นายน้อยเจ้าสำราญ : คนบ้าแห่งต้าเฉิน - ตอนที่ 8 หลอกล่อ
ตอนที่ 8 หลอกล่อ
ตรอกต้านสุ่ยตั้งอยู่บริเวณด้านข้างของแม่น้ำต้านสุ่ย
สุริยากำลังจะลาลับ สายลมยามเย็นพัดโชยมาเบา ๆ ต้นหลิวไหวเอนไปตามแรงลม
รถม้าเก่า ๆ คันหนึ่งจอดอยู่ด้านหน้าหอต้านสุ่ย สวีเสี่ยวเสียนกำลังจะลงจากรถม้า ทว่ากลับได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมาว่า “นี่เจ้า ! จงนำรถม้าซอมซ่อนี้ถอยออกไป ที่นี่เป็นที่จอดรถม้าของนายท่านจู… เจ้านั่นแหละ รถโสโครกคันนั้น ! ”
หลายฝูจ้องมองเจ้าหมอนั่นตาเขม็ง เขาเป็นบ่าวรับใช้เหมือนกัน ถือดีเยี่ยงไรมาตะโกนใส่เขาเช่นนี้ ?
เห็นได้ชัดว่าเจ้าหมอนั่นใจกล้ามากยิ่งนัก หลายฝูจึงมิได้เอ่ยอันใดให้มากความ ทำได้เพียงบังคับรถม้าไปจอดอยู่ข้างทางเท่านั้น
ให้ตายสิ ! มีการแย่งที่จอดรถกันตั้งแต่สมัยโบราณเลยหรือ ?
บ่าวรับใช้ที่หอต้านสุ่ยชอบดูถูกผู้อื่นเสียจริง !
เมื่อสวีเสี่ยวเสียนลงมาจากรถม้า จึงได้พบว่าด้านหน้าของหอต้านสุ่ยมีรถม้าจอดอยู่เจ็ดแปดคัน
บัดนี้เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี และเป็นช่วงที่ร้านอาหารวุ่นวายที่สุด ประตูทางเข้ามีแขกเดินเข้าออกมิขาดสาย
บัดนี้ในกระเป๋ามีเงินเพิ่มขึ้น 5 ตำลึง จึงทำให้สวีเสี่ยวเสียนยืดอกขึ้นได้บ้าง เขาโบกมือแล้วเอ่ยว่า “ไปเถิด พวกเราเข้าไปด้านในกัน ! ”
หลายฝูเดินตามสวีเสี่ยวเสียนเข้าไปอย่างว่าง่าย ส่วนจือรุ่ยมองตามหลังคุณชายด้วยความกังวล นางภาวนาอยู่ในใจว่าโรคประสาทของคุณชายอย่าได้กำเริบขึ้นมาอีกเลย มิเช่นนั้นอาจจะถูกพวกเขารุมทำร้ายจนตายได้ !
“เชิญนายท่านด้านใน มิทราบว่าได้จองไว้ล่วงหน้าหรือไม่ ? ”
“เอ่อ…ข้ามิได้จองเอาไว้”
“เช่นนั้นเชิญนายท่านนั่งที่ห้องโถง”
สวีเสี่ยวเสียนพาทั้งสองคนเข้าไปหาที่นั่งในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับห้องครัว จากนั้นก็มีเสี่ยวเอ้อคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาแล้วหยิบผ้าเช็ดโต๊ะที่วางพาดบ่ามาเช็ดโต๊ะให้กับพวกเขาพลางเอ่ยถามว่า “นายท่านต้องการสั่งอันใดเยี่ยงนั้นหรือขอรับ ? ”
“ช่วยเอารายการอาหารมาให้ข้าดูที”
เสี่ยวเอ้อตกตะลึงขึ้นมาทันใด รายการอาหารเยี่ยงนั้นหรือ ? “ร้านของเราหาได้มีรายการอาหารไม่”
“เช่นนั้นข้าจะสั่งได้เยี่ยงไรเล่า ? ”
“อาหารขึ้นชื่อของร้านเรามี เต้าหู้อีผิน ปลิงทะเลย่างต้นหอม ไก่ทอดกรอบ ไก่ซีหรง…”
อ่า…ชื่ออาหารแต่ละอย่างช่างน่าฟังเสียเหลือเกิน “หมดแล้วหรือ ? ”
“คุณชายขอรับ ข้าน้อยได้เอ่ยรายการอาหารออกไปแล้วถึง 26 อย่าง ยังมิพออีกหรือ ? ”
“มิใช่หรอก เพียงแต่อาหารที่ข้าอยากกินนั้น ที่นี่มิมีขายแม้แต่อย่างเดียว”
“มิทราบว่าคุณชายอยากกินอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ลองเอ่ยออกมาให้ข้าน้อยฟังได้หรือไม่ ? ”
สวีเสี่ยวเสียนถกแขนเสื้อขึ้น จากนั้นก็กระแอมสองสามคราก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าจงฟังให้ดี”
เสี่ยวเอ้อยืดตัวตรงพลางชำเลืองมองสวีเสี่ยวเสียน คุณชายผู้นี้คงจะมาก่อกวนน่ะสิ ในเมืองเหลียงอี้ อาหารในร้านต้านสุ่ยรสชาติเลิศล้ำและมีรายการอาหารครบครันมากกว่าที่ใด ดูจากการเเต่งกายของคุณชายผู้นี้แล้ว… เสี่ยวเอ้อเบ้ปากเล็กน้อย มิได้แตกต่างอันใดจากข้าเลยสักนิด คาดว่าคงจะเป็นนายท่านที่มิมีเงินในกระเป๋าสักเท่าใดนัก
“เชิญคุณชายเอ่ยขอรับ”
“เนื้อแกะนึ่ง อุ้งตีนหมี หางกวางนึ่ง เป็ดย่าง ไก่ย่าง ห่านย่าง หมูตุ๋น เป็ดตุ๋น ไก่ราดซอส หมูสามชั้น เนื้อแห้ง ไส้กรอก ซุปซูผาน ไก่รมควัน หมูแปดสมบัติ ข้าวหน้าเป็ดพะโล้…”
เขาเอ่ยยังมิทันจบก็หมดแรงเอาเสียก่อน เมื่อชาติที่แล้วเขาสามารถเอ่ยชื่ออาหารเหล่านี้ได้จนครบ ทว่าบัดนี้กลับทำมิได้ ลูกผู้ชายจะเป็นเช่นนี้มิได้ ! คงต้องออกกำลังกายสักหน่อยแล้ว
ในขณะที่สวีเสี่ยวเสียนกำลังท่องรายการอาหารเหล่านี้ออกมาอย่างคล่องแคล่ว หลงจู๊แห่งหอต้านสุ่ยก็ได้เดินผ่านมาพอดี เดิมทีเขาตั้งใจจะออกมาต้อนรับคุณชายจู ทว่าบัดนี้เมื่อได้ฟังก็เพลิดเพลินจนมิอาจก้าวขาต่อไปได้
เสี่ยวเอ้อยืนงงจนทำอันใดมิถูก หลงจู๊เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางโค้งคำนับแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณชายขอรับ อาหารเหล่านั้นร้านของเราทำออกมาให้มิได้ ข้าน้อยเถาสีหลงจู๊แห่งร้านต้านสุ่ย มิทราบว่าคุณชายรู้จักวิธีการทำอาหารเหล่านี้หรือไม่ ? ”
สวีเสี่ยวเสียนลอบยิ้มอยู่ในใจ ได้การล่ะ…เงินกำลังจะลอยมาแล้ว !
“สวัสดีหลงจู๊เถา ! ”
“สวัสดีขอรับคุณชาย…มิทราบว่าท่านมีนามว่าเยี่ยงไร ? ”
“เอ่อ…นามนั้นสำคัญไฉน อาหารเหล่านี้มาจากครัวส่วนตัวของข้า ครัวส่วนตัวเจ้าเข้าใจหรือไม่ ? ”
เถาสีผงะไปชั่วครู่ เขามั่นใจว่าคุณชายผู้นี้จะต้องเป็นคุณชายจากจวนใหญ่หรือจวนขุนนางระดับสูงเป็นแน่ “ข้าน้อยพอทราบมาบ้างขอรับ”
“อืม…เช่นนั้นก็ดี อาหารเหล่านี้ข้าและครัวหลวงได้ร่วมกันคิดค้นขึ้นมา แน่นอนว่าข้าต้องทำได้ มีอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? หลงจู๊เถาสนใจอาหารเหล่านี้หรือเยี่ยงไร ? ”
เถาสีเบิกตากว้าง ครัวหลวง…นั่นเป็นครัวสำหรับทำอาหารถวายองค์จักรพรรดิ คุณชายผู้นี้มิบอกชื่อเสียงเรียงนามของตนออกมา อีกทั้งยังได้คิดค้นอาหารกับพ่อครัวหลวง เขาสูดหายใจเข้าลึก คุณชายผู้นี้มิธรรมดา !
หากได้วิธีการทำอาหารเหล่านี้มาครอบครอง คาดว่าการค้าของหอต้านสุ่ยคงจะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นแน่ ดีมิดีอาจจะสามารถขยับขยายร้านสาขาไปยังเมืองเหลียงโจวได้อีกด้วย
ความคิดของเขาเริ่มเปลี่ยนไปในทันใด จือรุ่ยได้แต่เบิกดวงตากว้างจนแทบจะหยุดหายใจ มือเล็กของนางคู่นั้นกำชายเสื้อเอาไว้แน่น ให้ตายเถิด…อาการของคุณชายกำลังจะกำเริบอีกแล้ว !
จะทำเยี่ยงไรดี ! ครานี้คุณชายหยิบยกเอาครัวหลวงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เรื่องนี้จะจบลงเยี่ยงไรน่ะหรือ ?
เขาจะถูกทุบจนตายเยี่ยงไรเล่า !
บัดนี้จือรุ่ยรู้สึกตึงเครียดมากยิ่งนัก
ส่วนหลายฝูกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สมองของเขามิได้คิดอันใดมากนัก รายการอาหารที่คุณชายเอ่ยออกมาเมื่อครู่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ฟังดูแล้วช่างน่ากินเสียเหลือเกิน
ว่าแต่…คุณชายมิเคยไปที่ห้องครัวเลยสักครา เขาจะไปรู้วิธีการทำอาหารเหล่านั้นได้เยี่ยงไร ?
สมองของหลายฝูแล่นทันใด คุณชายกำลังเอ่ยเรื่องไร้สาระอยู่นี่เอง !
แย่แล้ว ! คุณชายจะต้องถูกตีจนตายเป็นแน่ ทว่าหากโรคของคุณชายกำเริบขึ้นมาอีกล่ะก็ เขาอาจจะทำร้ายผู้อื่นจนตายก็เป็นได้ ! ส่วนตนในฐานะผู้ดูแลก็จะถูกจับและส่งตัวเข้าคุกหรือไม่ก็อาจจะถูกตัดสินประหารชีวิต…
“คุณชายขอรับ…” หลายฝูตัดสินใจช่วยชีวิตตนเองเอาไว้ “พวกเรากลับเรือนไปกินยากันเถิดขอรับ”
“หุบปากของเจ้าเสีย ! ”
อ่า…ที่แท้คุณชายผู้นี้ก็ร่างกายมิแข็งแรงนี่เอง มิน่าเล่าถึงได้มีครัวส่วนตัว เขาคงจะใช้อาหารในการรักษาเยียวยา
เมื่อเถาสีมั่นใจแล้วว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นผู้ที่มีตัวตนสูงส่ง เช่นนั้นเขาก็คงจะสามารถทำอาหารเลิศรสเหล่านี้ออกมาได้จริง ๆ
“หากคุณชายสามารถมอบสูตรอาหารเหล่านี้ให้แก่ข้าน้อยได้ ข้าน้อยจะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง”
มอบเยี่ยงนั้นหรือ ?
เจ้าคิดน้อยเกินไปแล้ว
“หลงจู๊เถา ท่านคงมิรู้หรอกว่าอาหารเหล่านี้มีถิ่นกำเนิดมาจากที่ใด วัตถุดิบที่นำมาใช้ราคาสูงเพียงใด ? ท่านยังมิรู้จักคุณค่าของพวกมันโดยแท้จริง” เมื่อเอ่ยประโยคนี้จบ สวีเสี่ยวเสียนก็ลุกขึ้นยืน “หลายฝู พวกเราไปกันเถิด”
ในที่สุดหัวใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของหลายฝูก็สงบลง เขารีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว อาหารเลิศรสเหล่านี้เขามิกินก็ได้ กลับไปกินน้ำซุปกับบะหมี่ที่เรือนปลอดภัยกว่ามากโข
“เอ่อ…คุณชาย ช้าก่อนขอรับ เอาเป็นว่าคุณชายลองเสนอราคามาดีหรือไม่ขอรับ ? ”
“หลงจู๊เถา ท่านมิรู้จักสินค้าเอาเสียเลย อาหารเหล่านี้อยู่ในตำราอาหารของฝ่าบาท หากว่าท่านได้วิธีการทำอาหารเหล่านี้ไป ท่านรู้หรือไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งใด ? ”
“อาหารในวังเชียว ด้วยชื่อเสียงเหล่านี้ ขอบเขตของร้านต้านสุ่ยในตอนนี้คงมิอาจรับรองแขกเหรื่อที่จะเดินทางมามากมายได้อย่างแน่นอน ! ”
ประโยคนี้ปลุกเขาให้ตื่นจากความฝัน เถาสีจ้องมองสวีเสี่ยวเสียนด้วยท่าทางดีอกดีใจ “คุณชายช่างมองการณ์ไกลมากยิ่งนัก ข้าน้อยละอายใจตนเองเหลือเกิน หากมิขัดข้องอันใด คุณชายจะให้เกียรติสละเวลามาสนทนากับข้าน้อยสักประเดี๋ยวได้หรือไม่ ? ”
อืม…ถูกต้องแล้ว !
ข้าจะหลอกให้คนโบราณเยี่ยงเจ้าสั่นคลอนให้จงได้ !
แท้จริงแล้วจะเอ่ยว่าเขาหลอกลวงก็มิได้ เนื่องจากในชาติที่แล้วการที่สวีเสี่ยวเสียนสามารถแต่งงานกับฉินรั่วซีได้ ก็เพราะฝีมือการทำอาหารของเขานี่แหละ มันมีส่วนช่วยมากกว่าครึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้น…มิใช่ว่าเขามีความสามารถฟันแทงมิเข้าแต่อย่างใด ทว่าเป็นเพราะเขาเขียนอักขระได้งดงามมากยิ่งนัก ในยุคสมัยนั้นผู้ที่เขียนพู่กันจีนได้มีมิมากนัก
สวีเสี่ยวเสียนเดินตามเถาสีขึ้นไปที่ห้องน้ำชาชั้นสาม จือรุ่ยและหลายฝูมองหน้ากันไปมา
“จะทำเยี่ยงไรดี ? ” จือรุ่ยรู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง
หลายฝูเงยหน้ามองบันได เขาปรารถนาที่จะเอาตัวรอดอย่างแรงกล้า “พวกเราออกไปรอคุณชายด้านนอกดีหรือไม่ ? ”