ยัยตัวร้ายกับนายสุดโหด - บทที่ 29 ยุคของอันธพาลได้จบลงแล้ว
บทที่ 29
ยุคของอันธพาลได้จบลงแล้ว
นักศึกษาบางคนเห็นกลุ่มพันหม่าลี่สามคนช่วยกันพยุง หลี่จิ้งอี๋ ก็ถึงกับต้องตกใจจนกรามค้าง
หลี่จิ้งอี๋และผู้สนับสนุนคนอื่น ๆ เป็นอันธพาลชื่อกระฉ่อนไปทั่วมหาวิทยาลัย ไม่มีใครเลยที่กล้าต่อต้านพวกเธอ แต่ทำไมตอนนี้พวกเธอถึงตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้?
“หลี่จิ้งอี๋ถูกซ้อม!”
“ฉันถ่ายรูปเก็บเอาไว้แล้ว! หลี่จิ้งอี๋ถูกกระทืบจนสภาพดูไม่ได้เลย!”
“ฉันเห็นกับตาเลย! ยัยหลี่จิ้งอี๋อันธพาลพวกนั้นถูกรุมซ้อมจนเดินไม่ได้!”
“วันแห่งความสดใสมาแล้ว! ในที่สุดก็มีคนกำจัดพวกอันธพาลได้สักที! พระเจ้ารู้เห็นทุกอย่างจริง ๆ!”
นักศึกษาหลายคนกำลังอ่านข่าวที่แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว “ติ๊งๆๆ” ทุกคนต่างตื่นเต้นกับเหตุการณ์ในคืนนี้ เมื่อข่าวแพร่กระจายจากหอพักที่ 17 ไปยังหอพักอื่น เพียงไม่กี่นาทีก็แพร่กระจายไปทั่วมหาวิทยาลัย ภาพถ่ายของพันหม่าลี่และกลุ่มอันธพาลกำลังวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น นำไปสู่การคาดเดาและวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
ความจริงเป็นยังไง?
ใครเป็นคนทุบตีหลี่จิ้งอี๋?
ถังซือซือขอความช่วยเหลือจากใครบางคนรึเปล่า?
เป็นไปไม่ได้ พวกเราเห็นถังซือซือกลับมาที่หอพักคนเดียว
หรือจะเป็นถังซือซือที่ลงมือเอง?! แต่ดูเหมือนว่ามีแค่ หลี่จิ้งอี๋คนเดียวนะที่ดูบาดเจ็บมากกว่าใคร… แปลว่าพวกเธอตอบโต้กลับไม่ได้เลยเหรอ?
ขณะนี้กลุ่มข่าวหลักกำลังแสดงความคิดเห็นกันอย่างดุเดือด ระหว่างที่พันหม่าลี่และกลุ่มอันธพาลกำลังวิ่งหนีออกจากหอพักที่ 17 มีนักศึกษาคนหนึ่งถ่ายรูปไว้แล้วโพสต์ในกลุ่มข่าวหลักว่า
“ข่าวด่วนข่าวร้อน! พันหม่าลี่โดนบังคับให้กินเครื่องในสด หลังจบไลฟ์สด! เธอไปหาหากลุ่มอันธพาลหญิงในมหาลัยเพื่ออะไรบางอย่าง? แต่ช่างเถอะเพราะคืนนี้สภาพพวกเธอดูแย่มาก! เข้ามาดูเร็ว…”
หลังจากที่พวกพันหม่าลี่วิ่งหนีออกมาจากหนานซาน พวกเธอไปหลบซ่อนตัวที่โรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ก่อนเข้าไปดูข่าวของพวกเธอที่ว่อนไปทั่วกลุ่มโซเชียลของมหาวิทยาลัย
พวกเธอรู้สึกอับอายจนไม่กล้าที่จะออกไปพบหน้าใครหลังจากนี้
ยุคของอันธพาลได้จบลงแล้ว…
วันถัดมา
ถังซือซือเก็บสิ่งของในตู้เสื้อผ้าก่อนขนย้ายแล้วเดินตรงไปหอพักที่ 20
เธอสมัครเข้าหอพักนี้เพียงคนเดียวเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วใช้เหตุผลส่วนตัวบางข้อกับผู้ดูแล และเพิ่งได้รับการอนุมัติเมื่อไม่กี่นาทีมานี้
เธอไม่ต้องการเสียเวลาไปกับพันหม่าลี่และพวกกลุ่มอันธพาล
เธอเพียงแค่อยากทุ่มเทเวลาให้กับธุรกิจของตัวเองก็เท่านั้น
มันคงเหนื่อยเกินไปถ้าต้องจัดการสองเรื่องนี้พร้อมกัน
เธอทำความสะอาดหอพักใหม่อย่างรวดเร็ว จัดระเบียบห้องในสไตล์ของตนเอง หลังจากนั้นถังซือซือรีบออกไปที่ร้านของตัวเองทันที
เมื่อมาถึงร้านก็พบว่าประตูเปิดอยู่โดยไม่รู้สาเหตุ ปรากฏว่าถงโยวโยวกำลังจัดร้านอยู่ข้างใน
เด็กคนนี้ขยันดีแฮะ
ถังซือซือรู้สึกเหมือนได้รางวัลใหญ่จากพระเจ้า
“พี่ซือซือ!” ถงโยวโยวกล่าวทักทายถังซือซือ
“ฉันไม่มีเรียนตอนเช้า ก็เลยแวะมาช่วยค่ะ! วันนี้ต้องทาสีผนังด้วยใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว งั้นเรามาลุยกันเลย”
ทั้งสองสวมถุงมือแล้วเริ่มทำงานทันที…
“ฮึบ ฮึบ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งบิดขี้เกียจดังขึ้น
ทั้งสองมองไปตามเสียง เห็นว่าเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา
เขาใส่เสื้อเชิ้ตลายสกอต กางเกงยีน ตัวผอมสูง ดูหล่อเหลา โดยเฉพาะนัยน์ตาเป็นสีลูกพีชที่พอมองแล้วถึงกับต้องสะดุดตา
‘ทำไมรู้สึกคุ้น ๆ หน้าผู้ชายคนนี้จังเลยนะ?’ ถังซือซือขมวดคิ้ว
นึกไม่ออกแฮะ
“ใครน่ะ?”
ใบหน้าของถงโยวโยวเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างฉับพลัน “พี่ซือซือ เขาเป็นแฟนของฉันเองค่ะ กันเยว๋”
ชื่อก็คุ้นอีกนะเนี่ย แต่ทำไมนึกไม่ออกนะ
ถงโยวโยวยิ้มกว้างทันทีที่เห็นกันเยว๋เดินเข้ามา เธอจึงรีบไปยกเก้าอี้มาให้เขานั่ง
“โยวโยว เธอทำวิทยานิพนธ์ไปถึงไหนแล้ว?” หลังจากนั่งลง กันเยว๋ถามออกไปด้วยท่าทีสุภาพ แต่ภายในใจนั้นเขาแค่เสแสร้งถามออกไปเท่านั้น
“โอ้! ฉันทำไปหนึ่งในสามเอง! เร็ว ๆ นี้เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว!” ถงโยวโยวรีบตอบ
“ดีเลย! เสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะพาเธอไปดิสนีย์แลนด์นะ!”
เมื่อถงโยวโยวได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเธอยิ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงมากขึ้น ก่อนจะเอามือปิดหน้าตัวเองย่างเขินอาย