หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

ระบบเจ้าสำนัก***(จบแล้ว)*** - ตอนที่ 15 : การพูดคุยกันแบบลับๆและการลอบสังหาร

  1. หน้าแรก
  2. ระบบเจ้าสำนัก***(จบแล้ว)***
  3. ตอนที่ 15 : การพูดคุยกันแบบลับๆและการลอบสังหาร
Prev
Next
ตอนที่ 15 : การพูดคุยกันแบบลับๆและการลอบสังหาร

“ความจริงแล้ว คนที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่พี่น้องตระกูลอู่ แต่เป็นเจ้าสำนักต่างหาก” ดวงตาของเหยามู่หว่านเป็นประกายขึ้นมา พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพว่า “ข้าได้ยินมาว่า เจ้าสำนักอายุเพียง 23 ปีเท่านั้นเอง แต่พลังของเจ้าสำนัก กลับล้ำลึกจนคาดเดาไม่ได้ แม้แต่ผู้นำตระกูลอู่ก็ไม่ใช่คู่มือของเขา….”

 

ทันใดนั้น เหยามู่หว่านก็พูดขึ้นมาเบาๆว่า “ข้าสงสัยนัก ว่าเจ้าสำนักได้ทะลวง…ขอบเขตว่อซวนในตำนานหรือยัง”

 

“ชู่ววว….” หลินหมิงยกนิ้วจ่อปากตัวเอง เพื่อบอกให้เงียบ ก่อนจะพูดด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมว่า “เหยามู่หว่าน มันจะดีที่สุดถ้าหากพวกเราไม่พูดถึงเจ้าสำนักลับหลังท่าน…” ในระหว่างที่พูด สีหน้าของเขาก็แสดงความเคารพออกมา

 

ในใจของเขานั้น จางหยูไม่ใช่แค่คนที่เปลี่ยนชะตาชีวิตของเขา แต่ยังเป็นอาจารย์ที่เขาเคารพมากที่สุด ไม่ว่าจางหยูจะอยู่ขอบเขตว่อซวน หรือว่าขอบเขตฉีซวน ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกเคารพในใจของเขาได้

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น เหยามู่หว่านก็กรอกตาใส่ พลางเบะปากออกมา “เจ้าไม่คิดมากไปหน่อยรึไง เจ้าสำนักจะใส่ใจเรื่องนี้ด้วยรึ ?”

 

หลินหมิงส่ายหน้า และจ้องเหยามู่หว่านโดยไม่พูดอะไร

 

“เฮ้อออ ก็ได้ๆ ข้าฟังเจ้าก็ได้ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ดีไหม?” เหยามู่หว่านถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ

 

ตอนนั้นเองบนใบหน้าที่จริงจังของหลินหมิง ก็เผยรอยยิ้มออกมา  ดูเหมือนว่าเขาจะพอใจกับท่าทีของเหยามู่หว่านมาก

…

“เอ๊ะ หลินหมิง คนขี้เกียจอย่างเจ้า ก็มีวันมาเช้าเหมือนกันรึ?” ตอนนี้เองเหมาฉางเฟิง ซูเลี่ยและคนอื่นๆก็มาถึง เมื่อเห็นหลินหมิง พวกเขาก็พากันแสดงท่าทีแปลกใจออกมา

 

ซูเลี่ยเองก็เอ่ยแซวขึ้นมา “นี่ดูไม่เหมือนเจ้าในยามปกติเลยนะ!”

 

หลินหมิงเผยรอยยิ้มหดหู่ขึ้นมา “พี่เหมา พี่ซู ในสายตาของพวกท่าน ข้าเป็นคนขี้เกียจจริงๆหรือ?”

 

“ฮ่าฮ่า…ข้าเพียงแค่หยอกเจ้าเล่น ข้าไม่รู้ว่าคนอื่นนั้นเกียจคร้านรึไม่ แต่ข้ารู้ว่าเจ้าขยันกว่าใคร” เหมาฉางเฟิงหัวเราะออกมา ถึงแม้ว่าหลินหมิงจะไม่เคยพูดมันออกมา แต่ในใจของเหมาฉางเฟิงก็รู้ดีว่า การที่คนซึ่งไม่มีพรสวรรค์อะไรเลย จะสามารถประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องมีความขยันและความอดทนมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า เขารู้ดีว่าหลินหมิงจะต้องพยายามอย่างหนักมากกว่าทุกคนในที่นี่ อย่างน้อยๆก็พยายามเป็นสองเท่าของพวกเขา

 

หลังจากนั้นสักพัก อู่เฉิน อู่โม่และอู่ซินซินก็เดินมาถึง

 

ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปที่ห้องเรียนด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง

….

ห่างจากเสาหินขนาดใหญ่ที่บันไดด้านล่างสุดของสำนักไม่ไกลนัก ปรากฏชายผู้หนึ่งกำลังจ้องมองไปที่ประตูสำนักคังเฉียงอยู่ หลังจากที่เห็นอู่เฉิน อู่โม่และอู่ซินซินเดินเข้าไปในสำนักคังเฉียน สีหน้าของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินหายไปในหมู่ผู้คน

 

ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ชายหนุ่มคนนั้นก็เดินเข้าไปในห้องโถงของสำนักเฉินกวง

 

ซึ่งในห้องโถงแห่งนี้มีคนอยู่หลายสิบคน และพวกเขาก็มาจากสองขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่แห่งเมืองทะเลทราย ฝ่ายหนึ่งก็คือหลินไห่หยา เจ้าสำนักเฉินกวง จั่นเฟิง รองเจ้าสำนักเฉินกวง ครูฝึกโม่เทียนโฉวและคนอื่นๆ อีกฝั่งหนึ่งก็คือเจ้าสำนักหยุนซาน ลัวเยว่ซาน รองเจ้าสำนักหยุนซาน ลัวจวินและคนอื่นๆ

 

“ฉินชวน ไหนลองเล่ามาสิว่าเจ้าเห็นอะไรบ้าง” ตอนนั้นเอง เจ้าสำนักเฉินกวงหลินไห่หยาได้มองไปที่ชายหนุ่มคนนั้น และพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง

 

วินาทีนั้น ทุกสายตาล้วนจ้องมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้น

 

เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมา ฉินชวนก็รู้สึกกดดันขึ้นมาทันที  เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเล่าทุกอย่าง “ท่านเจ้าสำนัก ทุกสิ่งเป็นอย่างที่ท่านกล่าวไว้ไม่มีผิด ข้าเพิ่งเห็นคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในสำนักคังเฉียง นอกจากนี้ ผู้นำตระกูลอู่ได้พาอู่โม่และอู่ซินซินเข้าไปในสำนักคังเฉียงด้วยตัวเอง”

 

ทันทีที่พูดจบ บรรยากาศในห้องก็พลันหนักอึ้งขึ้นมา

 

“การที่อู่โม่และอู่ซินซินเข้าไปในสำนักคังเฉียงนั้น ข้าเข้าใจได้ แต่การที่อู่เฉินผู้นำตระกูลอู่ไปที่สำนักคังเฉียงได้ทุกวัน นี่มันหมายความว่ายังไง ?” ลัวจวิน รองสำนักหยุนซานขมวดคิ้วขึ้นมา

 

“มันเดายากรึไง? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอู่โม่และอู่ซินซินนั้นได้กลายเป็นศิษย์ของสำนักคังเฉียงแล้ว ส่วนอู่เฉิน….” จั่นเฟิง รองเจ้าสำนักเฉินกวง พูดขึ้นมาด้วยท่าทีมั่นใจ “ด้วยความแข็งแกร่งของเขาแล้ว เขาอาจจะเป็นครูฝึกที่สำนักคังเฉียง หรือแม้แต่…เจ้าสำนักรึรองเจ้าสำนักก็ได้”

 

ลัวจวินมองไปที่ชายผู้นั้น แล้วพูดขึ้นมาว่า “ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปที่นั่นทุกวันไม่ใช่เหรอ? พวกศิษย์ที่ไร้ค่านั่น สำคัญยิ่งกว่ากิจการของตระกูลอู่รึไง ?”

 

“พอได้แล้ว หยุดเถียงกันสักที!”

 

ตอนนั้นเอง หลินไห่หยาก็โบกมือและพูดขึ้นว่า “ไม่ว่าอู่เฉินจะมีบทบาทเช่นใดในสำนัก แต่เรื่องที่ตระกูลอู่ได้เข้าร่วมกับสำนักคังเฉียงนั้นคือความจริง! ส่วนอีก 8 คนที่เหลือ ล้วนแล้วแต่เป็นตระกูลชั้นสองและตระกูลชั้นสามที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลอู่ ดูเหมือนว่าตระกูลอู่ได้ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับสำนักคังเฉียงไปแล้ว….”

 

“มันอาจจะไม่เป็นแบบนั้น?” ลัวเยว่ซาน เจ้าสำนักหยุนซานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหลินไห่หยาแย้งขึ้น “หลักฐานอะไรก็ไม่มี แล้วพวกเจ้าอาศัยอะไรไปตัดสินว่าพวกเขาเข้าร่วมกับสำนักคังเฉียงแล้ว ?”

 

หลินไห่หยานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปพูดกับชายวัยกลางที่อยู่ข้างๆว่า “โม่เทียนโฉว เอาของให้เจ้าสำนักลัวและคนอื่นๆดูเถอะ”

 

เมื่อได้ยินคำสั่งของหลินไห่หยา โม่เทียนโฉวก็หยิบขวดหยกออกมาจากแขนเสื้อ ซึ่งภายในขวดนั้นมีเม็ดยาสีแดงอยู่ มันดูคล้ายกับเม็ดยาในตำนาน

 

“นี่คือ…”  เมื่อมองไปที่ยาในขวดหยก ลัวเยว่ซานก็หลี่ตาลงทันที  “เม็ดยา!”

 

โม่เทียนโฉวเก็บขวดหยกที่ใส่ยาฉีซวนอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและอธิบายด้วยท่าทีจริงจังว่า “นี่คือสิ่งที่คนของพวกเราพยายามซื้อมาจากผู้นำตระกูลต่ง ต่งหยู่เซิง ซึ่งต่งหยู่เซิงบอกว่า ยานี้เขาซื้อมาจากอู่เฉิน มันคือเม็ดยาที่เรียกว่ายาฉีซวน ซึ่งเป็นเม็ดยาที่สามารถเพิ่มพลังในการบ่มเพาะให้กับนักสู้ขอบเขตฉีซวนได้…”

 

จั่นเฟิงพยักหน้าแล้วพูดต่อไปว่า “หลังจากที่รู้ข่าวนี้ พวกเราก็ได้ส่งคนไปตรวจสอบและยืนยันได้ว่า ไม่ได้มีแค่อู่เฉินเท่านั้นที่มี แต่ทุกคนในสำนักคังเฉียงต่างก็มียานี้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นเด็กที่ถูกตระกูลหลินทอดทิ้ง อย่างเจ้าขยะหลินหมิง เมื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆเข้าด้วยกัน พวกเราก็ตั้งสมมติฐานบางอย่างขึ้นมา นั่นก็คือ…..ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา จางหยูได้ปกปิดความสามารถของตัวเอง ซึ่งความจริงแล้วเขาคือภัยคุกคามของพวกเราทุกคน นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่าเขาคือนักปรุงยา!”

 

นักปรุงยาในตำนาน!

 

ทุกคนในห้องโถงต่างสีหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมา  

 

“นี่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม อู่เฉินถึงได้ส่งลูกไปเรียนที่สำนักคังเฉียง หรือแม้แต่เขาก็ไปที่นั่นทุกวัน นอกจากนี้สิ่งที่ดึงดูดใจตระกูลชั้นสองและชั้นสามให้ไปที่นั่น ไม่ใช่เพราะสำนักคังเฉียง แต่เป็น… นักปรุงยาต่างหาก !” สีหน้าของจั่นเฟิงเคร่งเครียดขึ้นมา

 

ยานี้เป็นของจริง ไม่อาจจะทำปลอมขึ้นมาได้

 

อู่เฉินไปที่สำนักคังเฉียงทุกวัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้โกหกแต่อย่างใด

 

อู่โม่ อู่ซินซิน หลินหมิงและคนอื่นๆได้กลายเป็นศิษย์ของสำนักคังเฉียง ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเท็จ

 

ดังนั้นการคาดเดาของจั่นเฟิงก็น่าจะเป็นความจริงถึง 8/10

 

“เจ้าสำนักลัว ตอนนี้ท่านยังสงสัยอะไรไหม?” หลินไห่หยามองไปที่ลัวเยว่ซาน

 

“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเข้าใจความหมายของท่าน” สีหน้าของลัวเยว่ซานดูเคียดขึ้น จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาว่า “จางหยูจำเป็นต้องตาย พวกเราไม่สามารถปล่อยให้เขาเติบโตได้!”

 

เขารู้ถึงอำนาจของนักปรุงยาดี

 

ไม่ต้องพูดถึงนักปรุงยาระดับสูงเลย ต่อให้เป็นนักปรุงยาระดับหนึ่งดาว ถ้าต้องการพวกเขาก็สามารถเรียกรวมพลเหล่านักสู้ฉีซวนขั้นที่ 9 นับสิบคนมาได้!

 

อู่เฉินเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หากพวกเขาปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ในอนาคตข้างหน้าเกรงว่าคงจะมีผู้บ่มเพาะฉีซวนขั้นที่ 8 หรือขั้นที่ 9 เข้าหาจางหยูมากกว่านี้ หรือแม้กระทั่งรับใช้จางหยูก็ได้

 

 “ความคิดของเจ้าสำนักลัวเหมือนกันกับข้า ในตอนนั้นพวกเราหวาดกลัวจางเฮ่าหลันมากเกินไป เลยไว้ชีวิตจางหยูไว้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่า ความเมตตาในตอนนั้น กลับก่อให้เกิดภัยซ่อนเร้นขึ้นมาได้ โชคดีที่พวกเราค้นพบเรื่องนี้ได้เร็ว หาไม่แล้วถ้าหากปล่อยให้เขาเติบโตขึ้น…” หลินไห่หยาหยุดพูดและมองไปที่ลัวเยว่ซานอย่างจริงจัง “นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่จางเฮ่าหลันก็ยังไม่กลับมา ข้าคิดว่าเขาคงไม่กลับมาตลอดกาลแล้วล่ะ ฉะนั้นข้าขอเสนอว่า ให้กำจัดบุตรชายของเขาซะ!”

 

“จางหยูต้องตาย  จุดนี้ไม่ต้องสงสัยเลย แต่ว่าเราควรจะส่งใครไปฆ่าเขาดี? เราไม่อาจจะทำเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้?”

 

ลัวเยว่ซานมองไปที่หลินไห่หยา

 

เมื่อเห็นสายตาของลัวเยว่ซาน หลินไห่หยาก็พูดขึ้นมาอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “เนื่องจากจางหยูเป็นนักปรุงยา ข้อมูลเรื่องระดับพลังของเขาก่อนหน้านี้คงเป็นเท็จเช่นกัน ในความเห็นของข้าแล้ว ระดับการบ่มเพาะของเขาคงอยู่ที่ฉีซวนขั้น 7 รึแม้แต่ขั้น 8” หลังจากเขาก็เงียบไปสักพัก แล้วค่อยพูดต่อว่า “ในอีกความหมายหนึ่งคือ หากต้องการจะฆ่าเขา ท่านจะต้องส่งผู้บ่มเพาะฉีซวนขั้น 7 หรือขั้น 8 ไป และต้องหลีกเลี่ยงการปะทะกับอู่เฉินด้วย! มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะมีช่องโหว่น้อยที่สุด”

 

ลัวเยว่ซานพยักหน้า แม้ว่าเขากับหลินไห่หยาจะเป็นตาแก่หัวรั้น แต่ก็จำใจต้องยอมรับว่า การวิเคราะห์ของหลินไห่หยานั้นถูกต้อง

 

“ในบรรดาพวกเรามีผู้บ่มเพาะฉีซวนขั้น 8 เป็นจำนวนมาก แต่มีขั้น 9 เพียงแค่ 4 คน นั่นก็คือข้า ท่าน รองเจ้าสำนักของท่านและรองเจ้าสำนักของข้า และข้าไม่ต้องการให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นในภารกิจนี้ ดังนั้น ถ้าจะให้ดีที่สุดพวกเราจะต้องส่งผู้บ่มเพาะขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 ไปทำภารกิจ หากไม่นับท่านกับข้า ก็เหลือแค่จั่นเฟิงและลัวจวิน” สายตาของหลินไห่หยาจับจ้องไปที่ลัวจวิน “จั่นเฟิงเพิ่งทะลวงขั้นที่ 9 ได้ไม่นาน ดังนั้นพลังของเขาจึงยังไม่มั่นคง  ฉะนั้นคงไม่อาจแสดงพลังขั้นที่ 9 ออกมาได้ทั้งหมด แต่รองเจ้าสำนักลัวนั้นไม่ใช่ เจ้าสืบทอดพรสวรรค์ที่โดดเด่นมาจากเจ้าสำนักลัว อีกทั้งยังทะลวงขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 ในวัย 40 ปีได้ นอกจากนี้ยังฝึกฝนหมัดเหล็กจนเชี่ยวชาญ ในอนาคตข้างหน้า พลังของเจ้าก็สามารถเทียบเคียงกับอู่เฉินได้ ตามความคิดเห็นของข้า ภารกิจในครั้งนี้ให้ลัวจวินรับหน้าที่เถอะ!”

 

“เจ้าจิ้งจอกเฒ่านี่ !” ลัวจวินแอบสบถออกมา “พูดได้ดี ข้าเองก็ไม่กลัวหากจางเฮ่าหลันจะกลับมา…”

 

ซึ่งนั่นคงเป็นไปได้ยาก คนที่จากไปนานถึงเจ็ดปีแล้ว ยังจะเหลือความกดดันอะไรไว้?

 

ลัวจวินยังพูดไม่จบ แต่ลัวเยว่ซานก็ส่ายหน้าทันที “เจ้าสำนักหลินชมเกินไปแล้ว เจ้าเด็กคนนี้ยังไม่เอาถ่าน เกรงว่าคงรับภารกิจนี้ไม่ไหว! กลับกันรองเจ้าสำนักจั่นเป็นคนที่รอบคอบ ภารกิจที่สำคัญเช่นนี้ ควรให้รองเจ้าสำนักจั่นเป็นผู้จัดการเถอะ!”

 

“ช่างมันเถอะ !” หลินไห่หยารู้ดีว่าไม่อาจจะหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้ จึงกล่าวต่อไปว่า “ท่านกับข้าไม่อาจผลักภาระนี้ได้ ดังนั้นก็ให้รองเจ้าสำนักจั่นและรองเจ้าสำนักลัวช่วยกันรับผิดชอบก็แล้วกัน! หากสองคนร่วมมือกัน โอกาสที่จะฆ่าจางหยูได้ก็ยิ่งสูงขึ้นกว่าเดิม ต่อให้ต้องปะทะกับอู่เฉิน ก็ยังสามารถถ่วงเวลาเขาได้สักระยะหนึ่ง และให้อีกคนหนึ่งไปฆ่าจางหยู!”

 

ลัวเยว่ซานและลัวจวินมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าตอบรับทันที  “ ได้ งั้นก็เอาตามนั้น !”

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "ตอนที่ 15 : การพูดคุยกันแบบลับๆและการลอบสังหาร"

4.2 5 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

คัมภีร์มัจจุราช
คัมภีร์มัจจุราช
มีนาคม 12, 2022
ราชันย์จอมโจรปล้นสุสาน
ราชันย์จอมโจรปล้นสุสาน
มีนาคม 12, 2022
วันสิ้นโลก
วันสิ้นโลก
มีนาคม 12, 2022
อหังการ์การล้างแค้น
อหังการ์การล้างแค้น
มีนาคม 12, 2022
ยอดดวงใจคุณชายนักรบ – 战少的心尖宠
ยอดดวงใจคุณชายนักรบ – 战少的心尖宠
มีนาคม 12, 2022
มหากาพย์ดาบเทวะ!
มหากาพย์ดาบเทวะ!
มีนาคม 12, 2022
Tags:
นิยายลิขสิทธิ์
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz