ระบบการ์ตูนในโลกนารูโตะ - ตอนที่ 14 การมาเยือนอย่างกะทันหัน
ตอนที่ 14 การมาเยือนอย่างกะทันหัน
บูม!
เมื่อจักระสุดท้ายที่เหลืออยู่ของเขาหมดลง ร่างแยกเงาของเขาก็หายไปในอากาศ
อาคาบาเนะ ที่กำลังงีบหลับอยู่บนเตียง ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ
“บ้าจริง! ฉันเกือบหัวใจวายตาย”
อาคาบาเนะ รู้สึกอ่อนเพลียและง่วงนอนเล็กน้อย
“โชคดีที่ฉันเรียกร่างแยกเงาได้เพียง 2 ตัวเท่านั้น ถ้ามากกว่านี้ฉันอาจจะเป็นลมหมดสติไปแล้ว”
และทันใดนั้น
“อาคาบาเนะ! พ่อกลับมาแล้ว”
ขณะที่เขาคร่ำครวญ เขาก็ได้ยินเสียงพ่อของเขาเรียกอยู่ที่ชั้นล่างด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข
“ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนว่าพ่อจะทำสำเร็จ”
อาคาบาเนะ ลุกขึ้นและผสานอืนเรียกร่างแยกเงาอีกครั้ง
“นายวาดการ์ตูนรอไปก่อน ฉันจะลงไปหาพ่อที่ชั้นล่าง”
แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์ที่จะพูดกับร่างแยกเงาของตนเอง แต่การได้พูดคุยกันก็กลายเป็นนิสัยของเขาไปแล้ว
“ไปเถอะ นายอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์”
อาคาบาเนะ พูดไม่ออกซักพัก
ร่างแยกเงาของเขาไม่มีความรู้สึกที่เป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย
ท้ายที่สุดมันก็ถอดแบบมาจากตัวเขาเองทั้งหมด
เมื่อลงมาชั้นล่างเขาก็เห็นพ่อของเขาถือกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่
“นี่คือโฉนดร้านค้า ดังนั้นร้านนั้นจะเป็นของลูกตั้งแต่วันนี้”
อาคาบาเนะ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดเลยว่าคำขอของเขาจะได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็วเช่นนี้
เขารีบเดินไปหยิบโฉนดพร้อมกับกวาดสายตามอง ที่อยู่ของร้านเขียนไว้ด้านบน และตราประทับของตระกูลคุรามะถูกประทับไว้ที่ด้านล่าง
“พ่อครับ ขอบคุณมาก!”
อาคาบาเนะ ยังคงไม่อยากเชื่อว่านี่คือของจริง เขาตรวจสอบอีกครั้งและยืนยันว่านี่คือร้านของตระกูลนาราจริงๆ และตอนนี้มันเป็นของเขาแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะยังเป็นกรรมสิทธิ์ของตระกูลคุรามะอยู่ก็ตาม
แต่ไม่ช้าก็เร็วมันจะเป็นของเขา!
เนื่องจากเขาเป็นคนเดียวในตระกูลที่สามารถปลุกขีดจำกัดทางสายเลือดและเขาจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลคนต่อไป อนาคตของตระกูลคุรามะอยู่ในกำมือของเขา
อาคาบาเนะ ส่ายหน้า ทิ้งความคิดในใจ แล้วจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“พ่อครับ ผมจะวาดแบบแล้วให้ทุกคนในตระกูลช่วยกันตกแต่งภายในร้านตามแบบที่ผมวาดมันจะได้ไหมครับ? ”
เดิมร้านนี้เป็นร้านขายยาของตระกูลนารา ดังนั้นการออกแบบภายในจึงจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงใหม่
“อืมได้ แต่พ่อหวังว่าลูกจะตั้งใจฝึกวิชานินจาให้มาก อย่าได้เสียเวลาไปกับร้านการ์ตูนให้มากจนเกินไป”
“เข้าใจแล้วครับพ่อ ผมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง”
เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าเขาสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งที่เป็นนินจาได้ก็เพราะการ์ตูน ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยอมรับปากพ่อของเขาเท่านั้น
การบอกให้คนอื่นๆอ่านการ์ตูนของเขาทีละคนเป็นการเสียเวลาและได้แต้มช้า การเปิดร้านการ์ตูนนี้สามารถแก้ปัญหาของเขาได้ และเขาสามารถรับเงินจากการขายการ์ตูนได้อีกทางหนึ่งซึ่งถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว!
อาคาบาเนะ กลับมาที่ห้องและกำลังจะวาดการ์ตูน แต่ทันทีที่เขาหยิบพู่กันขึ้นมา เขาก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยนอกหน้าต่าง
“นั่นใคร?”
อาคาบาเนะ และร่างแยกเงาของเขา หันหน้ามองออกไปข้างนอกพร้อมๆ กัน
จากนั้นก็มีเสียงที่ไพเราะดังมาจากนอกหน้าต่างที่ปิดอยู่: “ฉันเอง เปิดประตูหน้าต่างให้หน่อย”
“ซึนาเดะ?”
อาคาบาเนะ ตกใจอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ลุกขึ้นและเปิดหน้าต่าง
ทันทีที่เขาเปิดหน้าต่าง เขาเห็น ซึนาเดะ ห้อยหัวลงมาจากชายคาบ้าน
“ทำอย่างกับ สไปเดอร์แมน” เขาคิดอย่างสับสน
เมื่อมองจากมุมของเขา เขาสามารถมองทะลุช่องว่างผ่านคอเสื้อของเธอได้
“นายมองอะไร!”
ซึนาเดะ รีบกระโดดลงมาที่ห้องของเขา
เมื่อได้ยินคำถามของ ซึนาเดะ อาคาบาเนะ นิ่งเงียบไปพักหนึ่งใครใช้ให้เธอมาห้อยหัวอยู่ที่ชายคาบ้านฉัน? แล้วนี่ยังมาตำหนิฉันอีก?
สำหรับ ซึนาเดะ ในปัจจุบัน ไม่มีอะไรให้ดูมากนักนอกจากความน่ารักของเธอ คุณสามารถพูดคำว่า “แบน” ได้อย่างเต็มปาก แต่อย่าให้เธอได้ยินคำพูดนี้ ไม่อย่างนั้นคุณจะตายในวินาทีเดียว มันเหมือนเป็นคำต้องห้าม
“เข้ามาทางหน้าต่างทำไม บ้านฉันก็มีประตู”
อาคาบาเนะ ตอบด้วยความโมโห แล้วนั่งลง พยายามสงบสติอารมณ์ของเขา
ซึนาเดะ ยิ้มและพูดว่า “นายไม่เห็นเหรอว่าฉันยืนอยู่บนชายคา?”
“แหม๋ เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ”
คนปกติทั่วไปจะมาหาเพื่อนผ่านประตูบ้าน แต่เธอคนนี้กลับต้องการที่จะอวดทักษะการปีนต้นไม้จากการควบคุมจักระ
หึ! ยัยเด็กเหลือขอ!…..
อาคาบาเนะ ชมอย่างประชดประชัน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจ
“เฮ้ นายรีบอยู่ไม่ใช่เหรอ เอาสิ! เอาสิ! วาดต่อเลย ฉันจะเล่นกับนายหลังจากที่นายวาดการ์ตูนเสร็จแล้ว!”
ซึนาเดะ นั่งลงอย่างอดทนพร้อมกับเผยรอยยิ้มกว้าง เธอเหลือบมองร่างแยกเงาที่อุทิศตนให้กับการวาดการ์ตูน จากนั้นมองไปที่กองกระดาษที่อยู่ข้างๆ เธอ แล้วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นทันที
“1 2 3… โอ้ นายวาดเสร็จไปหลายหน้าแล้วนิ”
เธอตกหลุมรักการ์ตูนอย่างสมบูรณ์ และตอนนี้เธอนับหน้าการ์ตูน ราวกับว่าเธอกำลังนับเงิน
“ว๊าว ดูเหมือนว่าวันนี้นายจะทำงานหนักมากถึงได้วาดเสร็จไปแล้วมากมาย”
มีหน้าการ์ตูนมากมายรวมทั้งหน้าที่ทำเสร็จเมื่อเช้า ในตอนนี้การ์ตูนนารูโตะตอนที่ 4 ก็วาดเสร็จสมบูรณ์แล้ว
“แน่นอน! ก็ฉันมันคนขยัน”
อาคาบาเนะ พูดอย่างไม่อาย
แต่เขาลืมไปว่าร่างแยกเงาของเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย เมื่อเขาพูดจบ ร่างแยกเงาก็เย้ยหยัน: “ดูคนหน้าด้านพูดเข้าสิ ร่างแยกเงาอย่างเราๆเป็นคนวาดขึ้นทั้งนั้น แต่นายที่เป็นคนขี้เกียจกลับขี้ตู่ว่าเป็นผลงานของตนเอง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมนายถึงวาดเสร็จไปแล้วหลายหน้า”
ซึนาเดะ ถือหน้ากระดาษและนั่งลงบนพื้นเพื่ออ่าน แม้ว่าจะมีการแก้ไขมากมาย แต่ดูเหมือนว่าเธอจะสนุกกับการอ่าน
อาคาบาเนะ ตัดสินใจที่จะไม่สนใจร่างแยกเงาของเขาและนั่งอยู่ที่นั่นพร้อมกับเริ่มวาดแบบภายในร้าน
ซึนาเดะ ทำตัวน่ารักเธอนั่งอ่านอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ
ใช้เวลาไม่นานแบบภายในร้านก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
ขณะที่คิดเกี่ยวกับรูปแบบการตกแต่งภายในร้าน อาคาบาเนะถามอย่างเป็นกันเองว่า “การที่เธอมาที่นี่ได้นั้น ก็แสดงว่าเธอฝึกเสร็จแล้วเหรอ?”
“ไม่หรอก นายเห็นฉันขยันฝึกขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ซึนาเดะ วางหน้าการ์ตูนลงครึ่งหนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันเพิ่งไปเที่ยวหา ลุงฮิรุเซ็น นายลองเดาดูสิว่าฉันไปเห็นอะไรมา?”
“รายชื่อคนในทีมและที่ปรึกษา”
อาคาบาเนะ พูดเบาๆ
แม้ว่าตระกูลเซนจู จะหายไปจากการปกครองของหมู่บ้านโคโนฮะแล้ว แต่ ซึนาเดะ ก็ยังถูกเรียกว่า “เจ้าหญิง” โดยชาวบ้านโคโนฮะทั้งหมด นี่เป็นเพราะ โฮคาเงะรุ่นที่ 1 เซนจู ฮาชิรามะ ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านซึ่งเป็นปู่ของเธอได้เฝ้าทะนุถนอมและมอบความรักให้เธอตั้งแต่ยังเด็ก ไม่น่าแปลกใจที่เธอได้รับอนุญาตให้ไปหา ฮิรุเซ็น
ซึนาเดะ เงียบไปครู่หนึ่งแล้วบ่นหลังจากนั้นไม่กี่วินาที “น่าเบื่อจริงๆ นายเดาได้ถูกต้อง”
“ดูเหมือนว่าเธอกับ โอโรจิมารุ จะได้อยู่ทีมเดียวกันและมี โฮคาเงะ รุ่นที่ 3 เป็นที่ปรึกษา”
อาคาบาเนะ พูดขึ้นในขณะที่ยังคงวาดแบบ
“ใช่ และยังมี จิไรยะ! หมอนั่นก็เป็นอีกคนที่อยู่ทีมเดียวกับฉัน”
เมื่อพูดถึง จิไรยะ ซึนาเดะ ก็บ่นอีกครั้งและพลิกหน้าการ์ตูนไป 2-3 หน้า แต่แล้วจู่ๆเธอก็พูดขึ้นว่า “จริงสินายมาขัดจังหวะหัวข้อสำคัญที่ฉันจะพูด ฉันแค่อยากจะบอกว่า ฉันเห็นชื่อทีมและที่ปรึกษาของนายแล้ว”
“โอ้ อย่างนั้นหรือ”
“ที่ปรึกษาของนายแข็งแกร่งมาก แต่เขาเป็นคนที่มีนิสัยใจคอตรงกันข้ามกับ ลุงฮิรุเซ็น นายควรเตรียมจิตใจเอาไว้ให้พร้อม”
น้ำเสียงของ ซึนาเดะ ค่อนข้างกังวล
อาคาบาเนะ หยุดวาด หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็กล่าวว่า
“ดันโซ เหรอ?”
ซึนาเดะ พยักหน้า