ยัยตัวร้ายกับนายสุดโหด - บทที่ 50 ฝีมือการทำอาหารของฉันมันแย่และไม่เอาไหน
บทที่ 50
ฝีมือการทำอาหารของฉันมันแย่และไม่เอาไหน
นั่นใคร?
ผู้บริหารระดับสูงในวิดีโอคอลตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเฉินเยวียน
ความสงสัยผุดขึ้นมากมายในหัวของเขา
อะไร เมื่อกี้คืออะไร? ท่านประธานพูดจริงเหรอ? ได้ยินไม่ผิดว่า ‘ป้อนให้ผมทีสิ’ ?
ใครกันที่ท่านประธานพูดถึง?
เฮ้ๆๆ นี่มันไม่ยุติธรรม… พวกเราทำงานให้ท่านประธานอย่างหนักมาตลอด แทบไม่มีเวลาจะไปกินข้าวด้วยซ้ำ แล้วนี่มากินข้าวล่อหน้าล่อตาเฉยเลย แย่มาก! ใจร้ายสุด ๆ!
ไร้มนุษยธรรมสิ้นดี!
ไม่กี่วินาทีต่อมา ในจอภาพมีมือปริศนาหนึ่งยื่นเข้ามา นิ้วขาวเรียวยาวกำลังจับช้อนอยู่ ก่อนตักอาหารดูน่าทานแล้วเอื้อมไปป้อนที่ปากของเซียวเฉินเยวียน
เขานั่งพิงเก้าอี้อย่างสบายใจ พร้อมกับเคี้ยวอาหารอย่างช้า ๆ
นั่น… นั่นมันมือของผู้หญิงชัด ๆ!
มือขาวเรียวยาวสวยขนาดนี้ต้องเป็นผู้หญิงที่น่าเย้ายวนมากแน่ ๆ ถึงถูกใจท่านประธาน!
เฮ้ๆๆ… ผู้บริหารระดับสูงแต่ละคนต่างฮือฮากันยกใหญ่
ระหว่างที่ผู้บริหารระดับสูงกำลังสรุปรายงานผลการทำงานให้เซียวเฉินเยวียนรับทราบ จู่ ๆ ก็เกิดความประหม่าขึ้นมาเมื่อถูกสายตาอันเรียบเฉยพร้อมกับปากที่กำลังเคี้ยวอาหารจ้องมองมา ทำให้เขารู้สึกทำตัวไม่ถูก
ขณะเดียวกัน ทิงหลิวเสวี่ยที่เพิ่งได้สติจากอาการช็อก ก็รีบจัดเอกสารสรุปงานต่าง ๆ บนโต๊ะของเธอ ก่อนเดินเข้าไปแง้มประตูแล้วเห็นภาพที่ถังซือซือกำลังป้อนอาหารให้เซียวเฉินเยวียน เธอจึงตกใจมากจนช็อกอีกครั้ง
นี่มันมากเกินไปแทบรับไม่ได้แล้วนะ!
วันนี้เป็นวันที่เจ็บปวดมากที่สุดในชีวิตฉันแล้ว!
ทิงหลิวเสวี่ยรู้สึกเหมือนตัวเองอกหัก ก่อนหันกลับมาแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของเธอ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วบอกสถานการณ์ล่าสุดที่เพิ่งได้เห็น
“ตอนนี้ ฉันเจอเรื่องเศร้า ๆ อีกเรื่องหนึ่งแล้วล่ะ”
“ฉันไม่เคยคิดเลย! หลังจากทำงานและพยายามเอาอกเอาใจท่านประธานมาหลายปี เขาไม่ได้สนใจอะไรฉันเลย แต่กลับไปให้การยอมรับผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ทำอาหารได้!”
“เป็นไปได้ไหมทุกคน ว่าฝีมือการทำอาหารของฉันมันแย่และไม่เอาไหน?!”
“แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอก ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านไปฝึกทำอาหารทุกวัน!”
“อย่าลืมไปโหลดแอปสอนทำอาหารด้วยล่ะ…”
วันศุกร์ ถังซือซือเข้ามาดูร้านเบเกอรี่ของเธอ
การตกแต่งร้านเสร็จจนครบถ้วนหมดแล้ว ถึงแม้เธอจะออกแบบโดยใช้วัสดุที่เรียบง่าย แต่กลับให้ความรู้สึกถึงระดับ ไฮเอนด์มาก ๆ ซึ่งเธอพร้อมแล้วที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ภายในร้านมีการแบ่งโซนอยู่ด้วยกันสองโซนคือ โซนขายขนมอบทั่วไป และโซนเบเกอรี่ที่อบขายวันต่อวัน
ถังซือซือใช้เวลาอยู่สักพักในการทำป้ายชื่อร้าน โดยชื่อร้านประกอบไปด้วยอักษรสามตัวคือ ซือ-เปา-ต่า
ก่อนที่เธอจะเกิดใหม่ในโลกนี้ เธอทุ่มเทอย่างหนักเพื่อสร้างร้านในฝันบนดาวเคปเลอร์ จึงตัดสินใจใช้ชื่อร้านเดียวกันเหมือนกับที่นั่น
ทุกครั้งเมื่อเงยหน้ามองป้ายชื่อร้าน ก็รู้สึกอิ่มเอมใจอย่างมีความสุข
ถังซือซือเดินกลับเข้ามาในร้าน
มีผู้ชายร่างเล็กสูงราว ๆ หนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร กำลังยืนรอเธออยู่
ผู้ชายร่างเล็กคนนั้นดูเหมือนน่าจะอายุยี่สิบปี บุคลิกดูเป็นมิตรมาก ๆ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เขารีบยืนตัวตรงอย่างมั่นคง ก่อนตอบกลับไปว่า “สวัสดีครับคุณเจ้าของร้าน! ผมชื่อจ้าวเทียนหนิว! มาที่นี่เพื่อสมัครเป็นพ่อครัวติ่มซำครับ”
พุ่ฟ…
ถังซือซือพยายามกลั้นขำ ก่อนอั้นไม่ไหวแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ
ใบหน้าของจ้าวเทียนหนิวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีด้วยความเขินอาย
ถังซือซือรีบขอโทษเขาทันที “ขอโทษค่ะ! ไม่มีอะไรหรอก… แค่เห็นว่าชื่อเพราะและพูดจาฉะฉานดี!”
รู้สึกดีจังที่มีคนมาสมัครงานเพิ่ม!
จ้าวเทียนหนิวเกาหัวด้วยท่าทีเขินอายแล้วพูดต่อว่า “คุณเจ้าของร้านเป็นคนแรกเลยที่ชมชื่อของผม! ผมมาจากแถบชนบทครับ คนที่รู้จักมักจะบอกว่าชื่อของผมมันไม่เข้ากับหน้าเอาซะเลย คุณเจ้าของร้าน คุณเป็นคนดีมาก ๆ เลยครับ!”
ทำไมถึงคิดว่าฉันเป็นคนดีล่ะ? บางทีฉันอาจเป็นเจ้านายใจดำที่ติดหนี้ค่าจ้างคุณเพราะร้านเจ๊งก็ได้นะ!
“อย่าเรียกฉันว่าคุณเจ้าของร้านเลย เรียกฉันว่าพี่ซือซือก็พอ ฝีมือการทำติ่มซำของนายเก่งมากน้อยแค่ไหนล่ะ?”
ดวงตาของจ้าวเทียนหนิวส่องประกายทันทีเมื่อได้ยินคำถามเรื่องฝีมือการทำติ่มซำ เขาจึงพูดชื่อติ่มซำที่ทำเป็นได้ทั้งหมดอย่างภาคภูมิใจ
“ผมเคยเป็นเด็กฝึกงานในร้านติ่มซำมาสามปี และลูกค้าส่วนใหญ่ก็บอกว่ารสชาติดีมากครับ!”
เขาพูดอย่างฉะฉานและมั่นใจ