ระบบการ์ตูนในโลกนารูโตะ - ตอนที่ 12 คำขอของ อาคาบาเนะ
ตอนที่ 12 คำขอของ อาคาบาเนะ
ทุกสิ่งทุกอย่างในการ์ตูนทำให้เกิดเรื่องราวเกี่ยวกับลูกหลานของเพื่อนร่วมชั้นของเขาจริงๆ
หลังจากกำหนดเป้าหมายในอนาคตแล้ว อาคาบาเนะ ก็รู้สึกว่าเขาควรจะขยันให้มากขึ้น
เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนินจาแล้ว นักเรียนจะกลายเป็นนินจาเต็มตัวหรือเกะนินหน้าใหม่ และจะถูกจัดทีม ทีมละ 3 คนโดยจะมีครูระดับโจนิน 1 คนเป็นผู้ควบคุมดูแลและออกภารกิจ
ตอนที่ 5 และ 6 เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการทดสอบกระดิ่งของ คาคาชิ ซึ่งในช่วงนี้จะมีคาถานินจาใหม่ๆ มากมาย หากตอนที่ 6 ถูกวาดเสร็จโดยเร็วที่สุด คาถานินจาเหล่านั้นก็สามารถหาได้ในรายการระบบการ์ตูนของเขา
“เพื่อปลดล็อคคาถานินจาให้มากขึ้น ฉันต้องทำงานให้หนักขึ้น”
อาคาบาเนะ ถอนหายใจในหัวใจของเขา แม้ว่าตระกูลคุรามะจะสามารถใช้ภาพลวงตาได้ง่าย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุศักยภาพสูงสุดได้ในพริบตามันต้องแลกมาซึ่งการทำงานที่หนักหน่วง
ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะวาดการ์ตูนให้มากขึ้น
และตอนนี้เป็นตอนที่ 4 แล้ว เนื่องจากเวลานี้เขาไม่มีอะไรทำเขาจึงต้องวาดการ์ตูนวาดไปเรื่อยๆวาดจนบรรลุเป้าหมายของเขา
ก่อนที่เขาจะวาดหน้าอื่น นักเรียนจากการทดสอบการประลองก็ค่อยๆกลับมาและ ฮิรุเซ็น ก็เดินตามนักเรียน 2 คนสุดท้ายมาที่ห้องเรียน
“วันนี้สอบเสร็จแล้ว ยกเว้น อุจิวะ ริวยู ฉันจะให้คะแนนคนอื่นๆตามความเหมาะสม สำหรับนักเรียนที่ผ่านทุกหลักสูตรฉันจะแจกจ่ายที่คาดหน้าผากซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าคนๆนั้นได้กลายเป็นเกะนินเต็มตัวแล้ว”
“หลังจากนี้ไปพวกเธอจะสำเร็จการศึกษาและเป็นนินจาที่แท้จริง”
ฮิรุเซ็น พูดอย่างเฉยเมย แต่เขายังคงรู้สึกถึงอารมณ์ที่น่าเศร้าอยู่ภายในใจ เขาสอนพวกเด็กๆมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ
สำเร็จการศึกษา!?
เมื่อเป็นเช่นนี้เขาสามารถมุ่งเน้นไปที่การ์ตูนของเขาต่อไปและปล่อยให้ร่างแยกเงาจัดการส่วนที่เหลือ
ถ้าไม่มีใครมารบกวนเขาก็คงเป็นการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ
“ ยังไงก็ตามฉันคงต้องบอกพ่อกับแม่ว่าอย่าให้ใครมารบกวนฉันในเวลานั้น”
คนส่วนใหญ่อาจจะพอห้ามปรามได้ แต่ ซึนาเดะ แตกต่างออกไป ผู้หญิงคนนี้เป็นคนเจ้าอารมณ์และไม่สี่สนแปดใดๆ
การได้พบเธอถือเป็นความโชคร้ายถึง 8 ชั่วโครต
อาคาบาเนะ ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งการขอให้เธออย่าได้มาหาเขามันอาจจะไม่เป็นผล
“ เอาล่ะทุกคนกลับบ้านได้แล้ว”
หลังจากประกาศเลิกเรียนเหล่านักเรียนก็รีบออกจากห้องเรียนพร้อมๆกัน
ภายในไม่กี่วินาทีห้องเรียนที่เคยพลุกพล่านก่อนหน้าก็ว่างเปล่า
ฮิรุเซ็น ทำหน้าหง๋อยเหงา และนักเรียนเหล่านี้ส่วนใหญ่คงไม่ได้มาคลุกคลีกับเขาอีกในอนาคต
เมื่อเขากำลังจะออกจากห้องเรียนเขาก็พบว่ายังมีนักเรียนคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียนของเขา
“หืม อาคาบาเนะ ทำไมเธอถึงยังไม่กลับล่ะ”
“โอ้…ขอโทษครับ คุณครูฮิรุเซ็น ดูเหมือนว่าผมจะถูกทิ้งให้เป็นคนสุดท้ายเสียแล้ว”
อาคาบาเนะ ลุกขึ้นและเดินออกไปอย่างช้าๆ
“ ยังไงก็ตาม คุณครูฮิรุเซ็น เมื่อมีนักเรียนใหม่เข้ามาในอนาคตอย่าลืมแนะนำการ์ตูนของผมให้พวกเขาฟังด้วยนะครับฮิฮิ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฮิรุเซ็น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ
ต้องยอมรับว่าการ์ตูนของ อาคาบาเนะ สุดยอดมาก …
“บางทีอารมณ์ความรู้สึกของฉันในตอนนี้อาจจะเป็นเหมือนกับ อิรุกะ ตัวละครในการ์ตูนก็เป็นได้”
เขาถอนหายใจเบา ๆ
…………………….
หลังจากออกจากประตูโรงเรียนแล้ว อาคาบาเนะ ก็เดินกลับบ้านพร้อมกับครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
เขาโชคดีมากที่ได้ข้ามมาสู่ยุคที่ยังมีความสงบสุขแทนที่จะไปสนามรบตั้งแต่อายุยังน้อยเหมือนที่ คาคาชิ และคนอื่น ๆ ต้องเผชิญ
อาคาบาเนะ เพียงแค่ต้องการพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาอย่างต่อเนื่องเพื่อที่เขาจะได้เตรียมพร้อมสำหรับสงครามครั้งต่อไป
“อาคาบาเนะ! ลูกอยู่ที่นี่เอง!”
จู่ๆ อาคาบาเนะ ก็ได้ยินเสียงพ่อกับแม่ของเขา
หลังจากนั้นเขาก็เห็น จิอากิ และ ซากิ ที่กำลังวิ่งมาหาเขาอย่างเร่งรีบ
“แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าหักโหมจนเกินไป แล้วทำไมลูกถึงได้สู้กับ อุจิวะ ริวยู ล่ะ? แล้วนี่ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
แม่ของ อาคาบาเนะ วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับจับไหล่ของเขาและดุ เขาด้วยความเป็นห่วง ส่วนพ่อของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่สามารถปิดซ่อนความห่วงใยของเขาได้
“ผมไม่เป็นไร ผมสบายดีครับ”
การประลองตัดสินกันอย่างรวดเร็วและ 3 ชั่วโมงผ่านไปนับตั้งแต่การแข่งขันนัดแรก พ่อแม่ของเขาคงรู้แล้วว่าเขาได้ต่อสู้กับใคร
“ อย่างไรก็ตามพ่อไม่คิดเลยว่าลูกจะเอาชนะ ริวยู ได้ ในทางเทคนิคแล้วเด็กคนนั้นเป็นผู้สืบทอดของตระกูลอุจิวะ”
พ่อของเขามองเขาด้วยความภาคภูมิใจ
อาคาบาเนะ ตอบด้วยรอยยิ้มและถามว่า “ในเมื่อทำดีก็ต้องมีรางวัลใช่ไหมครับพ่อ….ดังนั้นผมอยากรู้ว่าบ้านเรามีเงินเก็บเท่าไหร่?”
“เงินเก็บ? ก็พอมีอยู่บ้าง”
หลังจากได้ยินคำถามของ อาคาบาเนะ พ่อกับแม่ของเขาก็มีสีหน้างงงวย
“ตระกูลนารามีร้านเล็กๆ ใกล้ตระกูลเรา ผมต้องการซื้อร้านนั้นเพื่อเปิดเป็นร้านการ์ตูนของผม”
อาคาบาเนะ กล่าวถึงจุดประสงค์ของเขา
เนื่องจากเขายังเด็กและไม่มีรายได้ เขาทำได้แค่เพียงขอพ่อกับแม่ของเขาเท่านั้น
พ่อของเขาสับสนอยู่ครู่หนึ่ง คำขอของลูกชายของพวกเขาค่อนข้างหนักใจ
พวกเขาเป็นเพียงครอบครัวธรรมดาในตระกูลคุรามะ ถ้าไม่ใช่เพราะ อาคาบาเนะ สามารถปลุกขีดจำกัดทางสายเลือดได้ พวกเขาอาจจะยังไม่มีใครเห็นถึงความสำคัญ
หากเป็นเพียงของเล่นหรือความต้องการขั้นพื้นฐาน พ่อของเขาอาจจะสามารถให้สิ่งนั้นได้ แต่การซื้อร้านค้าเป็นคำขอที่ใหญ่เกินไป
ดังนั้นคำขอของ อาคาบาเนะ จึงทำให้เขาตกใจ หลังจากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“ลูกเอ๋ย ลูกกำลังจะเป็นนินจา และลูกจะมีภารกิจมากมายรออยู่ข้างหน้า บางทีลูกอาจจะไม่มีเวลามาวาดการ์ตูนมากนักในอนาคต การเปิดร้านการ์ตูนมันไม่มากไปเหรอ?”
ซากิ มองเห็นสีหน้าที่ลำบากใจของสามีที่พยายามอธิบายถึงสถานการณ์ของครอบครัวเธอ
อาคาบาเนะ รู้ว่าพวกเขาไม่น่าจะมีเงินมากนัก เขาจึงบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงว่า“ ผมต้องขอโทษพ่อกับแม่ด้วยครับ ผมรู้ว่าคำขอของผมมันมากเกินไปสำหรับครอบครัวของเรา…”
“ … แต่ ในเมื่อผมได้กลายเป็นคนสำคัญและสามารถปลุกขีดจำกัดทางสายเลือดของตระกูลได้ ถ้าเราส่งคำขอนี้ไปยังหัวหน้าตระกูลพวกเขาอาจจะเห็นด้วยก็ได้…”
อาคาบาเนะ เห็นสีหน้าพ่อของเขาที่ยังคงกังวลเขาก็ลดเสียงลง
“และนี่เป็นเพียงคำขอเล็กๆน้อยๆไม่น่าจะยากเกินไปสำหรับตระกูลจริงไหมครับ?”
ทั้งพ่อและแม่ของเขายังคงลังเล
“พ่อกับแม่ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ลูกชายของพวกท่านมีค่าพอให้ตระกูลส่งเสริม”
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านสถานะเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 2-3 วันก่อน มันเร็วเกินไปพวกเขาไม่สามารถปรับตัวได้ทัน และรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่จะส่งคำขอนี้ไปยังหัวหน้าตระกูล
ระบบการ์ตูนของ อาคาบาเนะ อาศัยการอ่านการ์ตูนจากผู้คน ดังนั้น ร้านการ์ตูนจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเขา