ระบบราชันแมลงจิ๋วแต่แจ๋ว - บทที่ 190 พลังของฟางฟาน ฉากอันน่าตกตะลึง(ฟรี)
บทที่ 190 พลังของฟางฟาน ฉากอันน่าตกตะลึง(ฟรี)
เสียงกระดูกร้าวนั้น กลับดังมาจากร่างของทั้งสองที่กำลังปะทะกันอยู่กลางอากาศ
“เป็นใครกันแน่…”
ทุกคนมีสีหน้าเคร่งขรึม จ้องมองไปยังทั้งสองอย่างไม่วางตา เสียงกระดูกร้าวนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในสถานการณ์ปกติ จะต้องเป็นร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
เป็นเจ้าสำนักลมไฟ หรือว่าเป็นอสูรระดับดาวตนนั้น?
กลางอากาศนั้น การโจมตีของฟางฟานได้กระแทกเข้าใส่ร่างของน่าตัวแล้ว และเกล็ดที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าของน่าตัว ก็ได้ทิ่มแทงเข้าใส่ฟางฟานอย่างล้ำลึกเช่นกัน
พร้อมกับเสียงกระดูกร้าวที่ดังขึ้น
แววตาของน่าตัวที่เดิมทีเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองพลันว่างเปล่าในทันที จากนั้นบริเวณที่ถูกฟางฟานโจมตี เกล็ดทั้งหมดก็แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยร่วงหล่นลงสู่พื้น
เสียงเกล็ดแตกสลายดังขึ้น ไม่ต่างจากเสียงกระดูกร้าวที่ได้ยินก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย
ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บคือ น่าตัว อสูรระดับดาว!
ภายใต้เกล็ดนั้น หมัดของฟางฟานได้ทลายร่างของน่าตัวจนเกิดเป็นรูเลือดขนาดใหญ่ไปนานแล้ว
ส่วนเกล็ดบางส่วนที่ทิ่มแทงเข้าร่างกายของฟางฟาน ราวกับได้พบกับสิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าตัวมันเอง จนแตกสลายออกไป
การโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนั้น กลับไม่สามารถทะลวงการป้องกันทางกายภาพของฟางฟานได้ด้วยซ้ำ
ในทางกลับกัน หมัดเดียวของฟางฟาน ได้ทำลายร่างกายที่น่าตัวภาคภูมิใจ การหมุนด้วยความเร็วสูงอันน่าสะพรึงกลัวนั้น ภายใต้หมัดเดียวของฟางฟาน ก็ได้หยุดลงแล้ว
“ดูเหมือนว่า เจ้ายังใช้ไม่ได้นะ!”
ฟางฟานแค่นเสียงเย็นชา น่าตัวส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับจะขาดใจตาย จากนั้นร่างมหึมาทั้งร่างราวกับติดเครื่องยิง พุ่งตรงไปยังพื้นดินอย่างรุนแรง
ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าตอนที่พุ่งขึ้นมาเสียอีก
“ตูม!”
พื้นดินถูกกระแทกจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
“ไม่… ไม่… เป็นไปไม่ได้!”
น่าตัวสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดภายในร่างกาย มองเห็นร่างกายที่ล้านเลี่ยนไปแล้วส่วนหนึ่ง ไม่อาจเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ได้
ตนเองกลับพ่ายแพ้ในการประลองร่างกายกับมนุษย์ผู้นั้น!
แถมยังแพ้อย่างราบคาบ…
เพียงหมัดเดียวนั้น ไม่เพียงแต่ทำลายกงล้อหนามผ่าวิญญาณของมัน แต่ยังทำร้ายมันได้อีกด้วย
ในทางกลับกัน การโจมตีของตนเอง กลับไม่ส่งผลใดๆ เลย
เหนือหลุมยักษ์นั้น ร่างของฟางฟานส่องประกายแสงสีทอง ราวกับอยู่เหนือสรรพสิ่ง กลิ่นอายอันแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ระเบิดออกมา ปกคลุมทั่วทั้งสมรภูมิ พลังอันแข็งแกร่งนั้นได้สร้างความตกตะลึงอย่างสุดซึ้งให้กับทุกชีวิต
เพียงหมัดเดียว ก็ทำลายร่างกายที่น่าตัวภาคภูมิใจได้แล้ว!
มองในทางกลับกัน ต่อหน้าการโจมตีอันทรงพลังของน่าตัว ฟางฟานกลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย นี่มันเป็นร่างกายที่น่าสะพรึงกลัวเพียงใด เป็นพลังที่แข็งแกร่งเพียงใดกัน?
นี่คือสิ่งที่ผู้คุ้มครองระดับหนึ่งดาวของมนุษย์จะสามารถมีได้งั้นหรือ?
นี่มันน่ากลัวยิ่งกว่าร่างกายของอสูรระดับดาวบางตนที่เชี่ยวชาญด้านการฝึกฝนร่างกายเสียอีก!
บนท้องฟ้าเบื้องบน คนทั้งแปดที่เห็นภาพนี้ถึงกับตกตะลึง แววตาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จ้องมองฟางฟานอย่างไม่วางตา พยายามมองหาเงาของอสูรบนร่างของฟางฟาน
แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็สามารถยืนยันได้ว่า ฟางฟานคือมนุษย์ ไม่ใช่อสูร!
การต่อสู้ระหว่างทั้งสอง เปรียบได้กับมดสู้กับช้าง แต่ผลลัพธ์กลับเป็นว่าช้างไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำลายการป้องกันของมดได้ แต่ยังถูกมดเอาชนะอีกด้วย!
“ห-หรือ… หรือว่าจะเป็น… ราชันย์…”
คนทั้งแปดค่อยๆ มองหน้ากัน ในแววตาไม่ปิดบังความตกตะลึงของตนเองแม้แต่น้อย ปาฏิหาริย์ไม่เพียงแต่เกิดขึ้น แต่ยังเกือบทำให้พวกเขาตกใจจนสะดุดล้ม
ตอนนี้ พวกเขาสงสัยว่า พรสวรรค์ของฟางฟานอาจจะไม่ได้อยู่ในระดับอัจฉริยะ และไม่ใช่ราชาแห่งอัจฉริยะ แต่เป็นตัวตนที่อยู่เหนือกว่านั้น!
ราชันย์!
ในทุกเผ่าพันธุ์ รวมทั้งเผ่ามนุษย์ของพวกเขาด้วย จะมีราชันย์ถือกำเนิดขึ้น พรสวรรค์ของราชันย์แข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด ความเร็วในการเติบโตของพลังนั้นรวดเร็วจนไม่อาจจินตนาการได้ บนร่างรวบรวมโชคและวาสนาของทั้งเผ่าพันธุ์ไว้
การปรากฏตัวของเขา จะผงาดขึ้นมาด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ จากนั้นจะนำพาเผ่าพันธุ์ทั้งมวลไปสู่ความรุ่งโรจน์
สถานการณ์ของเผ่ามนุษย์ในปัจจุบัน ก็สืบเนื่องมาจากการปรากฏตัวของราชันย์สามตนในยุคแห่งหายนะในอดีต!
“ถ้าหาก เขาคือราชันย์จริงๆ…”
“เช่นนั้นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก็ดูสมเหตุสมผล เพราะราชันย์เป็นเช่นนี้ เติบโตท่ามกลางการต่อสู้ ทะลวงขีดจำกัดท่ามกลางวิกฤต และเกิดใหม่ดุจฟีนิกซ์ท่ามกลางความสิ้นหวัง!”
“แต่ว่า ถ้าหากเขาคือราชันย์จริงๆ”
“เช่นนั้น ความสำคัญของเขา ก็ได้ก้าวข้ามเมืองเจียงไห่ทั้งเมืองไปแล้ว”
“ต่อให้เมืองเจียงไห่ต้องพินาศ ก็ต้องปกป้องเขาให้ปลอดภัย”
คนทั้งแปดไม่กล้าพูดการคาดเดาของพวกเขาออกมา ทำได้เพียงส่งกระแสจิตอย่างลับๆ สายตาที่มองไปยังฟางฟานไม่ได้เป็นการชื่นชมและคาดหวังเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แต่เป็นความยำเกรง!
ท้ายที่สุดแล้ว ตัวตนระดับราชันย์ คือสิ่งที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับผู้คุ้มครองอย่างพวกเขายังต้องแหงนมอง
ส่วนกู่ถ่า อสูรระดับห้าดาวก็ไม่ใช่คนโง่ มันก็เห็นความน่าสะพรึงกลัวของฟางฟานเช่นกัน เพิ่งจะเลื่อนขั้นเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้คุ้มครอง ร่างกายก็เหนือกว่าน่าตัวไปไกลแล้ว
มันก็เริ่มคิดไปในทิศทางนี้เช่นกัน…
หากมนุษย์คนนั้นเป็นตัวตนเช่นนั้นจริงๆ ต่อให้ต้องสละเมืองเจียงไห่ทั้งเมือง ก็ต้องสังหารคนผู้นี้ที่นี่ให้ได้
กระทั่งไม่ลังเลที่จะระดมพลผู้แข็งแกร่งทั้งเผ่าอสูร ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ก็ต้องทำลายล้างมันให้สิ้นซาก
พวกมันไม่อนุญาตโดยเด็ดขาด ให้ในหมู่มนุษย์มีคนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้นปรากฏขึ้นมาอีก
ฟางฟานไม่รู้ว่า พลังที่ตนเองแสดงออกมา ได้สร้างความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เขามองไปยังน่าตัวที่ถูกตนเองซัดลงไปกองกับพื้นอย่างเย็นชา
ลำแสงสีทองวาบผ่าน ฟางฟานไม่ลังเล การโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวจู่โจมเข้าไปอีกครั้ง
ไม่ใช่แค่พวกเจ้าเผ่าอสูรที่เข้าใจ การเหยียบย่ำซ้ำเติมตอนที่ศัตรูอ่อนแอ!
ฟางฟานปล่อยหมัดออกไป พร้อมกับพลังมหาศาล ทำลายเกล็ดบนร่างของน่าตัวอีกครั้ง บนร่างปรากฏเป็นรูเลือดขนาดใหญ่อีกแห่ง
“โฮก!”
น่าตัวส่งเสียงร้องโหยหวน อยากจะตอบโต้ แต่สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวของฟางฟานไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่ยังรวมถึงความเร็วของเขาด้วย
น่าตัวไม่สามารถโจมตีได้ถึงตัวเลย ทำได้เพียงโจมตีใส่พื้นดินครั้งแล้วครั้งเล่า
การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของน่าตัวยังทำอะไรฟางฟานไม่ได้ การโจมตีเหล่านี้ต่อให้โดนตัวฟางฟาน ก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ ให้กับฟางฟานได้เลย
“เจ้าไม่ใช่ว่าไล่ตามข้าสนุกมากหรอกรึ!”
“ข้าอยากจะเห็นนักว่า หากไม่มีเกราะเกล็ดนี้แล้ว เจ้าจะเป็นตัวอะไร”
ฟางฟานปลดปล่อยพลังออกมา ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด กลายเป็นลำแสงสีทอง มาอยู่บนร่างของน่าตัว เกล็ดแต่ละชิ้นนั้นมีขนาดพอๆ กับร่างกายของฟางฟาน
เมื่อมายืนอยู่บนร่างของน่าตัว น่าตัวที่เดิมทีกำลังกึ่งหมอบอยู่ ทันใดนั้นก็ราวกับแบกภูเขาลูกใหญ่ไว้ ถูกกดจนหมอบราบลงกับพื้นอย่างแรง
ฝุ่นควันขนาดใหญ่ฟุ้งกระจายขึ้น
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนถึงกับตาหดเล็กลง สูดลมหายใจเย็นเยียบ ไม่อาจจินตนาการได้ว่า ด้วยร่างกายของมนุษย์ จะสามารถทำได้ถึงเพียงนี้
ฟางฟานไม่ได้ประหลาดใจกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้สถานการณ์เช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับตัวเขามาแล้ว เมื่อพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้น น้ำหนักของเขาก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
ร่างกายที่เดิมทีหนักเพียงร้อยกว่าจิน ตอนนี้กลับหนักถึงขั้นที่สามารถกดอสูรระดับดาวให้หมอบราบได้
แม้ว่าในเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับสภาพที่อ่อนแอของน่าตัวด้วย แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ในขณะนี้ร่างกายของฟางฟานหนักเพียงใด!
และฟางฟานคาดเดาว่า การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักของตนเอง มีความสัมพันธ์อย่างมากกับพรสวรรค์ร่างไม่เสื่อมสลาย
ก็ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้พลังของฟางฟานในตอนนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด
น้ำหนักตัวมหาศาลเช่นนี้ บวกกับพรสวรรค์พลังพันเท่าของมด
ทำให้พลังของฟางฟานได้มาถึงระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
พลังมหาศาล บวกกับร่างอวัชระ ทำให้ระดับความน่าสะพรึงกลัวของฟางฟานเพิ่มขึ้นไปอีกหลายระดับ