบัดน้ำผลไม้ชนิดหนึ่งใส่คนผู้นั้นเอาไว้ ต่อให้ถูกน้ำก็ล้างไม่ออก ยังสามารถติดตามตัวได้
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เว่ยสั่วรับไม่ได้มากที่สุด คือโถดินเผาที่ได้มาภายมีรอยร้าวภายใน 1 แห่ง ภายนอกอีก 1 แห่ง ที่สำคัญ ยังเป็นรอยร้าวที่เชื่อมถึงกัน
ถึงสีที่ฉาบเคลือบไว้จะหายไป แต่อักขระโบราณที่ดูซับซ้อนยังอยู่ ราวกับมันเคยเป็นนสมบัติโบราณจริงๆ เพียงแต่รอยแยกที่ปรากฏทำให้มันกลายเป็นของชำรุด เว่ยสั่วพยายามหลายวิธี ลองถ่ายปราณเข้าไป แล้วลองใช้วิธีต่างๆที่เคยรู้จัก แต่สมบัติกลับไม่ตอบสนอง
เขาไม่ได้ร่ำรวยเหมือนสตรีที่พบในหุบเขาทรายเหลือง เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับล่างไร้สังกัด ศิลาวิญญาณระดับล่าง 13 ก้อนที่เสียไปนับเป็นเงินจำนวนมาก ถึงเขาจะมีจิ้งจกหางศิลาอยู่ 2 ตัว แต่ด้วยความที่ร่างของมันเสียหายไปมาก อย่างมากก็ขายได้ 8 ศิลาวิญญาณระดับล่างเท่านั้น
ปีนี้ข้าวยากหมากแพง ศิลาวิญญาณไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ ต่อให้ได้มาก็มีสิ่งให้ต้องใช้ไป
เว่ยสั่วยามนี้อยู่เขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 2 หากจะดูดซับปราณจากศิลาวิญญาณระดับล่าง อย่างน้อยต้องดูดซับร่วม 6 – 7 ก้อนต่อวัน แต่ยามนี้เขาทำได้เพียงดูดซับ 1 – 2 ก้อนต่อวันเท่านั้น การฝึกฝนยกระดับพลังที่ขาดแคลนศิลาสวรรค์แบบนี้ ย่อมทำให้เสียเวลาไปมาก หากยังเป็นแบบนี้ไปอีก 2 – 3 เดือน เขาคงเหลือศิลาวิญญาณติดตัวอยู่แค่ไม่กี่ก้อน
เมื่อมีศิลาวิญญาณไม่มาก จึงไม่อาจนำมายกระดับพลัง ทำได้เพียงเก็บพวกมันไว้ใช้ทำการค้าบางอย่าง
แต่ด้วยถูกโกงศิลาสวรรค์ระดับล่างไปถึง 13 ก้อน จึงทำให้เว่ยสั่วเสียดายอย่างที่สุด
“ศิลาวิญญาณ 13 ก้อนของข้า…”
ต่อให้คร่ำครวญไปมากเท่าไหร่ น้ำตาก็ไม่ไหลอย่างใจนึก จึงยกโถดินเผาใบนั้นขึ้นสูง แล้วทุ่มลงพื้นระบายความคับแค้นใจ
แต่เมื่อโถใบนั้นกระทบพื้น เว่ยสั่วกลับผงะถอยด้วยความตกใจ!
“นั่นมันอะไร?” เขาอุทานขึ้นด้วยความตกใจ
โถที่ทุ่มลงไปเต็มแรงกลับไม่แตก ทีเพียงรอยร้าวที่เพิ่มมากขึ้น แต่มันกลับเปล่งสีเขียวออกมา
“เอาโลหิตมาให้ข้า!”
“ผี!!”
เว่ยสั่วร้องลั่นเร่งกระโดดหนีขึ้นไปบนที่นอน
แสงที่ฉายออกมาจากโถ ก่อตัวเป็นร่างของชายชราใยอาภรณ์เขียวผู้หนึ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิงรุงรัง จ้องมองเว่ยสั่วไม่วางตา
“เอาโลหิตมาให้ข้า!”
แต่เมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางที่หวาดกลัวของเว่ยสั่ว ชายชรากลับตะโกนด่าทอด้วยความไม่พอใจ “ผีบ้านเจ้าสิ!! ข้าเป็นจิตวิญญาณสมบัติ ไม่ใช่ผี!”
“จิตวิญญาณสมบัติ? นี่ท่านจิตวิญญาณผู้สมบัติผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อสองปีที่แล้วข้าเดินทางไปหุบเขาแห่งหนึ่ง ที่นั่นบรรยากาศไม่ค่อยดี ทำให้ข้าติดโรคมา เพราะฉะนั้นเลือดของข้าไม่อร่อยหรอก”
“ใครบอกจะกินเลือดเจ้า? ไปเอาเลือดมังกรเพลิงพิภพมาให้ข้า แต่ดูท่าทางโง่ๆของเจ้า ไม่น่าจะมีโลหิตมังกรเพลิงพิภพ… โลหิตแมงป่องเพลิงก็ไม่น่าจะมี” ชายชราบ่นกล่าว
“ท่าน…ไม่กินเลือดของข้าจริงๆใช่มั้ย?” เว่ยสั่วค่อยๆขยับเข้าใกล้พลางกล่าว “ข้าถามอะไรท่านหน่อยได้หรือเปล่า?”
“ถามอะไร?”
“ท่านปล่อยพลังจู่โจมได้หรือเปล่า? ข้ารู้จักที่ที่มังกรเพลิงพิภพเยอะๆ ข้าจะพาท่านไปสังหารพวกมัน!”
“ถ้าข้าปล่อยพลังได้จริง ข้าจะมาพูดคุยกับเจ้าอยู่แบบนี้ทำไม? ป่านนี้ข้าชกเจ้าแล้วไปฆ่าพวกมันเองแล้ว”
“งั้นท่านก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยใช่มั้ย?”
“ไร้สาระ! ข้าช่วยผู้เป็นนายควบคุม ‘โถคุมภูติ’ นี้ได้ แต่เจ้าก็เห็นสภาพของมันตอนนี้ แล้วข้าจะไปทำอะไรได้? เฮ้ย! เจ้าจะทำอะไร?” ชายชราตะโกนขึ้น
เว่ยสั่วกระโดดลงมาจากที่นอนแล้วเริ่มปลดเข็มขัดออก จากนั้นปล่อยฉี่ลงโถอย่างแม่นยำพลางกล่าวอย่างผ่อนคลาย “เฮ้อ… ทำอะไรไม่ได้ ยังจะอยากได้โลหิตมังกรเพลิงพิภพ ฮึ่ม เอาฉี่ข้าไปกินก่อนก็แล้วกัน!”
“นี่เจ้า!!” ชายชราโกรธจนไม่รู้จะสรรหาอะไรมาด่า “เจ้ากล้าฉี่ใส่ข้า?!”
“ทำไม? จะกัดข้าเหรอ…หะ?”
“รู้หรือเปล่าว่าข้าแข็งแกร่งขนาดไหน?! ไม่ว่าผู้ใดเห็นข้า ล้วนร่ำไห้ด้วยความหวาดกลัว แต่เจ้ากลับกล้าฉี่ใส่ข้า!”
“ผายลม! ใช้วิชาก็ไม่ได้ จู่โจมใครเค้าก็ไม่ได้ แล้วเอาอะไรมาทำให้กลัว? ข้าไม่กลัวท่านหรอก! ท่านต้องดูข้านี่ เมื่อยามที่ข้าอายุได้ 13 ปี ข้าก็กล้าออกไปแอบผู้หญิงอาบน้ำแล้ว! ท่านเคยบ้างหรือเปล่า?” เว่ยสั่วกรอกตาเย้ยหยันชายชราพลางจ้องมองโถดินเผาที่ไร้ประโยชน์…