พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 250 เธอหมายความว่ายังไง
ตอนที่ 250
เธอหมายความว่ายังไง
“ไม่ได้คุยอะไรกันเลย แค่เรื่องเครื่องประดับนิดหน่อย อ๋อ แล้วก็เรื่องลูก” คุณนายหลัวหรี่ตาลงครู่หนึ่ง คิดพิจารณาและตอบกลับ
“เรื่องหนูเหรอคะ? เธอถามอะไร?” หลัวฉิงคงถามด้วยความสงสัย
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าคุณนายมู่ดูสนใจเธอมากเป็นพิเศษ
“แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเป็นพิเศษนะ…” คุณนายหลัวบอกเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้หลัวฉิงคงฟัง
หลัวฉิงคงจมดิ่งอยู่ในความคิดหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น
ขณะเดียวกันรถยนต์แล่นมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลัว คนรับใช้ออกมาเปิดประตูรั้วให้รถยนต์เคลื่อนตัวเข้าไปด้านใน
หลังจากที่ทั้งสองคนลงจากรถยนต์ คุณนายหลัวก็ดึงหลัวฉิงคงที่ยังคงตกอยู่ห้วงความคิดเข้าไปในคฤหาสน์
ระหว่างทางเธอคอยพูดพึมพำว่า “แม่ว่าเธอหมายความว่ายังไงคะ?”
คุณนายหลัวหันไปสบตาลูกสาวและทันใดนั้นแสงสีขาวก็แวบเข้ามาในหัว
หรือว่า…
“ฉิงคง ลูกว่าเป็นไปได้มั้ยที่เธออยากจะจับคู่ลูกให้กับลูกชายของเธอ?” คุณนายหลัวบอกเล่าความคิดเห็นของตน
“ลูกก็เห็นว่าเธอถามถึงลูกตลอดทั้งช่วงบ่ายเลย ไหนจะถามว่าลูกมีคู่หมั้นหรือคนตามจีบในตอนเย็นอีก แม่เห็นสายตาที่เธอมองไปทางลูก ดูเธอพึงพอใจลูกมากเลยนะ”
ยิ่งคุณนายหลัวคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้มากเท่านั้น นอกจากนี้สีหน้าของเธอยังดูตื่นเต้นอย่างมาก
หลัวฉิงคงที่ได้ยินเช่นนั้นส่ายหน้า “หนูก็ไม่รู้ค่ะแม่ อย่าเพิ่งคิดถึงขนาดนั้นเลยจะดีกว่า”
ทว่าตอนนี้คุณนายหลัวกำลังตกอยู่ภายใต้การคาดเดาและไม่ได้ฟังคำพูดของเธอเลย
อีกฝ่ายเป็นถึงตระกูลมู่ แม้ว่าตระกูลหลัวของพวกเธอจะมั่งคั่ง แต่ก็ยังอยู่คนละระดับกับตระกูลมู่
หากลูกสาวของเธอสามารถแต่งงานกับมู่อวี้เฉิงได้จริง ๆ ตระกูลหลัวก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากอำนาจของตระกูลมู่ไต่เต้าไปเป็นตระกูลผู้มั่งคั่งชั้นหนึ่งได้ไม่ใช่เหรอ!
“ถ้าเป็นอย่างที่แม่คิดจริง ๆ ลูกจะต้องคว้ามันมาให้ได้นะ” คุณนายหลัวพูดเตือน
หลัวฉิงคงถอนหายใจและพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “แม่คะ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลยค่ะ อีกอย่างคุณนายมู่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนสักหน่อย”
“ถึงเธอจะยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจน แต่ในความคิดของแม่ วันนี้เธอจะต้องกำลังสืบสวนลูกอยู่แน่ ๆ” คุณนายหลัวพูดขณะครุ่นคิด
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น หลัวฉิงคงก็รู้สึกว่าวันนี้ ลิ่นอวี๋เหยียนคอยสังเกตการณ์เธออยู่จริง ๆ
หรือว่าจะเป็นไปอย่างที่แม่ของเธอคิด ว่าลิ่นอวี๋เหยียนต้องการจับคู่ให้เธอกับมู่อวี้เฉิงจริง ๆ?
ถึงอย่างนั้นลิ่นอวี๋เหยียนไม่ได้พูดอะไรชัดเจน และไม่ว่าพวกเธอจะคิดมากแค่ไหนมันก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
หลัวฉิงคงไม่ได้คิดเรื่องนี้อีกต่อไป เธอพยายามพูดบอกแม่ด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า “แม่อย่าเพิ่งคิดเยอะไปเลยค่ะ ดึกแล้ว รีบไปนอนเถอะนะคะ”
หลังจากที่หลัวฉิงคงพูดจบ เธอก็ผลักคุณนายหลัวเข้าไปในห้องนอน
ทว่าคุณนายหลัวยังคงพึมพำกับตนเอง “แม่จะไม่คิดมากได้ยังไง ลูกชายของเธอคือมู่อวี้เฉิง ประธานแห่งมู่กรุ๊ปเชียวนะ ลูกไม่หวั่นไหวกับเขาบ้างเหรอ? เขาเป็นคนที่มีความสามารถมีอนาคตไกล ใคร ๆ ก็อยากแต่งงานกับเขาทั้งนั้น ผู้ชายสมบูรณ์แบบพรรค์นั้น ลูกไม่อยากแต่งงานกับเขาหรือไง?”
พวกเธอทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ถึงแม้ว่าคุณนายหลัวจะพูดกระซิบแต่หลัวฉิงคงก็ยังคงได้ยินมันอย่างชัดเจน
เธอจึงพูดตอบเบา ๆ “เรายังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อยนี่คะ ถ้าคุณนายมู่คิดอย่างนั้นจริง ๆ เดี๋ยวเธอก็ติดต่อพวกเรามาเองแหละ แม่หยุดคิดมากได้แล้วค่ะ”
“ก็ใช่” คุณนายหลัวคิดว่าคำพูดของหลัวฉิงคงนั้นสมเหตุสมผล เธอจึงหันหลังกลับเข้าห้องไป
หลัวฉิงคงมองดูบานประตูที่ปิดลงอย่างครุ่นคิด ดวงตาคู่สวยดูประหลาดใจและลึกล้ำนัก
อันที่จริงคำพูดของแม่นั้นถูกต้อง เธอมีความประทับใจในตัวมู่อวี้เฉิงเช่นกัน
เธอเคยเห็นมู่อวี้เฉิงในงานเลี้ยงจากระยะไกลมาก่อน
เพียงแค่เขาเดินเข้ามาก็พร้อมจะตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนแล้ว
เธอจะไม่ชอบคนหล่อเหลาและมีความสามารถแบบนี้ได้อย่างไร
เธอคิดว่าตนเองมีความสามารถและมีสถานะสูงส่ง แต่หลายปีที่ผ่านมาเธอไม่ได้สนใจเรื่องรักใคร่ระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาวมากนัก และอุทิศตนให้กับหน้าที่การงาน
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มีเข้ามาตามจีบไม่น้อย บางคนสนใจในความสามารถของเธอ บางคนสนใจในรูปลักษณ์หน้าตาของเธอ และบางคนเพียงแค่สนใจภูมิหลังทางครอบครัวของเธอเท่านั้น
ในความคิดของเธอคนพวกนี้ล้วนมีแรงจูงใจบางอย่าง
ดังนั้นเธอที่มีวิสัยทัศน์ที่สูงส่งมากย่อมดูถูกดูแคลนคนพวกนั้น
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าคุณนายมู่ต้องการจับคู่ให้เธอกับ มู่อวี้เฉิงอย่างที่แม่เธอสงสัยหรือไม่ หากแต่เธอรู้ดีว่าถ้าอีกฝ่ายคือมู่อวี้เฉิง เธอก็จะไม่ขัดขืนอะไรและจะทำให้ก้มกราบชายกระโปรงให้ได้
…
ในอีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่คู่แม่ลูกตระกูลหลัวกลับออกไปแล้ว คนขับรถของตระกูลมู่ก็ขับรถมาส่งลิ่นอวี๋เหยียนที่คฤหาสน์หลังเก่า
เนื่องจากวันนี้ลิ่นอวี๋เหยียนได้เจอกับหลัวฉิงคง เธอจึงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าและอารมณ์ดีอยู่เสมอ
มู่หงจวิ้นเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าเธออารมณ์ดี “วันนี้มีเรื่องอะไรดี ๆ เกิดขึ้นกับคุณเหรอ?”
เขารู้ว่าวันนี้ลิ่นอวี๋เหยียนจัดงานเลี้ยงน้ำชาคนดัง แต่เธอไม่เคยไปงานเลี้ยงน้ำชาของคนอื่นเลยและไม่เคยกลับมาบ้านด้วยอารมณ์ดีผิดหูผิดตาแบบนี้
ลิ่นอวี๋เหยียนเอามือทาบใบหน้าและพบว่าตนเองยิ้มแย้มดูมีความสุขมาก
เธอกลั้นรอยยิ้มและพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ใช่เรื่องดีอะไรนักหรอก”
“แต่คุณดูมีความสุขมาก ที่งานเลี้ยงน้ำชามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นเหรอ?” มู่หงจวิ้นรู้สึกแปลกใจ
ลิ่นอวี๋เหยียนพยักหน้า พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชมเชย “อืม วันนี้ฉันได้เจอกับเด็กคนหนึ่งที่มีบุคลิกดีมาก”
“แล้วมันดียังไง?” มู่หงจวิ้นรู้สึกสับสนขึ้นเรื่อย ๆ
เธอไม่เคยเจอหน้าลูกสาวของใครแล้วมีความสุขแบบนี้มาก่อน
“คุณไม่เข้าใจหรอก” ลิ่นอวี๋เหยียนพูดแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง
เธอยังไม่ได้วางแผนจะบอกเรื่องนี้กับมู่หงจวิ้น และเมื่อถึงตอนนี้เขาจะรู้เรื่องทุกอย่างโดยที่เธอไม่ต้องพูดอะไรเลย
หลังจากที่ลิ่นอวี๋เหยียนอาบน้ำเสร็จแล้ว เธอที่อยู่ในชุดนอนผ้าไหมก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างครุ่นคิด
เธอเจอเป้าหมายและได้รับการยืนยันเรียบร้อยแล้ว แต่เธอจะจับคู่ให้มู่อวี้เฉินกับหลัวฉิงคงอย่างไรดี?
ตอนนี้สตีเฟนกรุ๊ปกับมู่กรุ๊ปกำลังทำงานร่วมกัน ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงมีข้ออ้างเรื่องงานมาป้วนเปี้ยนอยู่กับมู่อวี้เฉิงเสมอ
กลับกันตระกูลมู่กับตระกูลหลัวไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กันเลย และไม่เคยติดต่อกันทางด้านธุรกิจใด ๆ
นอกจากนี้หลัวฉิงคงกับอวี้เฉิงแทบจะไม่แบ่งแยกเรื่องงานกับชีวิตส่วนตัวเลย
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจะไม่มีทางมาบรรจบกันได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องระหว่างพวกเขาทั้งสองคนด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องสร้างโอกาสให้พวกเขาก่อน โดยให้หลัวฉิงคงได้ใกล้ชิดกับอวี้เฉิง
…
สภาพจิตใจของลู่ซีจวี๋ดีขึ้นมากหลังจากเมาไม่ได้สติในวันนั้น เขาไม่ได้ดูหดหู่เหมือนในตอนแรกอีกต่อไป
ตลอดสองวันมานี้เขาพักผ่อน พูดคุย เล่นหมากรุกและจิบชากับผู้เฒ่าสตีเฟนอยู่ที่บ้าน ใช้ชีวิตดีขึ้นกว่าเดิมมาก
หลังจากตั้งสติได้แล้ว ลู่ซีจวี๋ก็กลับเข้าไปทำงานที่บริษัทตามเดิม
“ท่านประธาน นี่คือเอกสารทั้งหมดที่ต้องเซ็นครับ ผมวางเอกสารที่เร่งด่วนเอาไว้ด้านบนแล้วครับ” ผู้ช่วยพูดรายงานด้วยความเคารพขณะที่ในมือถือกองเอกสารอยู่
ช่วงนี้ท่านประธานไม่ค่อยแวะเข้ามาที่บริษัท แต่มันกลับทำให้เขาเหนื่อยล้าเต็มทน
ลู่ซีจวี๋พยักหน้า เขารู้ดีว่าช่วงที่เขาไม่ได้เข้ามาที่บริษัท กองเอกสารที่ต้องลงนามทั้งในประเทศและต่างประเทศจะกองเป็นพะเนินสูงเช่นนี้
เขาหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านรายละเอียดและเซ็นชื่อหลังจากตรวจสอบมันอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว
หลังจากลู่ซีจวี๋เซ็นชื่อลงบนเอกสารเร่งด่วนแล้ว ผู้ช่วยก็พูดเสริมขึ้นมาว่า “เดี๋ยวจะมีประชุมตอนเก้าโมง ท่านประธานต้องเข้าร่วมด้วยนะครับ”
“เข้าใจแล้ว” ลู่ซีจวี๋ตอบรับอย่างใจเย็น
-จบเล่ม-