ย้อนเวลามาเป็นพี่ชายในบ้านล้อมลาน ยุค 60 - บทที่ 105 น้องชายคนนี่น่าสนใจจริง(ฟรี)
บทที่ 105 น้องชายคนนี่น่าสนใจจริง(ฟรี)
“น้องชายคนนี้ น่าสนใจจริง ๆ”
หลัวเสี่ยวเอ๋อยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า
เธอรู้สึกชอบหยางเล่อจากใจจริง
ไม่ใช่แค่เป็นเด็กอัจฉริยะ แต่ยังกล้าเผชิญหน้ากับอันตราย
ข้อนี้ แม้แต่ผู้ใหญ่บางคนยังสู้ไม่ได้
“ฮิฮิ”
หยางเล่อแกล้งทำหน้าตาใสซื่อ
“น่าเสียดายจริง ๆ ถึงแม้สวี่ต้าเหมาจะนิสัยไม่ดี แต่ยังอายุน้อย กลับต้องมาตายอย่างน่าสลดใจ ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวจูจะโหดร้ายขนาดนี้”
“น่าสงสารแม่บ้านจาง ลูกชายคนเดียวก็ไม่มีแล้ว ต่อไปจะอยู่ยังไง”
หลัวเสี่ยวเอ๋อถอนหายใจ
มองจางแม่บ้านด้วยสายตาเวทนา
เธออายุมากแล้ว
ต้องลากศพลูกชายอย่างเดียวดาย
แผ่นหลังดูเหงาและเศร้าสร้อยเหลือเกิน
“เอ๋ เอ๋”
เสียงเด็กเล็กดังขึ้น
ทำลายความเงียบนี้
หยางมี่เดินออกมาจากหลังบ้านด้วยก้าวเล็ก ๆ
“มี่มี่ ออกมาทำไมเนี่ย”
หยางเล่อถาม
“พี่จ๋า ถ้าพี่ยังไม่กลับมา มี่มี่ก็จะหิวตายแล้วนะ”
“อ๊ะ มีพี่สาวสวยอยู่ด้วยเหรอ?”
หยางมี่กุมท้องที่หิว
ทำปากจู๋
พูดเสียงอ้อนเล็ก ๆ
“ฮ่า ๆ หยางเล่อ นี่น้องสาวเธอใช่ไหม น่ารักจัง”
“นี่ก็เย็นมากแล้ว กลับไปกินข้าวกันเถอะ”
“จริงสิ สองสามวันก่อนคุณพ่อฉันเอากระป๋องอาหารจากต่างประเทศกลับมา เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะให้คนเอาไปส่งที่บ้านเธอ”
หลัวเสี่ยวเอ๋อยิ้มตาหยี
เพื่อเป็นการขอบคุณหยางเล่อที่ช่วยเหลือเธอเมื่อครู่
“ขอบคุณพี่เสี่ยวเอ๋อ งั้นพวกเรากลับก่อนนะ”
หยางเล่อกล่าวลา
แล้วพาน้องสาวหยางมี่กลับบ้าน
ขณะหันหลังกลับ
ใบหน้าหยางเล่อแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
จากความไร้เดียงสา
กลายเป็นจริงจัง
หลังจากกินอิ่มเรียบร้อย
หยางเล่อจัดการดูแลน้องสาวหยางมี่
แล้วจึงหยิบคูปองแลกทีวีออกมาจากช่องเก็บของระบบ
เดินไปที่ห้างเพื่อแลกทีวี
เหตุการณ์ของสวี่ต้าเหมาสร้างความฮือฮาในล้อมลาน
หลายคนยังรู้สึกตกใจ
แม่ของสวี่ต้าเหมาเสียใจจนแทบขาดใจ
ไม่อยากกลับเข้าบ้านล้อมลานที่เต็มไปด้วยความเศร้าอีก
เรื่องงานศพจึงเงียบหายไป
ไม่มีใครได้กินเลี้ยง
หลายคนผิดหวัง
โดยเฉพาะพี่น้องบ้านเยี่ยนที่หิวโหยมาหลายวัน
พากันบ่นไม่หยุด
ทรัพย์สินในบ้านถูกขายหมด
สองพี่น้องต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน
บ้านสองหลังที่มีค่าก็เอาไปจำนองหมดแล้ว
ตอนนี้ไม่มีบ้านจะกลับ
อดอยากจนแทบขาดใจ
เยียนเจี๋ยเฉิงกับเยียนเจี๋ยกวางนั่งกอดเข่าข้างกัน
นั่งอยู่ที่ขั้นบันไดหน้าบ้าน
ใบหน้าสองคนเปื้อนฝุ่น
เสื้อผ้าขาดวิ่น
ตัวเหม็นจนแมลงวันบินวนไปมา
“หึ่ง หึ่ง หึ่ง” ไม่หยุด
“สวี่ต้าเหมาตายแล้ว แม่เขายังไม่จัดงานศพ ไม่เลี้ยงข้าวเลย? อย่างน้อยก็ลูกชายตัวเองนะ เรื่องหลังความตายก็ไม่สนใจ”
“ไม่รู้แม่สวี่ต้าเหมาคิดอะไรอยู่”
เยี่ยนเจี๋ยกวางปัดแมลงวันไปรอบ ๆ
บ่นไม่หยุด
“ทีแรกหวังจะได้กินข้าวอิ่มสักมื้อ ตอนนี้อดหมดแล้ว”
เยี่ยนเจี่ยเฉิงกุมท้องที่ร้องจ๊อก ๆ
ไม่มีแรงจะพูด
นั่งพิงกำแพง
ตากแดด
“กู๊ด กู๊ด”
ขณะนั้น
มีคนในบ้านออกมาทิ้งเศษอาหาร
สองพี่น้องเห็นเข้าตาโต
พอเจ้าของบ้านเดินกลับไป
เยี่ยนเจี่ยเฉิงกับเยี่ยนเจี๋ยกวางก็พุ่งไปที่ถังขยะเหมือนคนได้พลัง
เอามือสกปรกควานหาเศษอาหาร
หิวจนลืมคิดเรื่องความสะอาด
ตักใส่ปากกินอย่างตะกละ
ป้าสองเห็นแล้ว
ก็เข้าร่วมศึกแย่งอาหารนี้ด้วย
“นี่ของฉัน! อย่ามาแย่ง!”
ป้าสองกอดถังขยะไว้แน่น
ไม่ยอมปล่อย
เยี่ยนเจี่ยเฉิงกับเยี่ยนเจี๋ยกวางหิวจนแทบขาดใจ
ไม่สนใจอะไรอีก
มือหนึ่งกอดถังขยะ
อีกมือควานหาเศษอาหาร
อะไรกินได้ก็ยัดใส่ปากทันที
ป้าสองก็แย่งด้วย
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง?”
หมาจรจัดรอบ ๆ นั่งมอง
เริ่มร้องหอน
เหมือนจะบอกว่า
“นั่นของพวกเรานะ”
ภาพนี้
ทำให้เพื่อนบ้านรอบ ๆ ขำกันท้องแข็ง
“ดูสิ สองพี่น้องบ้านเยียนกับป้าสองแย่งอาหารกับหมา!”
“ป้าสองบ้าก็พอเข้าใจได้ แต่สองพี่น้องนี่เป็นอะไร เหมือนไม่ได้กินข้าวมาแปดร้อยปี”
“บ้านก็ไม่มี ของก็หมด กลายเป็นคนเร่ร่อน”
“มีมือมีเท้า ทำไมไม่หางานทำ ต้องมาเป็นขอทาน”
“ก็เพราะลุงสามนั่นแหละ ตอนยังอยู่หาเงินคนเดียวเลี้ยงทั้งบ้าน หกคน ทำให้ลูกชายกลายเป็นคนขี้เกียจ”
ยุคนั้น
ไม่มีอะไรให้บันเทิง
สิ่งที่ชาวบ้านชอบทำที่สุดคือมานั่งล้อมวงเม้าท์
พูดเรื่องชาวบ้านไปเรื่อย
ขณะนั้นเอง
มีเงาคนคุ้นเคยเดินผ่านมา
ดึงดูดสายตาทุกคน
เห็นหยางเล่อถือกล่องสี่เหลี่ยมสวยงาม
“ดูสิ หยางเล่อถืออะไรมาอีก?”
“กล่องดูดีจัง หรือจะเป็นของแปลกใหม่อีกแล้ว?”
ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์กัน
แม้แต่เยี่ยนเจี่ยเฉิงกับเยี่ยนเจี๋ยกวางที่แย่งอาหารอยู่ก็หยุดชะงัก
“หยางเล่อ เธอถืออะไรน่ะ?”
ป้าใหญ่ถาม
“นี่คือโทรทัศน์”
หยางเล่อตอบเรียบ ๆ
ทันใดนั้น
ทุกคนตกใจ!
อะไรนะ? โทรทัศน์!!!
เยี่ยนเจี่ยเฉิงอ้าปากค้างจนผักเน่าหล่นจากปาก
“ฉันได้ยินว่าคูปองแลกโทรทัศน์หายากมาก ทั้งเมืองเทียนจิงมีไม่ถึงห้าเครื่อง”
“โทรทัศน์คืออะไรเหรอ?”
“ไม่รู้จักโทรทัศน์เหรอ มันเหมือนโรงหนังขนาดย่อม วางในบ้านดูได้ตลอดเวลา ของล้ำค่ามาก! ฉันเคยเห็นแต่ในบ้านผู้ใหญ่ระดับสูง สนุกมาก”
“ว้าว! ของดีแบบนี้หยางเล่อไปได้มาจากไหน? หรือจะเป็นของผิดกฎหมาย?”
“เมื่อวันก่อนฉันเห็นหลัวเสี่ยวเอ๋อไปส่งหยางเล่อที่บ้าน สงสัยโทรทัศน์นี้คุณหลัวประธานใหญ่เป็นคนให้ ไม่งั้นเด็กอย่างหยางเล่อจะมีได้ยังไง?”
ทุกคนพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
มีของใหม่อะไรมา
ชาวบ้านก็จะอยากรู้อยากเห็น
ต่างพากันล้อมดูทีวีในมือหยางเล่อ
ตาร้อนผ่าว
หยางเล่อดูโดดเด่นในฝูงชน
เยี่ยนเจี่ยเฉิงกับเยี่ยนเจี๋ยกวางนั่งข้างถังขยะ
มองด้วยสายตาอิจฉา
“พี่ หยางเล่อก็แค่เด็กแปดขวบ ทำไมโชคดีจัง? ทำไมเขาได้กินดีอยู่ดี มีทั้งวิทยุ ทีวี แต่พวกเราต้องเก็บขยะกิน”
“ได้ยินว่าฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็ช่วยเหลือบ้านหยางเยอะ แล้วก็หลัวเสี่ยวเอ๋ออีก สามวันสองวันก็เอาของกินมาให้สองพี่น้องนั่น”
“ของเยอะแยะขนาดนั้น สองคนนั่นจะกินหมดไหม?”
เยี่ยนเจี๋ยกวางพูดด้วยความหมั่นไส้
รู้สึกอิจฉาสุด ๆ
“ไม่ยุติธรรมเลย สวรรค์ช่างเข้าข้างหยางเล่อ”
“ถ้าของพวกนั้นเป็นของเราก็คงดี”
เยี่ยนเจี่ยเฉิงพูดด้วยแววตาโลภ
“พี่ ยังไงหยางเล่อก็เป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่ งั้นพวกเราสองคน…”
เยี่ยนเจี๋ยกวางหัวเราะเจ้าเล่ห์
“ฉันว่าดี!”
สองพี่น้องสบตากัน
ยิ้มอย่างรู้กัน
คิดตรงกันโดยไม่ต้องพูด
ทั้งสองหิวจนแทบแย่
แต่หยางเล่อ เด็กแปดขวบกลับสุขสบาย
กินดีอยู่ดีทุกวัน
ตอนนี้มีโทรทัศน์อีก
ทำให้สองพี่น้องอิจฉาและเคียดแค้น
แต่ทั้งคู่ก็โง่และไร้สมอง
คิดว่าหยางเล่อเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ คงจะข่มได้ง่าย
จึงเดินตามหยางเล่อไปที่หลังบ้านอย่างไม่เกรงใจ
หยางเล่อเพิ่งหิ้วโทรทัศน์ถึงบ้าน
เยี่ยนเจี่ยเฉิงกับเยี่ยนเจี๋ยกวางก็ตามเข้ามาทันที
เยี่ยนเจี๋ยกวางยกเท้าถีบประตู
“ปัง!”
“พี่…”
หยางมี่รีบหลบหลังหยางเล่อ
“พวกนายมาทำอะไร?”
หยางเล่อทำหน้าขรึม
“หยางเล่อ ถ้าไม่อยากโดนซ้อม เอาข้าวสาร ทีวี วิทยุในบ้านมาให้หมด”
เยี่ยนเจี่ยเฉิงนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้
ทำท่าหัวหน้าแก๊ง
ขณะที่เยี่ยนเจี๋ยกวางข้าง ๆ
ถือไม้ในมือ ขู่หยางเล่อ
“โอ้ ของอยู่ในตู้ อยากได้ก็ไปเอาเองสิ”
หยางเล่อพูดเสียงเย็น
ในฝ่ามือเริ่มรวมพลัง
เตรียมใช้วิชา “นิ้วเดียว”