ยัยตัวร้ายกับนายสุดโหด - บทที่ 46 ความยากจนจะกำหนดขอบเขตของความสุขสบาย
บทที่ 46
ความยากจนจะกำหนดขอบเขตของความสุขสบาย
พนักงานผู้หญิงทั้งสองรีบเดินมาหาถังซือซือ ก่อนโค้งคำนับแล้วพูดขึ้นว่า
“คุณหนูซือซือคะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ! ได้โปรดให้อภัยพวกเราด้วย! พวกเรามีตาแต่ไร้แวว! ถ้ามีอะไรที่ทางร้านชดเชยให้ได้ คุณหนูรีบบอกมาได้ทันทีเลยค่ะ…”
“คุณหนูซือซือ! ฉะ… ฉันจะแพ็คสินค้าให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ คุณรอสักครู่นะคะ และพะ… พรุ่งนี้ทางร้านมีสินค้าล็อตใหม่เข้ามาพอดี ทางเราจะรีบส่งไปให้คุณหนูได้เลือกก่อนใครเลย! คุณหนูโอเคไหมคะ?”
เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเปลี่ยนสีเปลี่ยนข้างได้รวดเร็วกว่าเปลี่ยนหน้าหนังสือซะอีก
เมื่อกู่ชวนและถังซือซือกำลังเดินออกจากร้าน ต้าโปลั่งและเฮิ่นเทียนเกาก็รีบวิ่งตามไปทันที ก่อนโค้งคำนับหลายครั้งระหว่างเดิน พวกเธอดูอ่อนน้อมถ่อมตนขึ้นมาก ต่างจากตอนแรกที่แสดงท่าทางเหยียดหยามถังซือซือ
เมื่อทั้งสองเห็นกู่ชวนและถังซือซือเดินพ้นหน้าร้านไป ก็หันกลับมาแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันไปหาผู้จัดการร้าน ได้ยินเขาพูดขึ้นว่า
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกคุณไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีก!”
ภายในรถเบนซ์
“คุณหนูถังครับ แม่บ้านซ่งเตรียมวัตถุดิบไว้ให้พร้อมแล้ว ตอนนี้เรากำลังจะไปที่อาคารสำนักงานใหญ่กันครับ ส่วนเสื้อผ้าและกระเป๋าจะถูกส่งไปที่คอนโด แล้วก็มีเครื่องประดับอีกนิดหน่อยที่คุณผู้ชายให้ผมจัดไว้ให้คุณกับคุณแม่ด้วย ส่วนเรื่องก่อนหน้านี้ ผมต้องขอโทษด้วยที่เข้ามาจัดการให้ช้าไปนะครับ”
อืม ก็โอเค?
เขาไม่ได้คุยอะไรกับถังซือซือต่อจากนั้น เพียงไม่กี่นาที พวกเขาก็เดินทางมาถึงอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทตระกูลเซียว
“คุณหนูถังครับ เดี๋ยวผมต้องไปทำธุระที่แผนกข้อมูล รบกวนคุณหนูไปที่ชั้นบนสุดด้วยตัวเองนะครับ คุณผู้ชายกำลังรอคุณหนูอยู่”
ระหว่างที่พวกเขากำลังขึ้นลิฟต์ กู่ชวนก็เดินออกไปเมื่อลิฟต์เปิดมาที่ชั้นของแผนกข้อมูล
ตึกนี่ใหญ่ไม่ใช่เล่นเลย
นี่เป็นครั้งแรกของถังซือซือที่ได้เข้ามาในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทตระกูลเซียว ทั้งอาคารและสภาพแวดล้อม ก็ดูหรูหราใหญ่โตมาก ๆ
อาคารนี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง มูลค่าของที่ดินเทียบได้เกือบครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง พื้นที่นี้มีขนาดใหญ่มากจนน่าขนลุก
โซนทิศเหนือของบริษัทตระกูลเซียว เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนส่วนตัวของเซียวเฉินเยวียน มีทั้งสนามกอล์ฟ สระว่ายน้ำ และสวนดอกไม้ ถ้าเดินเลยสวนไปก็เป็นลานกว้างสำหรับจอดเฮลิคอปเตอร์
ถังซือซือดูแผนที่ขององค์กรบนผนังของลิฟต์ เธอเข้าใจประโยคที่ว่า ‘ความจนจะกำหนดขอบเขตของความสุขสบาย’ อย่างถ่องแท้ก็วันนี้
“งี้เองสินะ”
พอถังซือซือก้าวออกมาจากลิฟต์ ดวงตาขอเธอเบิกกว้างทันที
ผนังรอบห้องถูกแทนที่ด้วยกระจกหนาใสขนาดกว้างตั้งแต่พื้นไปจรดเพดาน สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวงได้หนึ่งร้อยแปดสิบองศา เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนกลางเพดานของห้อง พบว่ามีกระจกใสทรงกลมที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าสีครามและเมฆขาว ถังซือซือรู้สึกอิจฉาทันทีเมื่อได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้
เชื่อแล้วว่าคนเราสามารถทำทุกสิ่งที่ต้องการได้ถ้ามีเงินจริง ๆ!
พนักงานตำแหน่งเลขานุการคนหนึ่งกำลังนั่งทำงานอยู่ พอเงยหน้าขึ้นมามองถังซือซือซึ่งสวมเสื้อราคาถูกอย่างกับเด็กกะโปโล ดูไม่เข้ากับสถานที่นี้เอาเสียเลย เธอจึงลุกขึ้นยืนทันที ก่อนยกนิ้วขึ้นผลักแว่นตาตัวเองแล้วพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“คุณคะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร? แล้วมีธุระอะไรรึเปล่า?”
“มีคนบอกให้ฉันขึ้นมาค่ะ” ถังซือซือตอบตามความจริง
“แต่บริษัทนี้ไม่ใช่ที่ที่คุณจะเข้ามาได้ตามใจชอบนะคะ รบกวนช่วยออกไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ถังซือซือแสดงสีหน้าเรียบเฉยแล้วตอบกลับไปว่า
“ก็ได้ค่ะ”
เธอหันหลังเดินกลับเข้าไปในลิฟต์อย่างไม่ลังเล
เลขาสาวดันแว่นขึ้นอีกครั้งแล้วเหลือบมองดูนาฬิกา “คุณกู่บอกว่าจะพาผู้หญิงคนหนึ่งมานี่ ทำไมไม่เห็นใครขึ้นมาเลย ใช้เวลานานจัง?”
ถังซือซือกดปุ่มลงไปที่ชั้นหนึ่ง
เลขาคนนั้นบอกว่าถ้าไม่มีธุระอะไรก็ออกไปซะ ฉันทำตามที่เธอบอกอย่างว่าง่ายก็ถูกแล้วนี่?
แม่สอนฉันเสมอว่าเราต้องเป็นพลเมืองดี ควรปฏิบัติตามกฎของทุก ๆ ที่
แบบนี้เราก็ไม่ได้ทำอาหารให้คุณชายปีศาจแล้วน่ะสิ? เดี๋ยวนะ เดี๋ยว ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่เรามาที่นี่ไม่ใช่เหรอ
ทันทีที่เธอนึกถึงเหตุผลนี้ขึ้นมาได้ เซียวเฉินเยวียนก็วิดีโอคอลมาทันที
เธอยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก…
ถังซือซือรู้สึกผิดจนประหม่าเล็กน้อย ก่อนกดปุ่มรับสายอย่างลังเล
ขณะนี้ใบหน้าอันหล่อเหลาเริ่มแสดงสีหน้าเอาแต่ใจ เหมือนกำลังนำภัยพิบัติโหมกระหน่ำเข้ามาใส่ถังซือซือ
เซียวเฉินเยวียนเอียงคอ จ้องเขม็งมองถังซือซือด้วยใบหน้าที่ดูหิวโซ เตรียมพ่นคำพูดมากมายออกมาในไม่ช้านี้