ยัยตัวร้ายกับนายสุดโหด - บทที่ 8 ไม่ช้าก็เร็วจะทำให้แกร้องไห้
บทที่ 8
ไม่ช้าก็เร็วจะทำให้แกร้องไห้
“อืม แต่ก็ดีนะ เมื่อวานเธอไม่ได้โทรหาพี่ทั้งวันเลย! ตอนแรกก็นึกว่าพี่ยังจะหลงเสน่ห์ยัยคนสี่ตานั่นอยู่ แล้วนี่เขาจะไม่สงสัยเอาเหรอ?”
“ใครจะไปหลงสาวตาโตนั่นกันล่ะ! แฟชั่นแบบนั้นดูเชยจะตาย สู้ตงเหมยของพี่ไม่ได้เลยสักนิด เธอน้อยใจพี่เหรอ?”
‘ดูเหมือนว่าฉันจะบังเอิญได้รู้อะไรเข้าซะแล้วสิ…’
‘แต่ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของฉันนี่ รีบไปต่อดีกว่า’
ถังซือซือเดินมาถึงหอพักของเธอ อาคารหอพักที่ 17 ห้อง 307
ถังซือซือเดินเข้าไปตรงหน้าประตูของหอพักที่ถูกปิดไว้อย่างสนิท เหมือนกับไม่ค่อยมีใครอาศัยอยู่ แต่ก็ยังมีคนอยู่บ้าง
เธอสัมผัสถึงความทรงจำหนึ่งได้อย่างรวดเร็วว่านี่เป็นปฏิกิริยาที่กำลังกลัวของเจ้าของร่างเดิมที่มีต่อหอพัก
ภาพของการถูกรังแกกำลังผุดขึ้นมาในหัวของถังซือซือทีละภาพ… เธอกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกอึดอัด
“เอี๊ยด” เสียงของประตูหอพักกำลังถูกเปิดออกและดังขึ้น
เริ่นเฉียง พันหม่าลี่ หวยปิง นี่คือเพื่อนร่วมห้องสามคนของถังซือซือ ซึ่งดูเหมือนทุกคนจะหลับกันไปนานแล้ว
ในแต่ละห้องของหอพักจะมีเตียงคู่เตียงสองเตียงและโต๊ะอ่านหนังสือสี่โต๊ะ ถังซือซือเดินมานั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง แล้วเปิดไฟ สวมหูฟัง ก่อนจะเปิดหนังสือแล้วเริ่มทบทวนอย่างรวดเร็ว
ระดับความเข้าใจทางวรรณกรรมของถังซือซือค่อนข้างอยู่ในระดับดีเยี่ยม เพราะเจ้าของร่างเดิมรักการอ่านหนังสือเกี่ยวกับวรรณกรรมตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จึงเลือกภาควิชาวรรณคดีในการสมัครวิชาเอกของมหาวิทยาลัย แม้ว่าเกรดของเธอในมหาวิทยาลัยช่วงสามปีแรกจะไม่ค่อยดีนัก แต่ทักษะพื้นฐานอื่น ๆ นั้นอยู่ในเกณฑ์ดีเสมอ
แต่สำคัญที่สุดคือ ถังซือซือมีความทรงจำอันน่าทึ่ง เพราะเธอสามารถจำสิ่งที่เคยอ่านได้จากการอ่านเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ดังนั้น ทั้งหมดที่เธอต้องทำคือ การเปิดหนังสือเล่มหนาเท่าอิฐนี้ไปทีละหน้า…
“โอ้ ฉันก็นึกว่าใคร ที่ไหนได้ก็คางคกตัวหนึ่งกลับมานี่เอง แต่นี่มันดึกแล้ว แกจะมาขยันโชว์ให้ใครดูไม่ทราบ? นี่พวกเธอรีบลุกขึ้นดูเร็ว ๆ!” พันหม่าลี่เป็นคนที่ชอบรังแกถังซือซืออยู่บ่อยครั้ง เธอลุกขึ้นนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะถังซือซือแล้วเชิดหน้าใส่อย่างเย้ยหยัน
“ฮ่าๆๆๆ ช่างมันเถอะน่า! เป็นไปได้เหรอว่านังคางคกมันจะสอบชิงทุนได้น่ะ? นี่ก็ใกล้เช้าแล้วนะอีคางคก!” เริ่นเฉียงซึ่งนอนอยู่ใกล้กับโต๊ะของถังซือซือ เมื่อได้ยินเสียงก็ลุกขึ้นนั่งแล้วเริ่มหยอกล้อกลั่นแกล้งต่อไป
“ก็ได้ ก็ได้ งี้ไหม? ถ้าเธอได้ทุนละก็ ฉันจะไปกินเครื่องในสดหน้าบอร์ดประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยให้ดูเลย! อย่าลืมไปดูล่ะ!” พันหม่าลี่ไม่คิดว่าถังซือซือจะสอบชิงทุนได้ ดังนั้นเธอจึงพูดท้าทายออกไปอย่างมั่นใจ
“ฮ่าๆๆๆ! เธอกล้าพูดได้ยังไงกันเนี่ย! ฉันคิดชื่อหัวข้อข่าวได้ละ ‘สะพรึง! สาวหน้าคางคกคนแรกในแผนกวรรณกรรมได้รับรางวัลทุนการศึกษา และพันหม่าลี่ สาวฮอตแห่งหอพัก 17 กับการกินเครื่องในสดครั้งแรกในชีวิต!’ ”
“ให้ตายเถอะ ทิ้งความคิดนั้นไปเลย ไอ้เพื่อนเลว! ฮ่าๆๆ คางคกหน้าโง่ ๆ แบบเธอจะได้ทุนการศึกษาเนี่ยนะ ถ้าแกได้ จริง ๆ วันนั้นหมูคงปีนต้นไม้ได้”
ทั้งสองคนรังแกถังซือซือมาตลอดสามปี การเสียดสีด้วยวาจานั้นเป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น ปกติแล้ว จะมีการบังคับถังซือซือให้ถูพื้น ทำอาหาร ซักเสื้อผ้า หรือแม้แต่ช่วยคัดลอกบันทึกและทำการบ้านแทนพวกเธอ
“พรุ่งนี้ตื่นกี่โมงดีล่ะเธอ?”
“แน่นอนว่าแปดโมงเหมือนเดิม เดี๋ยวมีคนบริการทำอาหารเช้าให้พวกเราเองแหละ และนางนี่ก็ยังมาทำอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ อยู่ได้?”
“ฉันว่าจะพูดแบบนั้นอยู่พอดี แต่พวกเราใช้ชีวิตเหมือนในเทพนิยายจริง ๆ เลยเนอะเทพธิดาหม่าลี่ มีคนทำอาหารให้กินทุกเช้าเนี่ย”
ระหว่างทั้งสองพูดคุย ถังซือซือสวมหูฟังอยู่แต่สามารถได้ยินเสียงบางอย่าง ที่ดูเหมือนจะเยาะเย้ยแทรกเข้ามาแต่เธอก็ไม่สนใจเสียงพวกนั้น
“อา”
“รอไม่ไหวซะแล้วสิ ไม่ช้าก็เร็วฉันจะทำให้พวกแกต้องร้องไห้!”
เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดสนิท ถังซือซือค่อย ๆ ปิดหนังสือแล้วถอนหายใจยาว ๆ เฮือกหนึ่ง ดวงตาของเธอแดงก่ำ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พร้อมมากสำหรับการสอบครั้งนี้
“กริ่ง กริ่ง กริ่ง…”
เวลาแปดโมงเช้า ห้องสอบเปิดแล้ว กลุ่มนักศึกษาต่างทยอยกันเข้าห้องสอบของตัวเอง
ถังซือซือมัดผมยาวของเธอไว้ ก่อนจะจัดหน้าม้ายาวแล้วติดกิ๊บ หลังจากนั้นทัดเส้นผมบางส่วนไว้หลังหู เผยให้เห็นใบหน้าที่มีแต่กระ และสิวของเธอ
“เหอะสัตว์น้ำ!” “คางคกคลาส E ถูกสารเคมีกระตุ้นเหรอนี่?” “สิวเต็มหน้าเลย!” “ฉันรู้สึกกลัวจนแทบอยากจะโยนอาหารเช้าทิ้งเลยว่ะ!”
“แม่งเอ๊ย! นี่เพิ่งตอนเช้าเองนะ! หัวใจดวงน้อยของฉัน ต้องมาอดทนกับอะไรแบบนี้!”
“นางน่าเกลียด! คนที่หลงรักเธอในอนาคตคงต้องเป็นรักแท้แสนน้ำเน่าแน่ ๆ!”