ระบบรีสอร์ทเจ้าสัว - ตอนที่ 5 สถานที่ตั้งโรงแรม
ตอนที่ 5 สถานที่ตั้งโรงแรม
หลังจากเยี่ยมชมตรอกกวนไฉ่เสร็จเรียบร้อย หลี่หยางก็เดินดูรอบๆเพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมโดยรอบและสำรวจตลาดข้างทาง หากเขาต้องการจะเปิดโรงแรมอย่างแรกที่เขาจะต้องเลือกเลยก็คือ จุดชมวิวที่มีชื่อเสียง แน่นอนมันทำให้เขามั่นใจว่าอย่างน้อยก็จะมีผู้คนผ่านไปมา
แต่มันมีโรงแรมและที่พักหลายแห่งตั้งอยู่ล้อมรอบตรอกกวนไฉ่ สมกับที่เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยว อุตสาหกรรมที่พักนั้นนับเป็นหนึ่งในอุสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในเมืองนี้เลย
ถ้าคุณเลือกจะเปิดโรงแรมที่นี่ และไม่สามารถสร้างจุดยืนของตัวเองได้มันก็จะขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่จะทำให้คุณหายไปจากเมือง
หลังจากเดินสำรวจทั้งช่วงบ่าย หลี่หยางก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยเขาจึงกลับไปที่โรงแรมของเขา และเริ่มเปิดดูข้อมูลรายการที่เขาสะสมมานอกเหนือจากข้อมูลที่เขาเก็บรวบรวมมาก้ยังมีข้อมูลที่ผู้อื่นโพสลงอินเตอร์เน็ตด้วย เขาได้ทำการสำรวจและทำความเข้าใจใน ความต้องการของตลาด
ในวันที่ 2 หลี่หยางได้ไปที่บ้านพักเดียวตู่ฟู่ที่ถนน ชุนซี และจุดชมวิวอื่นๆและย่านการค้าโดยรอบที่มีนักท่องเที่ยวเยอะๆเพื่อทำการเก็บข้อมูล
หลังจากลงพื้นที่สำรวจในวันนี้ แม้ว่าขาทั้งสองข้างของเขาจะแทบหักแต่มันก็ทำให้หลี่หยางมีความเข้าใจในพื้นที่และนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้เขายังได้ลองพูดตคุยกับคนในท้องที่และได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรทราคาของแต่ละพื้นที่และได้บรรทัดฐานมาอ้างอิงอย่างคร่าวๆในใจ จากนั้นเขาจึวงเริ่มมองหาสถานที่ตั้งโรงแรมที่เหมาะสมต่อข้อกำหนดของระบบ
หลี่หยางไม่สามรถทำงานนี้ได้ด้วยตัวคนเดียวอย่างแน่นอนประมาณว่าเขาคงไม่สามารถหาที่ๆใช่ได้หรอกถ้าเขาหมดแรงจะตามหาซะก่อน เพราะท้ายที่สุดข้อมูลที่เขาได้มาจากนายหน้าก็มีข้อมูลเท็จอยู่เป็นจำนวนมากและยากที่จะตรวจสอบว่าข้อใดบ้างที่เป็นไปตามข้อกำหนดของระบบ
สิ่งที่เรียกว่า อุตสาหกรรมการตกแต่งยังคงถือเป็นอุตสาหกรรมที่เชื่อถือได้มากที่สุดที่จะเจอในที่อยู่อาศัย แม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากแต่มันก็ดีว่าต้องอยู่ในห้องที่ดูแปลกประหลาดละดูไม่ปกติและมันจะยิ่งเป็นการเสียเวลามากขึ้นแน่นอนถ้าค่าที่พักนั้นยังราคาแพงอีก
หลังจากบอกข้อกำหนดของเขากับนายหน้าค้าที่ดินแล้วนั้น เขาก็ได้แต่นั่งรอข่าวดี
ในคืนนั้นหลี่หยางสามารถนอนหลับได้อย่างรวดเร็วเพราะความเหนื่อยล้าหลังจากลงพื้นที่สำรวจทั้งวัน เขานอนจนถึง 10 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้นถ้าไม่ได้เสียงโทรศัพท์จากนายหน้าเขาก็คงจะหลับต่อไปจนถึงเที่ยงอย่างแน่นอน
นายหน้าได้บอกกับเขาว่า มีสถานที่ 2 แห่งที่ตรงกับข้อกำหนดของหลี่หยาง และเขาก็มีแผนที่จะพาหลี่หยางไปดูพวกมัน
หลี่หยางรีบลุกไปล้างหน้าแปรงฟันเขากินเพียงแค่อาหารที่โรงแรมจัดไว้ให้ด้านล่างแล้วรีบออกไปดูสถานที่กับนายหน้า
ที่แรกที่เขาไปดูนั้น มีลานกว้าง และล็อบบี้ที่ชั้น 1 งสามารถใช้เป็นห้องรับรองได้ด้วย และมีพื้นที่โดยรวมมากกว่า 500 ตารางเมตร ที่นี่อยู่ใกล้กับตรอกกวนไฉ่ดังนั้นค่าสัญญาเช่าจึงสูงมาก และระยะเวลาในสัญญาเช่าก็คือ 1 ปี ซึ่งมันเกินงบของหลี่หยางไปอย่างมาก
ร้านที่ 2 เป็นโรงแรมขนาดเล็กเก่า ทั้งขนาดพื้นที่และราคาถือว่าเหมาะสมมาก น่าเสียดายที่มันไม่มีสนามหญ้าและพื้นที่นันทนาการตามข้อกำหนดของระบบ
หลี่หยางตรวจสอบข้อกำหนดที่เขามอบให้กับนายหน้าอีกครั้งและขอให้เขามองหาสิ่งเหล่านี้อย่างเคร่งครัด
นายหน้านั้นไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมหลี่หยางถึงเคร่งครัดกับข้อกำหนดของเขามากนัก แต่ถึงอย่างนั้นเราก็สัญญาว่าจะช่วยหลี่หยางตามหาสถานที่ที่ตรงตามความต้องการของเขา
หลังจากดูทั้งสองร้านเสร็จมันก็เป็นเสวลาเกือบบ่ายสามแล้ว และหลี่หยางก็นึกขึ้นได้ว่าเขามีนัดที่จะไปกินอาหารค่ำกับหวังเยว่
หลี่หยางรีบส่งข้อความไปหาหวังเยว่เพื่อถามเธอว่าว่างเมื่อไหร่เขาจะได้สามารถไปจองร้านอาหารก่อนได้ สิบนาทีต่อมาหวังเยว่ก็ตอบกลับมาว่าเธอว่างหลังหกโมงเย็น
หลี่หยางรีบโทรไปที่ร้านหม้อไฟเพื่อของโต๊ะ นี่คือร้านที่เขาวางแผนจะไปกินเมื่อเดินทางมาถึง แต่มันน่าเบื่อเกินไปที่จะมานั่งกินคนเดียว เขาจึงรอเก็บไว้กินกีบหวังเยว่เป็นพิเศษในคืนนี้
น่าเสียดายที่โต๊ะของทางร้านนั้นเต็มแล้ว หลี่หยางทำได้แค่ไปรอต่อคิวตามปกติ “ฉันได้ยินมาว่าร้านหม้อไฟนี้ได้รับความนิยมอย่างมากและคิวของร้านก็เต็มเกือบทุกวัน
หลี่หยางไม่รู้ว่าเขาได้โต๊ะรึเปล่า เขาควรจะได้รับเพราะร้านจะเริ่มเต็มเมื่อบ่ายสามครึ่งและตอนนี้ก็ยังมีที่ให้นั่งรออยู่
การเข้าคิวเพื่อรอกินหม้อไฟในเมืองนี้นั้นถือเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะกับร้านที่ขึ้นชื่อเช่นร้านนี้ โดยปกติจะต้องต่อคิวเป็นเวลา 1 ถึง 2 ชั่วโมง
หลี่หยางได้รับคิวจากพนักงานต้อนรับ จากนั้นเขาจึงส่งโลเคชั่นร้านอาหารไปให้กับหวังเยว่ โดยเขาได้นัดเธอไว้ตอนหกโมงครึ่ง
ร้านหม้อไฟนั้นมีกฎว่าคิวทั้งหมดจะต้องหมดในวันนั้น ถ้าผ่านคิวหมายเลขไปแล้วแล้วยังไม่มาก็จะต้องรออีก 3 คิวถึงจะมาเข้าร้านได้ ในตอนนี้ยังมีเวลาอีก 3 ชั่วโมงกว่าที่จะถึงเวลานัดแต่หลี่หยางก็ไม่สามารถนั่งรอโง่ๆตรงนี้ได้ หลังจากที่หลี่หยางบอกพนักงานต้อนรับให้จองหมายเลขของเขาเรียบร้อยแล้วนั้น เขาก็ไปนั่งพักผ่อนอยู่ที่โรงน้ำชาใกล้ๆ
หลังจากดื่มชาและชมการแสดงจนใกล้ถึงเวลานัด หลี่หยางก็มาที่ร้านหม้อไฟอีกครั้งและเข้าแถว เมื่อหวังเยว่มาถึงร้าน มันก็เหลือเพียงแค่อีกโต๊ะเดียวก่อนที่จะถึงคิวของพวกเขา
วันนี้หวังเยว่สวมใส่ชุดเดรสสีขาด ที่ออกแบบมาให้เปิดหัวไหล่และทำให้ได้กลิ่มหอมจางๆจากตัวเธอ ทั้งผิวสีขาวที่ดูอ่อนโยน รองเท้าส้นสูงที่ประดับไปด้วยคริสตัลเล็กๆ ต่างหูและสร้อยคอนั้นทำให้เธอดูมีรสนิยมที่เรียบง่าย
ใบหน้าของหวังเยว่นั้นสวยมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอก็สวยมากขึ้นด้วยการแต่งหน้า ในทันทีที่เธอเดินเข้ามาในร้าน เธอก็ได้ดึงดูดสายตาของผู้ชายทั้งร้านในทันทีและรวมถึงหลี่หยางด้วย
“เธอคงไม่ได้นั่งรอคิวอยู่ที่นี่ตลอดใช่ไหม” หวังเยว่ถามด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆ ไม่หรอก พอฉันได้คิวแล้วฉันก็ไปนั่งรอที่โรงน้ำชาตรงข้ามร้านนี่แหละ”หลี่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ดีแล้ว นั่นเป็นอะไรที่ฉลาดมาก เอาละมาคุยเรื่องแผนการกันถอะ” หวังเยว่พูดพลางเดินไปหาหลี่หยาง ทำให้เขาได้กลิ่นน้ำหอมจางๆของเธอ
“ได้เลย!” หลี่หยางยิ้มให้กับเพื่อนเก่าของเขา ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาแล้ว
“เธอพึ่งมาถึงวันนี้เหรอ” หวังเยว่เริ่มเปิดหัวข้อสนทนา
“เปล่า ฉันมาที่นี่ตั้งแต่วันพฤหัสบดีแล้ว”
“มาที่นี่ตั้งแต่พฤหัสบดีแล้วเหรอ ทำไมไม่เห็นติดต่อมาหาฉันก่อนละ”
“มันก็แค่สองวันเอง เอาละมาเริ่มสั่งอาหารกันเถอะ”หลี่หยางพูดพลางยื่นเมนูไปหาหวังเยว่
ก่อนหน้านี้หนักงานได้มอบมนูให้กับหลี่หยางเพื่อให้เขาได้ดูเมนูล่วงหน้าก่อนแล้ว
“เธอสั่งอะไรละ?” หวังเยว่หยิบเมนูและถามหลี่หยางอย่างเป็นกันเอง
“ฉันสั่งเนื้อที่เป็นสินค้าพิเศษของร้านไปนะ ถ้าเธออยากกินอะไรก็สั่งได้เลยนะ” หลี่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“งั้นฉันเอาเป็นกุ้งเสียบไม้กับผักสดแล้วกัน” หวังเยว่ไม่ได้เสียเวลาเธอสั่งสิ่งที่เธออยากกินทันที
ในเวลานี้เองพนักงานก็ได้เรียกคิวของหลี่หยาง หลี่หยางและหวังเยว่มายังที่นั่งของพวกเขาและสั่งเมนูที่พวกเขาต้องการกับเบียร์เย็นๆสองแก้ว
เดิมทีหลี่หยางกะจะสั่งน้ำผลไม้ให้หวังเยว่ แต่หวังเยว่ก็ชอบดื่มเหมือนกันทั้งคู่จึงได้สั่งเบียร์ไปสองแก้ว
“เธอมาที่นี่ตัวคนเดียวเหรอ?” หวังเยว่ยังคงถามต่อ
“ใช่แล้ว!”
“เธอจะอยู่ที่นี่กี่วันละ?”
“ฉันน่าจะอยู่ที่นี่อีกเป็นเวลานาน” หลี่หยางตอบด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อเขาเห็นหวังเยว่ทำหน้าสงสัย เขาก็พูดอธิบายต่อ “ความจริงแล้วฉันมาที่เมืองนี้เพื่อเริ่มต้นธุรกิจนะ”
“เป็นเจ้าของธุรกิจหรอ สุดยอดไปเลย แล้วเธอจะทำเกี่ยวกับอะไรละ?” หวังเยว่มองหลี่หยางด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเพื่อนเก่าของเธอคนนี้จะมาเป็นเจ้าของธุรกิจ
“ฉันต้องการที่จะเปิดโรงแรมน่ะ วันนี้ฉันก็กำลังมองหาทำเลที่เหมาะสม” หลี่หยางตอบด้วยรอยยิ้ม
“อ๋อ แต่นั่นต้องใช้เงินทุนไม่ใช่น้อยๆเลยนะ ฉันชื่นชมนะที่เธอกล้าที่จะเป็นธุรกิจ ปีที่แล้วเพื่อนในมหาลัยของฉันก็เริ่มต้นธุรกิจเหมือนกัน และมันก็คือโรงแรม”
“จริงหรอ? แล้วทำเลที่ตั้งของเขาเป็นยังไงบ้านละ” หลี่หยางถาม
“อืม.. พูดตามตรงนักท่องเที่ยวในเมืองนี้มีมากก็จริง แต่การแข่งขันในเมืองนี้ก็สูงและดุเดือดมากตามไปด้วยเช่นกัน และค่าเช้าที่นี่ก็ค่อนข้างมาราคาแพง เพื่อนของฉันพยายามอย่างหนักตลอดทั้งปีแต่เขาก็ยังไม่สามารรถทำเงินได้มากพอ เขายังคงวิตกกังวลและเมื่อไม่นานมานี้ฉันได้ข่าวมาว่าเขากำลังจะหางานใหม่แล้ว”
เมื่อหวังเยว่พูดออกไปแล้ว เธอก็เหมือนจะรู้สึกตัวว่ามันเป็นอะไรที่ไม่คสรพูด เธอจึงรีบเปลี่ยนบทสนทนา “เอ่อ.. ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้เธอท้อหรอกนะยังไงธุรกิจมันก็เป็นเรื่องของธุรกิจ และหลายๆคนก็ยังสามารถที่จะหาเงินจากการทำโรงแรมได้”
“ไม่เป็นไร ฉันอยากได้ความคิดเห็นของเธอเหมือนกัน”
“ฮ่าๆ ฉันไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ดังนั้นฉันคิดว่าฉันไม่พูดจะดีกว่า แต่ฉันมองเธอในแง่ดีนะ” แม้ว่าหวังเยว่จะพูดแบบนั้นแต่ความคิดในใจของเธอนั้นก็ตรงกันข้ามกัน
จริงๆแล้วเธอได้ยินเกี่ยวกับวงการนี้มามากมายจากเพื่อนๆของเธอ การลงทุนครั้งแต่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากและค่าตกแต่งก็ไม่ใช่ถูกๆอุตสาหกรรมนี้มีการแข่งขันที่สูงมากในเมืองนี้ และทำเงินได้ยาก ถ้าคุณไม่ระวังให้ดี คุณก็อาจจะล้มละลายได้
เพื่อนของเธอคนนี้อาศัยอยู่ในเมืองนี้มาเป็นเวลานานหลายปี และเธอก็มีทรัพยากรและเงินทุนพร้อมอยู่ในมือ แต่เธอก็แทบจะไม่สามารถบริหารมันได้เลย
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใชเรื่องง่านแน่นอนที่หลี่หยางจะเริ่มต้นธุรกิจในเมืองนี้ถ้าเขาไม่มีเส้นสายและทรัพยากรที่มาพอ และมันก็ยากมากที่จะผ่านช่วงแรกๆไป เธอจึงไม่มีอะไรจะพูดมากนัก
อ่านก่อนใครได้ที่ : นอนน้อย โนเวล