ระบบเจ้าสำนัก***(จบแล้ว)*** - ตอนที่ 13 : ผลตอบแทนอันล้ำค่า
ตอนที่ 13 : ผลตอบแทนอันล้ำค่า
“ทำไมหรืออู่เฉิน ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้วเหมือนว่าเจ้าจะมีความคิดเห็นอื่นนะ?” จางหยูเลิกคิ้วสูง ขณะมองไปที่อู่เฉิน
เมื่อรู้สึกได้ถึงการจับจ้องจากจางหยู อู่เฉินก็ตกใจกลัวขึ้นมาและรีบตอบกลับว่า“ไม่ ข้าไม่มีความคิดเห็นอื่น”
ต่อให้มี เขาก็ไม่กล้าพูดมันออกมาต่อหน้าจางหยูหรอก
“ข้าเข้าใจความคิดของเจ้า แต่ไม่ต้องรีบร้อน ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ในสำนักคังเฉียง สักวันหนึ่ง เจ้าจะได้ในสิ่งที่คาดหวังไว้” จางหยูยิ้มออกมาและมองไปที่คนอื่นๆ รอยยิ้มนั้นดุจดั่งอาบลมในฤดูใบไม้ผลิ “พวกเจ้าก็เช่นกัน การได้เป็นศิษย์ของสำนักคังเฉียง ชั่วชีวิตนี้ พวกเจ้าจะไม่มีคำว่าตกต่ำอีกต่อไป”
ผ่านไปสักพัก จางหยูก็ไม่ได้สนใจท่าทีของทุกคน แล้วเริ่มสอน “ทักษะจี๋อู่” ขั้นแรกทันที
…
“ทักษะนี้มัน…” แม้ว่าจางหยูจะพูดแค่ขั้นแรกของทักษะจี๋อู่ แต่หลินหมิงและคนอื่นๆก็พากันตื่นเต้นขึ้นมา “ทรงพลังมาก!”
ตามที่จางหยูอธิบาย ลมปราณที่บ่มเพาะโดย“ทักษะจี๋อู่”นี้ บริสุทธิ์กว่าทักษะอื่นหลายเท่า เมื่อบ่มเพาะถึงขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 1 ก็แข็งแกร่งเทียบเท่ากับฉีซวนขั้นที่ 3 !
ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ “ทักษะจี๋อู่” ไม่มีข้อกำหนดสำหรับพรสวรรค์ และความเร็วในการบ่มเพาะก็รวดเร็วมาก แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถบ่มเพาะพลังได้ นอกจากนี้ยังสามารถทะลวงขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 1 ภายในเวลาอันสั้นได้ และกลายเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แท้จริง
แม้ว่าจางหยูจะพูดเกินจริงไปบ้าง แต่ไม่รู้ว่าทำไม หลินหมิงและคนอื่นๆถึงได้รู้สึกว่าจางหยูนั้นไม่ได้โกหก !
ไม่ใช่แค่กลุ่มของหลินหมิงเท่านั้น แม้แต่สามพ่อลูกตระกูลอู่ ก็ไม่สงสัยในคำพูดของจางหยูเลยสักนิด พวกเขาเชื่อมั่นในตัวจางหยูจากก้นบึ้งของหัวใจ
ประสิทธิภาพของสัญญานภาค่อยๆเปิดเผยออกมา
หลังจากที่พูดขั้นแรกของ “ทักษะจี๋อู่”จบ จางหยูก็ใช้มองทะลุ ตรวจสอบข้อมูลของศิษย์ใหม่ทั้ง 8 คน หลังจากที่อ่านข้อมูลทั้ง 8 คนแล้ว จางหยูก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า
คนแรก !
***
[หลินหมิง]
[เพศ : ชาย]
[อายุ : 15 ปี]
[พรสวรรค์ทางกายภาพ :ไม่มี]
[พรสวรรค์ในการรับรู้ :ไม่มี]
[พรสวรรค์พิเศษ : ไม่มี]
[การบ่มเพาะ:ไม่มี]
***
คนที่สอง
***
[เหมาฉางเฟิง]
[เพศ : ชาย]
[อายุ : 20 ปี]
[พรสวรรค์ทางกายภาพ : สายเลือดทั่วไป 1 ดาวขั้นต่ำ]
[พรสวรรค์ในการรับรู้ :ไม่มี]
[พรสวรรค์พิเศษ : ไม่มี]
[การบ่มเพาะ:ไม่มี]
***
คนที่แปด
***
[เหยามู่หว่าน]
[เพศ :หญิง]
[อายุ : 16 ปี]
[พรสวรรค์ทางกายภาพ :ไม่มี]
[พรสวรรค์ในการรับรู้ : 1 ดาวขั้นต่ำ]
[พรสวรรค์พิเศษ : ไม่มี]
[การบ่มเพาะ:ไม่มี]
***
“อู่เฉิน ไปหากลุ่มคนที่ยอดเยี่ยมแบบนี้มาจากไหนกัน?” จางหยูถึงกับพูดไม่ออก เขารู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย “พรสวรรค์ของศิษย์ใหม่กลุ่มนี้ แต่ละคนย่ำแย่เหลือจะกล่าว โดยเฉพาะหลินหมิง พรสวรรค์ของเขาสูสีกับเสี่ยวเฉียงของข้าเลย!”
แม้ว่า “ทักษะจี๋อู่” นี้ จะไม่ได้กำหนดพรสวรรค์ของผู้บ่มเพาะ แต่คนพวกนี้ มีพรสวรรค์ที่ย่ำแย่เกินไป
ในบรรดา 8 คนนี้ หลินหมิงมีพรสวรรค์ที่แย่ที่สุด พรสวรรค์ทุกประเภทของเขามีแต่คำว่า ‘ไม่มี’ ส่วนเหมาฉางเฟิง, จางเหิงหยาง, หัวเจิ้นเฉียง, จ้าวเซิน,เย่ลั้ว และศิษย์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของกลุ่มนี้ เหยามู่หว่าน 6 คนนี้ยังพอมีพรสวรรค์ทางกายภาพ 1 ดาวขั้นต่ำ หรือไม่ก็พรสวรรค์ในการรับรู้ 1 ดาวขั้นต่ำอยู่บ้าง มีเพียงแค่ซูเลี่ยเท่านั้นที่มีพรสวรรค์ทั้งสองอย่าง และแต่ละอย่างก็อยู่ที่ 1 ดาวขั้นต่ำ
แต่ไม่ว่าจะเป็นหลินหมิงที่มีพรสวรรค์แย่ที่สุด หรือซูเลี่ยที่มีพรสวรรค์ดีที่สุด สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันก็คือไม่มีพลังลมปราณ
ในอีกความหมายก็คือ คนเหล่านี้ต่างบ่มเพาะพลังมาหลายปี แต่กลับไม่สามารถทะลวงขอบเขตฉีซวนได้สำเร็จ!
“เฮ้อออ เปล่าประโยชน์ คนเหล่านี้แทบไม่มีพรสวรรค์เลยสักนิด แต่ไหนๆก็อุตส่าห์มาแล้ว ข้าจะไล่ออกไปมันก็กระไรอยู่” จางหยูถอนหายใจออกมา เขารู้สึกเห็นอกเห็นใจคนเหล่านี้ ยิ่งมองดูชุดที่พวกเขาสวมใส่แล้ว ก็พอจะเดาออกว่าแต่ละคนล้วนมีฐานะที่ไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตามคนที่มีฐานะไม่ธรรมดาอย่างพวกเขา กลับมีพรสวรรค์ที่ย่ำแย่แบบนี้ เกรงว่าคงต้องทนรับแรงกดดันและความเจ็บปวดมามากมาย
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก จางหยูก็พูดขึ้นมาว่า “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่ได้บอกพวกเจ้าตั้งแต่เมื่อวาน ไหนๆวันนี้ทุกคนก็มากันครบแล้ว ข้าจะได้ประกาศให้รู้กันทีเดียว เนื่องจาก “ทักษะจี๋อู่” เป็นทักษะพิเศษ ดังนั้นพวกเจ้าทุกคนสามารถเริ่มบ่มเพาะพลังได้ทันที อ้อ ยกเว้นอู่เฉินและอู่โม่”
หลินหมิงและคนอื่นๆต่างกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น
ส่วนอู่เฉินและอู่โม่ต่างตะลึงงันขึ้นมา
“ทำไมพวกเราถึงเป็นข้อยกเว้น?” อู่เฉินมองไปที่จางหยูด้วยความสงสัย ในใจรู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย
จางหยูไม่รอให้อู่เฉินถามต่อ เขาพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดจะถามอะไร จึงอธิบายไปว่า “ในช่วงสองสามวันนี้ข้าจะสอน ‘ทักษะจี๋อู่’ ขั้นแรก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศิษย์ทุกคนตามบทเรียนไม่ทัน แต่พวกเจ้ามีการบ่มเพาะที่สูงอยู่แล้ว ถ้าหากเปลี่ยนเป็น‘ทักษะจี๋อู่’ ทันที โดยไม่มีทักษะอื่นมาสนับสนุน ระดับการบ่มเพาะของพวกเจ้าก็จะหยุดอยู่แค่ฉีซวนขั้นที่ 1 หรือ 2 เท่านั้น ในสภาพแบบนั้น ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงไม่ชอบใจเท่าไหร่?”
อู่เฉินนิ่งเงียบไป คำพูดของจางหยูมีเหตุผล
“งั้นพวกเราจะบ่มเพาะพลังได้ตอนไหน ?” อู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ และมองไปที่จางหยูด้วยความกังวล
ความหมายของคำพูดนี้คือ อยากจะถามจางหยูว่าเมื่อไหร่จะเริ่มอธิบาย “ทักษะจี๋อู่” ขั้นที่ 9และ10 สักที
จางหยูยิ้มน้อยๆออกมา “หลังจากที่ข้าสอน “ทักษะจี๋อู่” ขั้นที่ 3 เสร็จ อู่โม่ก็สามารถเริ่มบ่มเพาะพลังได้ ส่วนเจ้าจะเริ่มบ่มเพาะพลังได้ต่อเมื่อข้าสอน “ทักษะจี๋อู่” ขั้นที่ 6 เสร็จ”
“นี่มัน…” ทั้งอู่เฉิน อู่โม่และอู่ซินซินต่างชะงักไปเล็กน้อย อู่เฉินมองไปที่จางหยูอย่างไม่เข้าใจ “แต่เจ้าสำนัก…การบ่มเพาะของโม่เอ๋อร์นั้น ทะลวงขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 6 แล้ว ส่วนข้าก็ติดอยู่ที่ขั้น 9 มาหลายสิบปีแล้ว”
ฉีซวนขั้น 6 สมควรบ่มเพาะทักษะขั้นที่ 6 ฉีซวนขั้น 9 ก็สมควรบ่มเพาะทักษะขั้นที่ 9
“ทักษะจี๋อู่” ขั้นที่ 3 กับ“ทักษะจี๋อู่” ขั้นที่ 6 จะทำให้สองพ่อลูกตระกูลอู่พอใจได้หรือ?
แน่นอนว่า พวกเขาได้เซ็นชื่อในสัญญานภาไปแล้ว ดังนั้นจิตใต้สำนึกของพวกเขาจึงเชื่อมั่นในตัวจางหยูมาก ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่เกิดความรู้สึกสงสัยในคำพูดของจางหยู เพียงแค่รู้สึกงงๆเล็กน้อย
พวกเขาแค่ต้องการคำตอบจากจางหยู
“หลังจากที่เจ้าบ่มเพาะ “ทักษะจี๋อู่” แล้ว เจ้าจะเข้าใจเอง” จางหยูยิ้มออกมา ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถอธิบายได้ เพียงแต่ถ้าอธิบายออกมา ก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งตัวเขาเองก็เป็นคนที่เกลียดการมีปัญหาที่สุด และขี้เกียจอธิบายด้วย
ผลของ “ทักษะจี๋อู่” ฉบับดัดแปลง แม้ว่าจะเทียบได้แค่ 1/10 ของ “ทักษะจี๋อู่”ฉบับสมบูรณ์ และลมปราณที่บ่มเพาะออกมา อาจจะเทียบพลังลึกลับในร่างของเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยลมปราณเหล่านั้นก็แข็งแกร่งกว่าลมปราณทั่วไปนับสิบเท่า คุณภาพของลมปราณจะเพิ่มขึ้น แม้จะแลกมาด้วยจำนวนปราณที่ลดลง แต่ตามที่เขาคำนวณมา หากบ่มเพาะ “ทักษะจี๋อู่” การบ่มเพาะของอู่โม่ จะลดลงเหลือเพียงฉีซวนขั้นที่ 3 แต่จะไม่ต่ำกว่านั้น ส่วนการบ่มเพาะของอู่เฉินเช่นกัน ถึงจะลดลงเหลือเพียงฉีซวนขั้น 6 แต่จะไม่มีทางต่ำกว่านั้นเป็นอันขาด
ดังนั้น “ทักษะจี๋อู่” ขั้นที่ 3 และขั้นที่ 6 จะทำให้สองพ่อลูกคู่นั้นพอใจอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าจางหยูไม่คิดจะอธิบาย อู่เฉินก็ปิดปากเงียบและไม่กล้าถามมาก
ทั้งห้องกลับคืนสู่ความเงียบอีกครั้ง
เมื่อจางหยูไม่พูด ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมาเช่นกัน
หลังจากพูดคุยกับอู่เฉินเรียบร้อยแล้ว จางหยูก็มองไปรอบๆและพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อพวกเจ้าเลือกเข้าร่วมกับสำนักคังเฉียน เจ้าสำนักอย่างข้า ก็ไม่อาจนิ่งดูดายได้” คิดไปคิดมา จางหยูก็กวักมือเรียกอู่โม่ “อู่โม่มานี่”
อู่โม่ลุกขึ้นยืนและเดินขึ้นไปบนเวทีทันที
“ยาฉีซวน 66 เม็ด เจ้านำไปแจกให้ทุกคน คนละ 6 เม็ด” จางหยูส่งขวดแก้วเก่าๆให้กับอู่โม่ ในขวดแก้วนี้เต็มไปด้วยเม็ดยาสีแดง ที่มีลวดลายบนผิวเม็ดยาถึงสามเส้น
ยาฉีซวนหนึ่งเม็ด สามารถช่วยให้ผู้บ่มเพาะทะลวงขอบเขตฉีซวนได้อย่างง่ายดาย ยิ่งการบ่มเพาะต่ำ ผลของมันก็ยิ่งสูง
อู่โม่รับขวดแก้วเก่าๆมาจากจางหยู ในขวดแก้วนั้นมีเม็ดยาฉีซวนถึง 66 เม็ด และทุกเม็ดล้วนเป็นยาลวดลายระดับ 3 ซึ่งนับว่ามีคุณภาพที่ดีที่สุด ดังนั้นผลของยา ย่อมแข็งแกร่งกว่าเม็ดยาฉีซวนธรรมดาทั่วไปหลายเท่า!
อู่โม่เปิดฝาขวดและแจกจ่ายมันให้กับทุกคน
“นี่คืออะไร? เม็ดยาเหรอ?” หลินหมิงและคนอื่นๆมองไปที่เม็ดยาสีแดงในมือของตัวเองด้วยท่าทีสงสัย ยานี้ส่งกลิ่นที่ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมา ทำให้พวกเขาแทบจะห้ามใจไม่ไหวที่จะกลืนกินมันลงไปทันที
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจมากที่สุดนั่นก็คือ นักสู้อันดับหนึ่งของเมืองทะเลทรายอย่างอู่เฉิน จู่ๆก็แสดงท่าทีตื่นเต้นขึ้นมา เขาจ้องเม็ดยาสีแดงที่อยู่ในมือทั้ง 6 เม็ด แล้วอุทานอย่างดีใจว่า “ยาฉีซวน มันคือยาฉีซวนจริงๆด้วย” เขาเป็นคนที่มีความรู้กว้างขวางมากที่สุด ดังนั้นจึงเข้าใจความล้ำค่าของเม็ดยาฉีซวนนี้ ยิ่งเป็นยาลวดลายระดับ 3 ก็ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่
อย่าหาว่าพูดเกินจริงเลย ยาฉีซวนธรรมดาๆหนึ่งเม็ด ราคาของมันก็สูงกว่าหนึ่งหมื่นเหรียญแล้ว!
ยิ่งเป็นยาลวดลายระดับ 3 มูลค่าของมันอาจจะสูงถึง 20,000-30,000 เหรียญ !
“ยาที่ล้ำค่าแบบนี้ กลับมาอยู่ในขวดแก้วโทรมๆ ช่างเป็นการทำร้ายมันยิ่งนัก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังล้ำค่ามากอยู่ดี” อู่เฉินรู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อยที่ยาล้ำค่าชนิดนี้ถูกทำเหมือนไร้ค่า อย่าว่าแต่ยาฉีซวน 60 เม็ดเลย ต่อให้เป็นแค่หนึ่งเม็ด หรือแม้แต่เศษผงเล็กๆ ก็สูงค่าเกินกว่าจะนำมาใส่ในขวดแก้วเก่าๆนี่ ถ้าหากคนที่ยืนอยู่บนเวทีไม่ใช่จางหยูนะ เขาคงด่าไปนานแล้ว
แม้ว่าหลินหมิงและคนอื่นๆจะไม่รู้ว่ายาฉีซวนเหล่านี้มีผลอย่างไร แต่เมื่อเห็นท่าทางของอู่เฉิน ที่ประคับประคองยาเหล่านั้นอย่างทะนุถนอม ราวกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในใจของพวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่ายาเหล่านี้มีค่ามาก
แม้แต่นักสู้ฉีซวนขั้น 9 ยังดูแลอย่างดี ประหนึ่งเป็นของศักดิ์สิทธิ ต่อให้พวกเขาใช้เท้าคิด ก็เดาออกว่ามันต้องเป็นของล้ำค่าอย่างแน่นอน
“นี่คือยาฉีซวน หลังจากกินเข้าไปแล้ว มันจะช่วยเพิ่มพลังในการบ่มเพาะให้กับพวกเจ้า” จางหยูอธิบายอย่างเรียบง่าย เหมือนไม่ให้สนใจมันเท่าไหร่ คล้ายกับว่ากำลังแนะนำสินค้าทั่วไปเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงมันก็ใช่ เพราะเขาสามารถปรุงยาชนิดนี้ตอนไหนหรือที่ไหนก็ได้ นอกจากนี้ปรุงยาครั้งหนึ่งก็ได้เม็ดยามารอบละ 9-10 เม็ด แม้จะแจกจ่ายให้ศิษย์คนละ 6 เม็ด ก็ยังเหลือติดตัวถึง 21 เม็ด ฉะนั้นเขาจึงไม่รู้สึกสนใจมันจริงๆ “ในอนาคต ยาฉีซวนชนิดนี้ ข้าจะแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ทุกคนเสมอ ถือเสียว่าเป็นสิทธิพิเศษสำหรับศิษย์สำนักคังเฉียง”
ยาฉีซวน 6 เม็ด พร้อมกับ “ทักษะจี๋อู่” ฉบับดัดแปลง เพียงเท่านี้ก็น่าจะทำให้ศิษย์ของสำนักคังเฉียงทะลวงขอบเขตฉีววนขั้นที่ 1 กันทุกคน!
ต่อให้ศิษย์กลุ่มนี้จะไร้พรสวรรค์ก็สามารถเลี้ยงดูให้กลายเป็นอัจฉริยะได้ ในใจของจางหยูเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ