ยัยตัวร้ายกับนายสุดโหด - บทที่ 2 ซักแล้วนำมาคืนให้
บทที่ 2
ซักแล้วนำมาคืนให้
อ้าว… เข้าใจผิดงั้นเหรอ?
ถังซือซือกะพริบตาปริบ แววตากึ่งเชื่อกึ่งสงสัย
ทันทีที่ได้รับคำสั่งผ่านทางสายตาของเซียวเฉินเยวียน “ตุบ!” ชายชุดดำที่อุ้มร่างเธอไว้ก่อนหน้านี้ก็ปล่อยมือจนร่างเธอร่วงลงกระแทกพื้นทันที
โอ๊ย…
หยาบคายที่สุด จะเบามือหน่อยก็ไม่ได้ สมัยฉันยังอยู่บนดาวเคปเลอร์ ฉันสวยจนเกือบได้เป็นดาราดังเชียวนะ
ชายหนุ่มรูปหล่อหันหลังกลับ เดินออกจากห้องไปด้วยท่วงท่าสง่างามเหมือนตอนที่เดินเข้ามา บรรดาบอดี้การ์ดที่รายล้อมเขาก่อนหน้านี้เดินตามออกไปทีละคน
“เร็วเข้า บอกให้หมอซูรีบมาตรวจร่างกายคุณผู้ชาย…”
ถังซือซือจึงถูกทิ้งให้อยู่ในห้องขนาดใหญ่มโหฬารนี้ตามลำพัง
โธ่เว้ย…
ถังซือซือกัดริมฝีปากล่างพลางขมวดคิ้ว คนเหล่านี้เป็นใครกัน? แล้วที่นี่คือที่ไหน?
เธอตั้งสติ พอเห็นว่ามีห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่อยู่ด้านข้าง จึงรีบเดินเข้าไปโดยไม่ลังเล
ขณะที่ยืนอยู่หน้ากระจก เธอเห็นร่างของหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่ง ร่างกายสูงโปร่ง แต่กลับผอมซูบด้วยโรคขาดสารอาหารเรื้อรัง หรืออาจเพราะถูกรังแก
เส้นผมสีดำขลับยาวจรดบั้นเอว แต่หน้าม้ากลับไว้ยาวเหมือนไม่ได้รับการเอาใจใส่ ปรกลงมาคลุมใบหน้าจนเกือบมิด
เธอยกผมหน้าม้าของตัวเองขึ้น และแล้วใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏให้เห็นชัดเจน
ถังซือซือแทบไม่เชื่อสายตา
ไม่น่าเชื่อว่าพอเธอได้เกิดใหม่ ตัวตนที่เคยสวยงามหยดย้อยราวดอกไม้แรกแย้ม… กลับหายไปตลอดกาล
คงเหลือเพียงสิว ฝ้า และกระที่หนาแน่นทุกรูขุมขน เมื่อพวกมันกระจายอยู่เต็มใบหน้าแบบนี้ มองแค่แวบแรกยังน่ากลัวแทบตาย
หญิงสาวที่เพิ่งย่างเข้าสู่วัยยี่สิบควรมีความงามสะพรั่งแห่งวัยสาวเหมือนคนทั่วไป แต่เพราะใบหน้าอัปลักษณ์แบบนี้ เธอจึงถูกเยาะเย้ยถากถางไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน
“ยายแก่หน้าย่น!”
“คนน่าเกลียด!”
“นังคางคก!”
เสียงหัวเราะเยาะของคนกลุ่มใหญ่ยังคงก้องอยู่ในหู
ถ้อยคำพวกนี้ เป็นฉายาที่บรรดาคนที่เคยกลั่นแกล้งรังแกเธอเป็นคนตั้งให้
นี่ยังเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมถังซือซือจึงด้อยกว่าคนอื่น และพยายามข้ามผ่านชีวิตในแต่ละวันไปอย่างหดหู่
คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันจนเกิดรอยยับย่นสามขีด สัญชาตญาณอันยุติธรรมถูกกระตุ้นจนเธอเผลอกำหมัดแน่น ปลายเล็บจิกฝังลึกลงในเนื้อ ตอนที่ยังอยู่บนดาวเคปเลอร์ เธอเกลียดชังความเลวทรามของคนมาโดยตลอด รับรู้ดีว่าคำพูดรุนแรงพวกนั้นทำร้ายจิตใจคนฟังอย่างสาหัสแค่ไหน
สำหรับความอัปยศที่เจ้าของร่างเดิมเคยได้รับ ถึงเวลาแล้ว ที่ฉันจะทำให้คนพวกนั้นต้องชดใช้คืนเป็นสองเท่า!
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ร่างกายของเธอขาดสารอาหารอย่างหนัก แถมยังถูกคนรังแกมาเป็นเวลานาน ทำให้พละกำลังอ่อนแอ ไม่สามารถไปสู้รบตบมือกับใครได้
ถังซือซือขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเธอต้องออกกำลังเสริมสร้างร่างกายกันเสียใหม่ เพราะท้ายที่สุด การแก้ปัญหาที่ได้ผลดีเยี่ยมคงหนีไม่พ้นการใช้กำปั้น
ถังซือซือค่อย ๆ หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างขณะครุ่นคิด พบว่าสวนหลังบ้านของที่นี่กว้างขวางเทียบได้กับสนามฟุตบอล ตัวอาคารที่ตกแต่งด้วยไม้แกะสลักมีการทาสีอย่างวิจิตรบรรจง
และที่นี่ตั้งอยู่ในเมืองหลวง ซึ่งที่ดินแค่หนึ่งตารางนิ้วตีมูลค่าเป็นเงินจำนวนมหาศาล
จู่ ๆ ภาพในหัวของเธอก็ปรากฏฉากทิวทัศน์ของคฤหาสน์เพมเบอร์ลีย์ในภาพยนตร์เรื่อง Pride and Prejudiceขึ้นมาซ้อนทับ
ดูเหมือนว่าพ่อหนุ่มคนนี้ไม่เพียงหล่อเหลาจนเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติเท่านั้น แต่ยังมีฐานะเป็นถึงมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ
“คุณคะ คุณผู้ชายต้องการพบคุณค่ะ” ผ่านไปสักพักหนึ่ง สาวใช้ร่างอ้วนก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเสื้อผ้าสองสามชิ้นในมือ
“นี่ ชุดพวกนี้ของคุณค่ะ ฉันเอามันไปซักให้แล้วเรียบร้อย” สาวใช้คนนั้นยื่นเสื้อผ้าที่ถูกซักจนขาวสะอาดให้เธอ พร้อมกับแสดงสีหน้ารังเกียจออกมาเล็กน้อย
ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายจะแสดงท่าทีแบบนี้ เพราะจริง ๆ แล้วชุดที่เธอใส่เรียกได้ว่าแทบไม่มีมูลค่า ในเรื่องของดีไซน์ก็ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย มองดูแวบแรกก็พอคาดเดาได้ว่าต้องซื้อมาจากแผงลอยราคาถูก แตกต่างจากคนเหล่านี้ที่เคยชินกับสินค้าฟุ่มเฟือยในระดับไฮเอนด์
อีกอย่าง… บริเวณปลายแขนยังขาดเป็นรูอีกด้วย
“ส่วนชุดพวกนี้ คุณผู้ชายขอให้ฉันเป็นคนเลือกให้คุณค่ะ”
บนราวมีชุดสวยงามสไตล์เจ้าหญิงสีชมพูอ่อนแขวนอยู่หลายชุด ทั้งหมดนี้เป็นแบรนด์ D ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากของบรรดาหญิงสาวในเมืองหลวง
สาวใช้ร่างอ้วนเหล่ตามองถังซือซือ
ฮึ่ม! สาวขี้เหร่คนนี้ นอกจากจะกล้าแตะต้องร่างกายคุณผู้ชายแล้ว ยังกล้าเข้าใจผิดคิดว่าคุณผู้ชายสูงศักดิ์ของตัวเองคือเซียวเทียนอวี่ที่มีนิสัยเกียจคร้านอีกต่างหาก!
ถังซือซือสัมผัสได้ถึงความเป็นปรปักษ์ของอีกฝ่าย แต่กลับไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่นิด ก่อนจะยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ห้องโถงด้านล่าง
ถังซือซือเดินลงบันได มือจับไล้ไปกับราวบันไดแกะสลักที่ทำมาจากไม้จันทน์สีแดง ชุดผ้าลินินสีขาวกับรองเท้าผ้าใบสีขาวซึ่งเริ่มเหลืองสภาพตามการใช้งานที่เธอสวมอยู่ ทำให้ดูไม่เข้ากับความหรูหราของสถานที่แห่งนี้เท่าไหร่นัก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เธอเป็นคนซื่อตรง ตราบใดที่ไม่ได้ไปฉกชิงของใครมา ความยากจนก็ไม่เห็นจะน่าอับอายตรงไหน
จากนั้น เธอเห็นว่าพ่อเศรษฐีสุดหล่อกำลังนั่งอยู่บนโซฟาลักษณะหรูหราด้วยท่าทางสบาย ๆ โดยที่ยังคงความเป็นผู้ดี เขาหมุนแก้วไวน์แดงในมือไปมา มองไปทางถังซือซือด้วยแววตาที่ลึกล้ำราวกับน้ำวน ทันใดนั้นเอง อาการชาวาบตามหนังศีรษะที่เป็นผลมาจากยาของหมอซู ทำให้เผลอยืดเอวขึ้นจนหลังตรงโดยไม่รู้ตัว
เคยได้ยินคำโบราณที่ว่าหล่อจนอยากจะกลืนกินมาบ้าง ไม่คิดเลยว่าความรู้สึกนั้นจะเกิดขึ้นกับตัวเอง! จิตใจถังซือซือล่องลอยออกไปโดยอัตโนมัติ
ประโยคเพ้อฝันดังกล่าวผุดขึ้นในความคิด
พอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ดี เธอจึงเข้าใจว่าทำไม นั่นก็เพราะเจ้าของร่างเดิมเป็นนักศึกษาภาควิชาวรรณคดีของมหาวิทยาลัยหนานซานนั่นเอง