หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 10 ความหวังของตระกูล

  1. หน้าแรก
  2. ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art
  3. ตอนที่ 10 ความหวังของตระกูล
Prev
Next

 

บรรดาลูกศิษย์ตระกูลเมิ่งเหล่านี้ต่างก็ได้วิ่งกันมุ่งหน้าเข้ามาพร้อมกับตะโกนขึ้นมาเสียง อีกทั้งยังตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เพียงชั่งครู่เดียวก็กลับเป็นที่สนใจของผู้คนภายในตระกูลมากมายที่อาศัยอยู่ภายในจวนบรรพชน เหล่าคนในตระกูลแต่ละคนฟังกันฉงนสนใจ อะไรกันนะ? ไม่ได้ยินมาผิดใช่หรือไม่ เมิ่งชวนรู้เคล็ดวิชาลับแล้ว?

 

“หยุดอยู่ตรงนั้น” คนในตระกูลผู้หนึ่งก็ได้คว้าเด็กหนุ่มเอาไว้อย่างรวดเร็ว แล้วพลันกล่าวขึ้นว่า : “จงบอกเล่ามาให้กระจ่าง แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

“ท่านอา เป็นพี่เมิ่งชวน” เด็กหนุ่มผู้นั้น ที่ยังอยู่ในวัยเพียงสิบสามขวบปี บัดนี้จึงค่อยกล่าวออกมาด้วยความลิงโลด : “วันนี้เป็นวันจัดอันดับตัดสินกันในสำนักกระจกทะเลสาบเรา พี่เมิงชวนได้ขึ้นไปประลองที่ด้านบนเวทีประลอง กระตุ้นใช้ออกด้วยดาบใบไม้ร่วงจากเคล็ดวิชาลับ’ สามกระบี่ใบไม้ร่วง’ แม้แต่ท่านประมุข อาจารย์ผู้ฝึกสอนพวกเขาก็ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน”

 

“ดาบใบไม้ร่วงของเคล็ดวิชาลับสามใบไม้ร่วงอย่างงั้นหรือ?” คนในตระกูลรูปร่างกำยำผู้นี้ถึงกับต้องกลอกตาจนกลมโต : “เมิ่งชวนปีนี้พึ่งจะอายุครบสิบห้าปีสินะ ถึงกับรู้แจ้งเคล็ดวิชาลับด้วยวัยเพียงสิบห้าขวบปีอย่างงั้นหรือ?”

 

เพียงแต่พบว่าทั่วทั้งจวนบรรพชน เหล่าคนในตระกูลแต่ละจุดต่างก็มีบรรดาผู้เยาว์เหล่านั้นคอยถามไถ่ ต่างก็เกิดเป็นเสียงฮือฮากันดังขึ้น

 

ชายชราผอมแห้งหัวโล้นผู้หนึ่งก็ได้หรี่ดวงตาเงี่ยหูฟังอยู่จากทางด้านข้าง จากที่ได้ยินเหล่าผู้เยาว์พวกนี้ต่างก็แย่งกันกล่าว ดวงตาถึงกับเป็นประกายขึ้นมาแล้ว ถึงกับอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “สวรรค์ทรงเมตตา สวรรค์ทรงเมตตาตระกูลเมิ่งเราจริงๆ”

 

“ผู้อาวุโสสาม เรื่องน่ายินดีอันเป็นสิริมงคลล้นฟ้าได้บังเกิดขึ้นแล้ว เมิ่งชวนเขาได้รู้แจ้งเคล็ดวิชาลับแล้ว” จากนั้นก็ได้มีคนในตระกูลวิ่งเข้ามาเพื่อบอกกล่าว

 

“รู้แล้วล่ะ!” ชายชราผอมแห้งหัวโล้นราวกับแช่แข็งใบหน้าที่เอิบอิ่มไปด้วยความสุขจนมากล้น พร้อมกับหันหน้าเดินจากไป

 

เขาก็คือหนึ่งในผู้อาวุโสตระกูลเมิ่งที่เข้มงวดที่สุดคนหนึ่ง เพียงแต่ชายชราผอมแห้งหัวโล้นที่สะบัดหน้าจากไป ตรงส่วนของมุมปากกลับยังยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย

 

……

 

จวนบรรพชนตระกูลเมิ่งนับว่ากินพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรก็มีคนในตระกูลอาศัยกันอยู่มากกว่าสองพันคน

 

ภายในลานฝึกยุทธ์แห่งหนึ่งของจวนบรรพชน

 

บรรดาเหล่าผู้เยาว์กลุ่มหนึ่งที่กำลังฝึกการใช้อาวุธอย่างดาบกระบี่ขวานหอกเป็นต้นกันอยู่ เมิ่งต้าเจียงผู้อ้วนฉุกำลังนั่งมองอยู่จากทางด้านข้าง

 

“อือ ทางด้านนอกเหตุใดถึงได้วุ่นวายกันถึงเพียงนี้?” เมิ่งต้าเจียงขมวดคิ้วเล็กน้อย ระหว่างนั้นก็ได้มีเสียงอันวุ่นวายเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที ด้วยการที่เขานับเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถในระดับไร้ตำหนิ จึงสามารถที่จะได้ยินเสียงท่ามกลางความวุ่นวายเป็นคำว่า ‘เมิ่งชวน’ ‘รู้แจ้งเคล็ดวิชาลับ’ ได้

 

เมิ่งต้าเจียงสะท้านไปจนถึงจิตวิญญาณ

 

เสมือนฤดูเหมันต์ถูกกลบทับด้วยวารีหนาวเหน็บสาดใส่ เขาถึงกับหัวสมองสะท้านจนแน่นิ่งเล็กน้อย

 

“เป็นข้าที่ฟังผิดไปงั้นหรือ?” เมิ่งต้าเจียงเกิดความกระวนกระวายอยู่บ้าง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมกับมุ่งหน้าไปที่ลานฝึกยุทธ์

 

“ต้าเจียง ต้าเจียง” ชายชราที่สง่างามท่านหนึ่งกับเหล่าคนในตระกูลมากมายได้เข้ามากันอย่างพร้อมเพรียง ชายชราที่สง่างามตื่นเต้นเบิกบานจนแดงก่ำไปทั้งหน้า

 

“ท่านอาห้า” เมิ่งต้าเจียงรีบเข้าไปต้อนรับ : “เป็นอย่างไรไปแล้ว?”

 

“เรื่องน่ายินดีครั้งใหญ่ เป็นเรื่องน่ายินดีครั้งใหญ่” ชายชราผู้สง่างามตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

 

“อ๋อ?” เมิ่งต้าเจียงที่ทั้งตื่นเต้นระคนกระวนกระวาย ถึงแม้จะพอที่จะคาดเดาได้ แต่ก็ยังมีความต้องการที่จะทำความเข้าใจให้กระจ่างแจ้งชัดเจน

 

ชายชราผู้สง่างามกล่าว: “ได้มีเหล่าผู้เยาว์บางส่วนกลับมาจากสำนักกระจกทะเลสาบเพื่อแจ้งกับภายในตระกูล ว่าบุตรชายเจ้าเมิ่งชวนในยามที่อยู่ในการคัดเลือกจัดอันดับสำนัก ได้กระตุ้นใช้เคล็ดวิชาลับสามใบไม้ร่วงแล้ว นั่นที่แม้แต่ท่านประมุข อาจารย์ฝึกสอนแล้วยังศิษย์อีกนับพันคนต่างก็ประจักษ์เห็นเองเดียวตาตัวเอง ย่อมต้องไม่เป็นเท็จอย่างแน่นอน ฮาฮาฮา……สวรรค์ไม่ทอดทิ้งตระกูลเมิ่งเราแล้วจริงๆ อีกทั้งยังเมตตาตระกูลเมิ่งเราแล้ว”

 

“ชวนเอ๋อกระตุ้นใช้เคล็ดวิชาลับสามใบไม้ร่วงออกมาอย่างงั้นหรือ?” เมิ่งต้าเจียงที่เพียงรู้สึกหัวสมองร้อนผ่าว ในใจพลันเกิดความร้อนรุ่มขึ้น

 

นั่นก็คือบุตรชายของเขา!

 

“ต้าเจียง บุตรชายเจ้าร้ายกาจนัก”

 

“ตระกูลเมิ่งเราจะต้องยิ่งเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นแล้ว จะกลัวก็แต่ว่าจะเกิดเป็นเทพอสูรคู่ในสำนักเดียวเท่านั้น” เหล่าผู้คนในตระกูลก็ได้กำลังกล่าวกันด้วยความตื่นเต้น นอกเสียจากท่านผู้นำตระกูลกับผู้อาวุโส ตามปกติคนในตระกูลจะไม่อาจทราบถึงเรื่องที่เมิ่งเซียนกูได้รับบาดเจ็บสาหัสได้

 

“ผู้อาวุโสทั้งสองท่าน เซียนกูได้เรียกให้พวกท่านไปเข้าพบ” ระหว่างนั้นก็ได้มีคนนำคำสั่งถ่ายทอดมา

 

“พวกเราจะต้องเดี๋ยวนี้”

 

เมิ่งต้าเจียง ชายชราผู้สง่างามต่างก็ได้เข้ามากันอย่างไล่เลี่ย เพียงแต่เมิ่งต้าเจียงในตอนนี้แม้กระทั่งในยามที่เดินเหินก็ยังแทบจะลอยไปตามสายลมแล้ว

 

……

 

เมิ่งเซียนกูกับท่านผู้นำตระกูลเมิ่งเหยียนผิงเดิมที่กำลังเดินหมากกันอยู่ บัดนี้ก็ได้หยุดลงแล้ว ภายในเรือนได้รวมเอาไว้ด้วยผู้อาวุโสทั้งแปดท่าน เหล่าผู้อาวุโสแต่ละคนต่างก็ตื่นเต้นนับหมื่นส่วน ยังมีผู้อาวุโสที่ไม่ได้อยู่ในจวนบรรพชน ที่ยังไม่ได้ล่วงรู้ถึงข่าวดีครั้งนี้

 

“เจ้าหนูพวกนั้นแต่ละคนก็ช่างวิ่งกันเร็วเสียจริง” ชายชราผอมแห้งหัวโล้นค่อนข้างที่จะมีชีวิตชีวา : “ล้วนแต่กำลังกล่าวกันถึงเรื่องที่เมิ่งชวนได้กระตุ้นเคล็ดวิชาลับสามใบไม้ร่วง”

 

“ครานี้นับว่าดียิ่งนัก ถึงกับรู้แจ้งเคล็ดวิชาลับด้วยวัยเพียงสิบห้าขวบปี……ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ นับว่าหาได้ด้อยไปกว่าเหมยหยวนจือนั้นกันแล้ว”

 

“ต้าเจียง เจ้านับว่าให้กำเนิดบุตรที่ดีแล้วเลยทีเดียว

 

“ต้าเจียงนับว่ามีส่วนที่สั่งสอนได้ดี”

 

เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลกลุ่มนี้ต่างก็กำลังกล่าวด้วยความตื่นเต้น เมิ่งต้าเจียงเบอกบานจนถึงกับหัวเราะคิกคักออกมา เขารู้สึกว่าวันนี้นับได้ว่าเป็นวันที่เขามีความสุขที่สุดในรอบหลายปีมานี้

 

“นับตั้งแต่ที่ได้ทราบข่าวสารนี้ ข้าก็สามารถที่จะตายตาหลับได้แล้ว”

 

“สวรรค์คุ้มครองตระกูลเมิ่งเราแล้ว”

 

เหล่าผู้อาวุโสที่เกรงกลัวว่าทางต้นตระกูลจะเกิดการล่มสลาย ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิตแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังคงคาดหวังที่จะให้ตระกูลสามารถที่จะเจริญรุ่งเรืองกันต่อไป

 

ความเจริญรุ่งเรืองของตระกูล พี่น้องคนในตระกูลของพวกเขา ย่อมต้องส่งผลให้เหล่าลูกหลานมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ เมื่อเวลาล่วงเลยนานเข้า พวกเขาก็จะสามารถรวมตระกูลเป็นปึกแผ่นได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

 

“ดูพวกเจ้าแต่ละคนสิ” เมิ่งเซียนกูที่นั่งอยู่ทางด้านนั้นก็ได้ยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา : “เด็กน้อยเมิ่งชวนผู้นี้ที่สามารถรู้แจ้งเคล็ดวิชาลับได้ ย่อมนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างแน่นอน แต่พวกเจ้าก็ยังพึ่งดีใจกันเร็วจนเกินไป”

 

เหล่าผู้อาวุโสงุนงงกันทันที

 

เมิ่งเซียนกูจึงได้กล่าวต่อ : “ตอนนี้เมิ่งชวนพึ่งจะก้าวเข้าสู่ขั้นแรกเท่านั้น ยังนับว่าอยู่ห่างไกลจากคำว่าเทพอสูรอีกยาวไกล เขายังต้องรู้แจ้งท่วงท่าดาบ แล้วยังต้องหลอมโอสถ แล้วยังต้องฝ่าด่านเป็นตายในขั้นตอนสุดท้าย! นี่จึงถือเข้าเกณฑ์ของสามสำนักใหญ่……บัดนี้ก็อย่าได้คิดว่าเขานั้นเก่งกาจมากถึงเพียงนั้น จนทำให้เขาลืมเลือนซึ่งทุกสิ่ง สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำ ก็คือการตั้งมั่นฝึกปรือ ทางที่ดีก็รู้แจ้งท่วงท่าดาบก่อนวัยยี่สิบปี เช่นนั้นยังพอที่จะมีความหวังที่จะเข้าสู่เขาหยวนชูได้สักสามส่วน หากว่าสามารถเข้าเขาหยวนชูได้ นั่นย่อมสามารถสำเร็จเป็นเทพอสูรได้อย่างแท้จริง”

 

“เขาหยวนชู!” ท่านผู้นำตระกูลเมิ่งเหยียนผิงรวมไปจนถึงเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายล้วนแต่ทอดวงตาเป็นประกาย

 

นั่นเปรียบเสมือนดั่งสถานที่แห่งการฝึกปรือที่เก่าแก่ที่สุดของทั้งใต้หล้าแล้ว

 

ทั้งลี้ลับและแข็งแกร่ง

 

เมืองตงหนิงในรอบร้อยปีมานี้มีแค่เพียงบรรพชนตระกูลจางเพียงคนเดียวเท่านั้น หากสามารถเข้าสู่เขาหยวนชูได้เป็นที่สำเร็จ ตระกูลจางเองก็จะสามารถสำเร็จเป็นเสาหลักแห่งตระกูลเบญจาเทพอสูรเมืองตงหนิงได้

 

“หากว่าไม่สามารถเข้าสู่เขาหยวนชูได้ เช่นนั้นเส้นทางการฝึกปรือของเมิ่งชวนก็จะเป็นได้อย่างยากลำบากยิ่ง” เมิ่งเซียนกูกล่าวต่อ : “ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ได้รู้แจ้งเคล็ดวิชาลับด้วยวัยสิบหกปีท่วงท่า ก็ยังไม่อาจสามารถเข้าร่วมกับเขาหยวนชูได้ จะเป็นก็ได้แต่ศิษย์สายนอกของเขาหยวนชู ประสบพบพานกับอันตรายที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด จึงค่อยมีวาสนาสำเร็จเป็นเทพอสูรได้ ก่อนหน้านี้ข้าที่ยังอยู่ในกลุ่มกองกำลังเสริม คนเหล่านั้นล้วนแต่มีพรสวรรค์ใกล้เคียงกับข้า แต่กลับมีเพียงข้าแค่คนเดียวที่สามารถสำเร็จเป็นเทพอสูรได้ ส่วนที่เหลือทุกคนล้วนแต่ตายกันจนสิ้น”

 

“เมิ่งชวน ไม่เพียงแต่จะต้องมีท่วงท่าดาบ ผนึกโอสถ ฝ่าด่านผ่านเกณฑ์ความเป็นตายของสามสำนักใหญ่นี้ อีกทั้งยังจำเป็นที่จะต้องรู้แจ้งท่วงท่าดาบให้ได้ก่อนวัยยี่สิบปีจึงจะสามารถนับว่าเข้าเกณฑ์การฝึกฝนของสำนักได้” เมิ่งเซียนกูกล่าวอย่างหนักแน่น

 

เหล่าผู้อาวุโสในที่แห่งนี้ก็ล้วนแต่เงียบเชียบกันขึ้นมา

 

สำเร็จเป็นเทพอสูรถึงกับยากลำบากมากจริงๆ

 

เมิ่งชวนในตอนนี้ จะว่าไปแล้ว ก็ยังเป็นเพียงความหวังที่เปรียบเสมือนดั่งต้นกล้าอ่อนสู่การเป็นเทพอสูรเท่านั้น ทำให้ในตระกูลสามารถมองเห็นความหวังกันได้เท่านั้น

 

“ต้าเจียง” เมิ่งเซียนกูกล่าวกำชับ : “เจ้าจงไปยังสำนักกระจกทะเลสาบเพื่อไปรับตัวเมิ่งชวน แล้วก็จงเตรียมพร้อมสู่การชุมนุมพิฆาตอสูรที่จะเกิดขึ้นในตำหนักหยกสุริยันเอาไว้ให้ดี รอจนกระทั่งหลังจากที่พ้นการชุมนุมพิฆาตปีศาจ เมิ่งชวนก็สมควรที่จะสงบลงได้แล้ว แล้วค่อยพามาพบข้า”

 

(T/L : ชุมนุมพิฆาตอสูร เปลี่ยนจากอสูร(魔) เป็น ปีศาจ(妖)จากคนแปลท่านก่อนให้ตรงตามต้นฉบับจีน)

 

“ขอรับ” เมิ่งต้าเจียงคารวะตอบ

 

“พวกเจ้าเองก็ไปกันได้แล้ว” เมิ่งเซียนกูกำชับ : “จงจำไว้ อย่าได้ปล่อยให้เมิ่งชวนหลงระเริงจนเกินไป การเปลี่ยนให้เขากลายเป็นลำพอง นั่นก็จะมีแต่เป็นการทำร้ายเขาเท่านั้น”

 

“ขอรับ” เหล่าผู้อาวุโสเปล่งเสียงตอบกลับมาอย่างหนักแน่น

 

ผู้ใดยังอาจหาญที่จะมาทำลายเมิ่งชวนอีกกัน นั่นแทบจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกับตระกูลเมิ่งกันได้แล้ว!

 

ไม่นานนัก เหล่าผู้อาวุโสต่างก็จากไปกันแล้ว ภายในเรือนนี้จึงเหลือไว้แค่เพียงเมิ่งเซียนกูกับท่านผู้นำตระกูลสองพี่น้อง

 

“พี่หญิงสาม ท่านเกือบจะทำให้พวกเขาแตกตื่นไปแล้ว” ท่านผู้นำตระกูลเมิ่งเหยียนผิงยิ้มแล้วกล่าว : “ข้าเองก็รู้ว่าท่านเองก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง”

 

“ย่อมมีความสุขอย่างแน่นอน” เมิ่งเซียนกูจึงค่อยกล่าวออกมาอย่างผ่อนคลาย : “ข้าสำเร็จเป็นเทพอสูรมาก็เกือบแปดสิบปีแล้ว อีกทั้งยังได้สะสมวาสนาที่มาจากเขาหยวนชูไว้มากมาย อีกทั้งยังได้เชื่อมสัมพันธ์เป็นมิตรกับคนอีกมากหลาย!หากว่าตระกูลไม่ได้มีต้นกล้าที่ดีเช่นนี้ สิ่งที่ข้าสะสมเอาไว้ก็คงจะต้องสูญเปล่ากันแล้ว บัดนี้เมิ่งชวนมีพรสวรรค์เหนือล้ำ ข้าย่อมต้องช่วยเหลือเขาด้วยพลังทั้งหมดอีกครั้ง เขาจะต้องก้าวไปได้ไกลเสียยิ่งกว่าข้าในตอนต้นอย่างแน่นอน”

 

“อือ เขาจะต้องสำเร็จเป็นเทพอสูรได้อย่างแน่นอน” เมิ่งเหยียนผิงกล่าว

 

“ย่อมทำได้แน่นอน!” ภายในแววตาของเมิ่งเซียนกูเต็มไปด้วยความเฝ้ารอ

 

……

 

สำนักกระจกทะเลสาบ เมิ่งชวนที่กำลังเดินออกสู่ภายนอก บรรดาศิษย์ในสำนักที่อยู่โดยรอบตลอดทางล้วนแต่เรียกขานเขาว่า: “ศิษย์พี่เมิ่ง” มิหนำซ้ำยังดูสนิทสนมเป็นอย่างยิ่ง

 

เมิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นคำตอบ จากนั้นก็มุ่งหน้าเดินไปยังด้านนอก

 

“อือ?”

 

พึ่งจะเดินมาถึงประตูทางเข้า ก็ได้พบว่าที่ด้านนอกประตูสำนักได้ยืนไว้ด้วยคนกลุ่มหนึ่ง ผู้ที่อยู่ทางด้านหน้าก็คือเมิ่งต้าเจียงผู้อ้วนฉุ ที่ด้านข้างยังได้มีชายชราผอมแห้งหัวโล้น ชายชราผู้สง่างามและผู้อาวุโสภายในตระกูลอีกหลายต่อหลายท่าน

 

“ท่านพ่อ ผู้อาวุโส” เมิ่งชวนก็ได้เดินเข้าไป

 

“เจ้าเด็กคนนี้” เมิ่งต้าเจียงยื่นมือลูบหัวของเมิ่งชวน ยิ้มแล้วกล่าว : “ทำให้บิดาเจ้าแทบตกใจจนหัวใจกระเด็นกระดอนแล้ว”

 

การได้รับการลูบหัวจากบิดา เมิ่งชวนจึงได้แต่สะกดอดกลั้นอย่างเชื่อฟัง ดูไปแล้วแม้จะดูว่านอนสอนง่ายกันอยู่บ้าง แต่ตามความเป็นจริงกลับเบิกบานขึ้นมากเป็นพิเศษ

 

“ฮาฮา แม้แต่พวกเราก็ยังถูกทำให้ตกใจกันแล้ว”

 

“เมิ่งชวน ทำได้ไม่เลว” เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลทั้งหลายท่านต่างก็ได้หัวเราะออกมาแล้วกล่าว เห็นได้ชัดว่าเปี่ยมไปด้วยความสุขล้น

 

“ไป กลับบ้านกันเถอะ” เมิ่งต้าเจียงกล่าวออกมาด้วยจิตใจที่เบิกบาน การมีบุตรเช่นนี้ แล้วยังต้องไปต้องการสิ่งใดอีก?

 

“อือ”

 

เมิ่งชวนตอบรับ ติดตามบิดาบังเกิดเกล้าพวกเขากลับไปพร้อมกัน

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "ตอนที่ 10 ความหวังของตระกูล"

0 0 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

INVINCIBLE โลกอมตะ
INVINCIBLE โลกอมตะ
มีนาคม 12, 2022
เกิดใหม่กับระบบไร้พ่าย
เกิดใหม่กับระบบไร้พ่าย
มิถุนายน 26, 2022
จอมดาบพิฆาตสวรรค์
จอมดาบพิฆาตสวรรค์
มีนาคม 12, 2022
ปกข้ามีดาวเทียมในยุคสามก๊ก
ข้ามีดาวเที่ยมในยุคสามก๊ก
กรกฎาคม 9, 2023
หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords !
หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords !
มีนาคม 12, 2022
ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ราชันสามภพ
กรกฎาคม 6, 2023
Tags:
กำลังภายใน
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz