พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 200 ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
ตอนที่ 200
ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
ซูฟางยอมกัดลิ้นตัวเองตายดีกว่าจะต้องพูดอะไร
เมื่อเห็นว่าเธอปฏิเสธที่จะพูดอะไร มู่อวี้เฉิงก็ขยิบตาให้ ลู่หมิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
ลู่หมิงหยิบกระดาษออกมาและโยนลงต่อหน้าเธอ “ดูซะให้เต็มตา”
ซูฟางไม่ได้หยิบกระดาษขึ้นมา ทว่าเธอกลับกวาดสายตาไปทั่วแผ่นกระดาษ
หลังจากมองดูแล้วสีหน้าของเธอดูไม่สู้ดีนัก เหงื่อหลายเม็ดค่อย ๆ ผุดออกมาจากหน้าผาก
เอกสารที่ลู่หมิงโยนออกมานั้นเป็นเอกสารเกี่ยวกับการสอบสวนไอพีทั้งหมด
จู่ ๆ ซูฟางก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั่วทั้งกระดูก
เธอรู้ว่าพวกเขาตรวจสอบทุกอย่างแล้ว
“ยังไม่ยอมรับอีกเหรอ?” ลู่หมิงถามเสียงเย็นชา
ซูฟางกัดริมฝีปากและยังคงยืนกรานว่า “ฉันก็บอกพวกคุณแล้วไงว่าฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
ลู่หมิงจ้องมองเธอด้วยดวงตามืดมน สีหน้าดูน่ากลัวอย่างมาก “หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ ปฏิเสธไปก็เปล่าประโยชน์ คุณลองคิดดูให้ดี ถ้าคุณไม่ยอมบอกว่าใครเป็นคนสั่งการ พวกเราก็จะสันนิษฐานว่าคุณลงมือทำคนเดียว การวางจ้างฆ่าคนต่อให้ไม่ถึงแก่ความตายยังไงก็ต้องติดเข้าตารางอยู่ดี”
รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวของลู่หมิงกับมู่อวี้เฉิงทำให้ซูฟางตัวสั่นเทา
แต่เมื่อเธอนึกถึงคำพูดของซ่งอวี่ซี เธอก็พูดขึ้นว่า “ฉันไม่รู้จริง ๆ ต่อให้พวกคุณพยายามข่มขู่ฉันแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ”
มู่อวี้เฉิงจ้องมองเธอด้วยสีหน้าเย็นชาราวกับเขากำลังมองดูคนตาย “ค่อย ๆ ถามเธอไป ถ้ามันไม่ได้ประโยชน์อะไร ก็ค่อยขังเธอไว้ในนั้นจนกว่าเธอจะยอมพูด”
“ครับ” ลู่หมิงตอบรับ
จากนั้นเขาก็มองไปที่ซูฟางแล้วพูดเปลี่ยนเรื่อง “แม่คุณแก่แล้ว แถมน้องชายยังเรียนมหาลัยอยู่ไม่ใช่เหรอ”
ซูฟางตกตะลึงครู่หนึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะเงยหน้ามองอย่างระมัดระวังตัว “คุณรู้ได้ยังไง คุณถามแบบนี้คิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ผมไม่ได้รู้แค่นี้หรอก แต่ยังรู้มาว่าคุณคือเสาหลักของครอบครัวด้วย ถ้าไม่มีคุณ พวกเขาก็จะต้องอดตายกันหมด”
“แล้วยังไงล่ะ” ซูฟางยังคงปฏิเสธที่จะพูด
ก่อนหน้านี้ซ่งอวี่ซีเคยแอบมอบเงินค่าปิดปากจำนวนหนึ่งให้เธอ ซึ่งเงินจำนวนนั้นเป็นเงินสำหรับซื้อหมายเลขเบอร์โทรศัพท์
ถึงแม้ว่าเธอจะต้องติดคุก แต่เงินจำนวนนั้นก็เพียงพอสำหรับน้องชายที่จะเรียนจบในชั้นมหาวิทยาลัย และเพียงพอสำหรับค่าอาหารและเครื่องหุงห่มที่ครอบครัวจำเป็นต้องใช้
ลู่หมิงแสยะยิ้ม “คุณคิดว่าเราไม่รู้จำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นในสมุดบัญชีของคุณเหรอครับ?”
คราวเมื่อพวกเขาตรวจสอบและพบว่าไอพีดังกล่าวเป็นของซูฟาง พวกเขาได้ตรวจสอบข้อมูลทางบัญชีทั้งหมดของเธอด้วย
เงินที่มีจำนวนเพิ่มมาอีกหนึ่งล้วนหยวนดึงดูดความสนใจของพวกเขาเป็นอย่างมาก
ซูฟางตัวสั่นเทาเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอน่าจะคิดให้รอบคอบกว่านี้
หากคนพวกนี้ค้นพบข้อมูลไอพีที่ถูกปิดไปแล้วได้ พวกเขาจะไม่ค้นพบเงินในบัญชีธนาคารของเธอได้อย่างไร
ซูฟางยังคงนิ่งเงียบ เธอลงนามในเอกสารสัญญารักษาความลับกับซ่งอวี่ซีไปแล้ว และค่าเสียทั้งหมดสูงถึงห้าล้านหยวน เธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้
ลู่หมิงค่อย ๆ ก้าวเข้าไปข้างหน้า “ถ้าคุณไม่ยอมพูดอะไร พวกเราก็จะสันนิษฐานว่าญาติพี่น้องของคุณมีส่วนร่วมในการก่อเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้ด้วย จนถึงตอนนั้นสมาชิกในครอบครัวของคุณก็จะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด นอกจากนี้เงินจำนวนล้านหยวนยังถูกโอนเข้ามาจากทางบริษัท คุณจะต้องถูกตั้งข้อหายักยอกทรัพย์และถูกจับเข้าคุก”
คำพูดของลู่หมิงเปรียบเสมือนการบอกใบ้ ทำให้ซูฟางหน้าซีดลงหลังจากได้ยิน
ดวงตาจับจ้องไปทางลู่หมิงกับมู่อวี้เฉิงด้วยความหวาดกลัว
ตอนนี้เธอรู้ว่าตนเองไปทำให้ใครประเภทไหนขุ่นเคือง
“ถ้าฉันพูด พวกคุณจะปล่อยฉันกับครอบครัวไปได้มั้ยคะ?” ซูฟางเงยหน้ามองพวกเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัว
จนถึงตอนนี้เธอยังกล้าสร้างเงื่อนไขกับพวกเขาอีก ลู่หมิงแสยะยิ้มและไม่ตอบคำถามเธอ
ลู่หมิงถามขึ้นอีกครั้ง “สรุปว่าคุณเป็นคนทำใช่มั้ย?”
ซูฟางเหลือบมองเขาด้วยความรู้สึกสับสน เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะพูดชื่อของซ่งอวี่ซีออกไปดีหรือไม่
แต่ว่าเธอไม่อยากติดคุกและไม่อยากลากครอบครัวไปเข้าคุกกับเธอด้วย
แม่ของเธอแก่มากแล้ว และน้องชายกำลังมีอนาคตที่สดใส
หากเธอคนเดียวคงไม่เป็นไร แต่เธอจำเป็นจะต้องปกป้องครอบครัวของเธอ
ยิ่งไปกว่านั้นทัศนคติของทั้งสองคนกำลังบ่งบอกว่าถ้าหากเธอไม่ต่อสู้เพื่อตนเอง พวกเขาจะจับเธอเข้าคุกจริง ๆ
หลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว ซูฟางก็ตัดสินใจพูดชื่อของซ่งอวี่ซีออกไป
เธอกัดฟันแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้ทำค่ะ”
ลู่หมิงเลิกคิ้ว “แล้วใครเป็นคนสั่งคุณ?”
“ผู้จัดการซ่งเป็นคนสั่งค่ะ แต่ฉันก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดอะไรมากนัก” ซูฟางตอบรับด้วยน้ำเสียงสงบ
ลู่หมิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น “คุณช่วยบอกผมทีว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”
ซูฟางค่อย ๆ พูดอย่างใจเย็น “ตอนแรกผู้จัดการซ่งบอกให้ฉันเอาบัตรประชาชนไปสมัครเปิดเบอร์โทรศัพท์หมายเลขใหม่ และเธอเป็นจ่ายค่าเบอร์มือถือให้ฉันค่ะ ฉันไม่รู้ว่าผู้จัดการเอาไปใช้ยังไงบ้าง ต่อมาผู้จัดการสั่งให้ฉันรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทหารรับจ้างในประเทศเอ็ม”
ลู่หมิงขมวดคิ้วแน่นขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด “คุณบอกว่าเธอให้คุณรวบรวมข้อมูลทหารรับจ้างในประเทศเอ็มเหรอ?”
“ใช่ค่ะ” ซูฟางพยักหน้า
ดูเหมือนว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นซ่งอวี่ซีจริง ๆ
“พอจะมีหลักฐานว่าเธอใช้เลขไอพีของคุณจ้างงานทหารรับจ้างบ้างมั้ย?” มู่อวี้เฉิงถามเสียงทุ้มขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในบริเวณใกล้เคียง
ซูฟางส่ายหน้า “ผู้จัดการซ่งพูดสั่งโดยปากเปล่าค่ะ ฉันไม่มีหลักฐานอะไรเลย”
หากไม่มีหลักฐานก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าซ่งอวี่ซีเป็นคนวานจ้างฆาตกร
เบาะแสทั้งหมดจะสาวถึงแค่ซูฟางเท่านั้น
มู่อวี้เฉิงโกรธมากที่หลังจากรับรู้ความจริงแล้วก็ยังไม่สามารถนำฆาตกรตัวจริงที่ทำร้ายถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาสู่กระบวนการยุติธรรมได้
“พาเธอลงไป” มู่อวี้เฉิงหันไปสั่งการลู่หมิงด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
ลู่หมิงตอบกลับด้วยความเคารพ “ครับ”
ลู่หมิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดเข้ามาพาตัวเธอลงไปที่ชั้นล่าง
แต่นึกไม่ถึงว่าซูฟางจะรีบคลานเข้าไปหามู่อวี้เฉิง
“ฉันบอกทุกอย่างที่คุณอยากรู้ไปหมดแล้ว คุณช่วยปล่อยฉันกับครอบครัวไปได้มั้ยคะ?” เธอพูดขณะดึงชายกางเกงของมู่อวี้เฉิง
มู่อวี้เฉิงไม่ได้ตอบรับอะไร สีหน้ามืดมนและดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
บอดี้การ์ดรีบก้าวเข้าไปข้างหน้าและพาเธอลงไป
ลู่หมิงกับพวกบอดี้การ์ดพาเธอไปยังห้องมุมของโรงแรม
ซูฟางถูกผลักเข้าไปในห้อง แต่ขณะที่บานประตูกำลังจะปิดลง เธอรีบจับบานประตูเอาไว้และพูดอย่างร้อนใจ “คุณปล่อยฉันกับครอบครัวฉันไปได้มั้ยคะ? ได้มั้ย?”
“ในเมื่อคุณสารภาพแล้ว เดี๋ยวท่านประธานก็ทำตามสัญญาเองแหละ แต่จนกว่าเรื่องนี้จะจบลงผมคงยังปล่อยคุณไปไม่ได้” ลู่หมิงตอบ
หลังจากที่ปิดประตูลงและให้บอดี้การ์ดไปยืนเฝ้าหน้าประตู ลู่หมิงก็เดินกลับขึ้นไปยังห้องที่มู่อวี้เฉิงอยู่
ลู่หมิงถามอย่างนอบน้อม “ท่านประธาน ดูเหมือนว่าคำสารภาพของเธอจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยครับ แถมยังระบุว่าซ่งอวี่ซีเป็นคนลงมือทำไม่ได้ด้วย แล้วเราจะทำยังไงกันต่อไปดีครับ?”
เหตุการณ์แต่ละอย่างเชื่องโยงถึงกัน และซ่งอวี่ซีวางแผนอย่างรอบคอบมาก
พวกเขาไม่มีหลักฐานที่สามารถแสดงได้ว่าซ่งอวี่ซีเป็นคนลงมือทำ และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังเกิดขึ้นภายนอกประเทศ จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้วิธีการทางกฎหมายมาลงโทษซ่งอวี่ซีภายในประเทศ