ยัยตัวร้ายกับนายสุดโหด - บทที่ 6 ฉันไม่ต้องการเช็คเงินล้าน
บทที่ 6
ฉันไม่ต้องการเช็คเงินล้าน
จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังไปทั่วห้องรับรองขนาดใหญ่
“เสือหนึ่งตัว เสือสองตัว วิ่งกระโดดโลดเต้น…”
กู่ชวนซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างเซียวเฉินเยวียนรู้สึกตกใจมาก เขารีบล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที
ให้ตายเถอะ! ทำไมฉันถึงลืมปิดเสียงโทรศัพท์ได้เนี่ย?!
ลูกสาวฉันตั้งเสียงริงโทนไว้ได้ถูกเวลาชะมัด! อยู่ตั้งนานไม่มีใครโทร! หมดกันภาพลักษณ์อันเย็นชาของฉันที่พยายามรักษาไว้ต่อหน้าคุณผู้ชาย! ใครมันมาโทรในเวลาสำคัญแบบนี้…
“ฮัลโหล ใครเนี่ย? เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ยังไม่ว่างคุยด้วยหรอกนะ!”
หลังจากเซียวเฉินเยวียนได้ยินเสียงริงโทน เขาก็ส่งสายตาอันเฉียบคมมาทางนี้ทันที ทำให้กู่ชวนที่เห็นเข้าตัวสั่นไปด้วยความกลัวจนแทบอยากจะทุบโทรศัพท์ทิ้ง
กู่ชวนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งออกไปยังระเบียงห้องเพื่อรับโทรศัพท์
“คุณกู่ชวนใช่รึเปล่าคะ?”
เมื่อกู่ชวนได้ยินเสียงนั้น เขามึนงงอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะนึกใบหน้าของใครบางคนที่มีน้ำเสียงแบบนี้
ปรากฏว่าเป็นเสียงของเด็กสาวเมื่อตอนกลางวัน
“ฉันนี่แหละกู่ชวน มีอะไรเหรอ?”
คนอีกฝั่งของโทรศัพท์พูดออกมาไม่กี่ประโยค ทำให้หลังจากกู่ชวนได้ฟังก็แสดงท่าทางแปลกใจออกมา
ภายในห้องรับรอง
เซียวเฉินเยวียนปิดแล็บท็อปของตัวเอง
“ทะ ท่านครับ…” กู่ชวนพูดตะกุกตะกักด้วยความลังเล
เซียวเฉินเยวียนหันไปมองเขาอย่างช้า ๆ ก่อนจะโบกมือให้เขาพูดธุระต่อให้เสร็จ
“คุณถังบอกผมว่าจะขอยืม… หนึ่งพันหยวน เธอบอกต่อว่าต้องการ… จะ จ่ายค่าเช่า” กู่ชวนรู้สึกกังวลจนพูดไม่ค่อยออก กดดันมากจนทำให้เขาเกือบกัดลิ้นตัวเองเวลาพูด
เธอยังบอกอีกว่าไม่ต้องการเช็คเงินสดหนึ่งล้านนั่น แต่ตอนนี้ขอยืมสักหนึ่งพันหยวนได้รึเปล่า?
ไม่เข้าใจเจตนาของเธอเอาซะเลย…
“วันนี้นายเป็นคนไปส่งเธอ เธอพักอยู่ที่ไหน?”
“ย่านเมืองเก่าครับ” กู่ชวนรู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไม เซียวเฉินเยวียนถึงมาถามไถ่ถึงเรื่องนี้ เขาไม่กล้าพูดอะไรต่ออีกแต่ก็พยายามตอบอย่างตรงไปตรงมาที่สุด
“ไม่ใช่คนท้องถิ่นของเมืองนี้สินะ?”
“ไม่ใช่ครับ ผมสืบเรื่องของพวกเธอมาบ้างแล้ว ทำนองว่าแม่กับลูกสาวย้ายถิ่นฐานมาจากเมือง F เป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว คนเป็นแม่ทำงานอยู่ในบริษัทแม่บ้านของเซียวเทียนอวี่ แต่ว่ากันว่าเขาติดค้างค่าจ้างเธอมาหลายเดือนแล้วครับ…” ระหว่างการรายงาน กู่ชวนพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้และพยายามอธิบายให้ชัดเจนมากที่สุด
ดวงตาของเซียวเฉินเยวียนขยับขึ้นลงเล็กน้อย ก่อนจะเท้ามือลงบนโต๊ะพลางครุ่นคิดเพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง
ภายใต้แสงไฟสลัว ๆ บนถนนแถวย่านเมืองเก่า
ร่างผู้หญิงผอมบางดูเหมือนกำลังยืนรออย่างใจจดใจจ่อกับสิ่งที่ตัวเองร้องขอไป
เขาจะช่วยเราไหมนะ?
บรรยากาศชวนให้นึกถึงตอนอยู่ในคฤหาสน์ซินหยวนก่อนหน้านี้…
“ฉันไม่ต้องการเช็คเงินล้านนี้” ถังซือซือยังคงยืนยันอย่างมั่นใจด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็ง
“บอกผมเกี่ยวกับเงื่อนไขของคุณมาสิ?” เซียวเฉินเยวียนถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา โดยที่ท่าทางไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
ถังซือซือหลับตาลงแล้วเม้มริมฝีปากของเธอ ยืนสงบนิ่งสักครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาที่มั่นใจแล้วตอบกลับ
“ที่ฉันวิ่งเข้าไปขวางรถของคุณก็เพราะต้องการความช่วยเหลือ และคิดว่าคุณน่าจะช่วยพวกเราได้”
เธอรู้ว่าเจ้าของร่างเดิมประสบปัญหามากมาย ทั้งยังพยายามอย่างหนักเพื่อขจัดความยากลำบากให้ตัวเธอและแม่ แต่สุดท้าย สภาพแวดล้อมในเมืองหลวงนั้นเลวร้ายเกินไป มีแค่เซียวเฉินเยวียนเท่านั้นที่สามารถช่วยเธอได้อย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากถังซือซือพูดจบ ทุกคนรวมไปถึงกู่ชวนได้ฟังก็ขมวดคิ้วไปพร้อมกัน
พวกเขาได้รู้ความจริงกันแล้วว่า นี่คือความต้องการสูงสุดของเธอ!
แต่เพราะอยู่ต่อหน้าเซียวเฉินเยวียน จึงไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นออกมา
“โอเค” ใบหน้าของเซียวเฉินเยวียนยังคงสงบนิ่งเช่นเคย ริมฝีปากอันเบาบางของเขาคายคำสองพยางค์ออกมาอย่างนุ่มนวล แต่คำตอบของเขานั้นทำให้ทุกคนรอบตัวต้องตกตะลึง
“กู่ชวน หลังจากนี้ให้เรียกเธอว่าคุณหนูถัง ถ้าเธอต้องการอะไรในภายภาคหน้า นายต้องหาและจัดเตรียมให้ รวมถึงช่วยเหลืออย่างเต็มที่”
ใบหน้าของกู่ชวนบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดขึ้นมาทันที จ้องมองใบหน้าถังซือซืออย่างไม่เชื่อสายตา แต่เขาก็ต้องยอมรับตามคำสั่งของเซียวเฉินเยวียน หยิบนามบัตรของตัวเองออกมาแล้วยื่นให้เธอ
ถังซือซือรับนามบัตรนั้นไว้ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์เมื่อเธอเกิดปัญหาเข้า
หลังจากนั้น แสงสว่างหนึ่งเรืองรองขึ้นจากมุมมืด เป็นแสงไฟจากรถเก๋งหรูหราสีเทาที่จอดอยู่ตรงปากซอย
ถังซือซือถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะเดียวกัน มู่ซูเสียนมีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด นี่คือเพื่อนที่ซือซือพูดถึงจริง ๆ เหรอ? ดูเผิน ๆ คงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ลูกสาวของเธอไปเจอเพื่อนรวย ๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ภายในรถ
เมื่อเห็นว่าถังซือซือยังอ้ำอึ้งไม่รู้จะไปที่ไหน กู่ชวนก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะหันมาบอกว่า
“ไปกันเถอะ คุณหนูถัง คุณผู้ชายหาที่อยู่ไว้ให้คุณแล้ว”
หืม? ถังซือซือประหลาดใจมากจนแทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่
แผนเดิมของเธอคือแค่การขอยืมเงินหนึ่งพันหยวนเท่านั้น แล้วเอาไปเช่าบ้านหลังอื่น แต่เซียวเฉินเยวียนกลับ…
กู่ชวนดูใจร้อนมาก ถังซือซือรู้ว่าเขามีอคติต่อเธอ ดังนั้นเธอจึงรีบเรียกให้มู่ซูเสียนขึ้นรถ สัมภาระของพวกเธอไม่มากนัก จึงใช้เวลาไม่นานก็ขนขึ้นรถเสร็จ
ทันใดนั้นรถขับออกจากย่านเมืองเก่าอย่างรวดเร็ว แล้วมุ่งหน้าไปยังย่านใจกลางเมืองที่พลุกพล่าน
ใบหน้าของถังซือซือแสดงความประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
อะไรกันเนี่ย? พวกเราจะมีปัญญาเช่าบ้านใจกลางเมืองได้ยังไง? ราคาบ้านในละแวกนี้แพงจนน่าตกใจ ทำให้คู่แม่ลูกกังวลเพราะไม่สามารถจ่ายค่าเช่าที่แพงหูฉีกแบบนี้ได้
เธอคิดในใจว่ากู่ชวนต้องคิดจะทำอะไรบางอย่างแน่ ๆ! เพราะตอนนี้พวกเธอเป็นแค่คนยากไร้ ถึงแม้เดือนนี้พวกเขาจะให้ยืมเงินสักสองถึงสามพันหยวนก็ตาม แล้วต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนพวกเธอถึงจะใช้คืนได้หมด?
ผ่านไปไม่นาน รถขับมาจอดที่หน้าชุมชนหรูหราทันสมัยแห่งหนึ่ง
ใบหน้าของถังซือซือซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด เธอจ้องมอง กู่ชวนพร้อมกัดฟันแน่น นี่ต้องเป็นการแก้แค้นของตาลุงนี่แน่ ๆ!
“ไปกันเถอะครับ คุณหนูถัง เลขห้องของคุณคือ 802 อาคารที่สิบ” กู่ชวนรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของถังซือซือซีดขาวเป็นไก่ต้ม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามดูแลเธอและยังคงมีท่าทีสุภาพเรียบร้อย
ถังซือซือกังวลใจจนเดินสะดุด ดึงมือของมู่ซูเสียนจนเสียหลักไปชนกู่ชวน
ชั้นแปด
กู่ชวนหยิบกุญแจแล้วเปิดประตูออกมา พวกเขาเห็นหน้าต่างขนาดใหญ่ที่ยาวตั้งแต่พื้นขึ้นไปจรดเพดาน ห้องโถงกว้างขวางมีบริเวณใช้สอยต่าง ๆ มากมาย ที่นี่เป็นอะพาร์ตเมนต์หรูหราที่มีการตกแต่งภายในอย่างประณีต มีสองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น แถมยังมีห้องน้ำในตัวอีกด้วย