คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣) - ตอนที่ 4 ไอ้โง่ทั้งสองคน
ตอนที่ 4 ไอ้โง่ทั้งสองคน
“บาดเจ็บสาหัสมากครับ” หม่ากัวเฉียงพูดขึ้นพร้อมกับหยิบผลตรวจในกระเป๋ายื่นให้ต่อหน้าจางเทียนเหอ
จางเทียนเหอรับผลตรวจมา พลางเดินไปด้วยดูไปด้วย ยิ่งเขาดูมากเท่าไรสีหน้าของเขายิ่งตึงเครียดมากเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าหลินโม่โม่จะได้รับบาดเจ็บสาหัสได้มากถึงเพียงนี้ และแม้ว่าเขาจะลงมือผ่าตัดเองก็ยังมีโอกาสประสบความสำเร็จเพียง 20% หรือบางทีอาจจะไม่ถึงเลย
แต่ว่าเมื่อกี้ดันไปพูดโอ้อวดเอาไว้ แถมบ้านก็ยังรับมาเรียบร้อยแล้ว หากตอนนี้เขายอมรับว่าเขาไม่แน่ใจ มีหวังเขาจะต้องอับอายขายหน้ามาก และในอนาคตเขาคงไม่มีที่ยืนในเมืองเจียงหนานอีกเลย
ขณะที่พูดคุยกันพวกเขาได้เดินมาถึงที่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน หม่ากัวเฉียงพยายามที่จะใช้โอกาสนี้ฟ้องอีกครั้ง แต่กลับเห็นประตูห้องผ่าตัดฉุกเฉินเปิดอยู่ ฉินห้าวตงกำลังหยอกล้อกับเด็กผู้หญิงหน้าตาสวยคนหนึ่งอยู่ที่หน้าประตูด้วยสีหน้าผ่อนคลายดูสบายๆ
เวินฉางเจียงสีหน้าเงียบขรึมมองไปที่หม่ากัวเฉียง
หม่ากัวเฉียงเองก็สงสัยว่าห้องผ่าตัดเปิดอย่างไร เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้โกหก เขาจึงพุ่งเข้าไปและตะโกนว่า "ฉินห้าวตง เธอเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ ใครให้สิทธิ์เธอผ่าตัดให้ผู้ป่วย? ตอนแรกอาจารย์ของฉันสามารถช่วยคุณหลินได้อยู่แล้ว ตอนนี้เป็นเพราะเธอทำวุ่นวาย อาการของคุณหลินเลยสาหัสขึ้น ขนาดอาจารย์ของฉันยังเริ่มไม่แน่ใจแล้ว"
เป้าหมายในการพูดครั้งนี้ของเขาคือเพื่อเพิ่มโทษให้กับฉินห้าวตง จางเทียนเหอได้ฟังดังนั้นในใจเกิดความพอใจเป็นอย่างมาก แต่สีหน้าภายนอกแสดงออกว่าไม่มีความสุข "ผู้อำนวยการเวินครับ การจัดการที่โรงพยาบาลของพวกคุณวุ่นวายเกิดไป แบบนี้ผมจะรับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?"
เวินฉางเจียงที่โกรธมานานแล้ว จึงรีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า "นักศึกษาแพทย์คนหนึ่งที่ทำอะไรโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่มีคุณสมบัติอาจารย์หมอแต่กลับทำการผ่าตัดให้คนไข้ ตอนนี้เธอถูกไล่ออกแล้ว"
นี่คือผลลัพธ์ที่ฉินห้าวตงคาดการณ์ไว้นานแล้ว ในเวลานี้เขาสนใจตำแหน่งนักศึกษาแพทย์ที่ไหนกัน สิ่งสำคัญคือเขาช่วยชีวิตหลินโม่โม่ไว้ได้และพบลูกสาวของเขาแล้ว
"ผมไปได้ แต่ผมรักษาคุณหลินไว้ได้แล้ว เข็มเงินที่ฝังอยู่บนร่างกายของเธอห้ามดึงออกก่อนรุ่งสางเด็ดขาด" ตอนที่พูดเขาไม่ได้เหลียวมองเวินฉางเจียงเลยสักนิด เอาแต่จ้องมองถังถังด้วยความรักตลอดเวลา
"พูดจาไร้สาระ!"
จางเทียนเหอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาพึ่งจะดูผลตรวจมา จึงไม่เชื่อว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ได้ เขาจึงไม่สนใจคำพูดของนักศึกษาแพทย์คนนี้
แน่นอนว่าหลินจื่อเยวียนไม่เชื่อเช่นกัน เขาไม่เข้าใจว่าหลานสาวของเขาทำไมสนิทคุ้นเคยกับนักศึกษาแพทย์ได้เช่นนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้ เขาจึงพูดอย่างเร่งด่วนว่า "อาจารย์หมอจาง ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว รีบรักษาลูกสาวผมเถอะ"
พอได้ยินว่าคนเหล่านี้จะรักษาหม่าม๊า แม่หนูน้อยจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเล็กๆ ว่า "คุณปู่คะ อาการบาดเจ็บของหม่าม๊าได้รับการรักษาจากคุณอาหมอเทวดาแล้ว วันพรุ่งนี้ก็จะตื่นไปส่งหนูที่โรงเรียนอนุบาลได้แล้วค่ะ"
อย่างไรก็ตามหลินจื่อเยวียนไม่เชื่อคำพูดของถังถัง นึกว่าเป็นคำพูดที่อันปี้หรูใช้ปลอบโยนเด็กน้อย จึงเดินนำจางเทียนเหอเข้าไปในห้องฉุกเฉิน หม่ากัวเฉียงเดินตามไปด้วยเช่นกัน อันปี้หรู ต้องการอธิบายให้หลินจื่อเยวียนฟัง แต่เธอไม่สามารถหาโอกาสพูดได้เลย
"คุณอาหมอเทวดาคะ พวกเขาไม่เชื่อคำพูดของถังถัง" แม่หนูน้อยเบ้ปากของเธอด้วยความเสียใจ สีหน้าดูเศร้าสร้อย ราวกับว่าเธอพร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ
ฉินห้าวตงรีบปลอบใจเธอ "ถังถังอย่าเสียใจไปเลยนะ พวกเขาไม่เชื่อถังถัง เพราะพวกเขาเป็นคนโง่"
"คุณปู่ไม่ใช่คนโง่"
แม่หนูน้อยพูดขึ้น ดูเหมือนว่าเธอจะรักหลินจื่อเยวียนมาก
"ใช่แล้ว คุณปู่ไม่ใช่คนโง่ แต่เขาถูกคนโง่หลอก คนที่หนูเห็นเมื่อกี้นี้เป็นคนที่โง่มาก ตอนนี้มีคนแก่โง่เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคนแล้ว!"
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า … คนโง่มากกับคนแก่จอมโง่ คนโง่สองคน ตลกจังเลยค่ะ!"
แม่หนูน้อยมีความสุขขึ้นในทันที
"คุณอาหมอเทวดาคะ ถังถังหิว คุณอาช่วยพาหนูไปกินอะไรอร่อย ๆ ได้ไหม?"
แม่หนูน้อยเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนอนุบาลและยังไม่ได้กินข้าว เธอจึงหิวเป็นธรรมดา
"หิวแล้วสินะ งั้นตอนนี้อาจะพาหนูไปซื้ออาหารอร่อย"
"เย้ๆ ดีเลยค่ะ ดีเลย ถังถังจะได้กินของอร่อย ๆ …… "
แม้ว่าฉินห้าวตงอยากจะอยู่กับลูกสาวของเขาเพียงลำพัง แต่เขารู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ เขาจึงหันไปพูดกับอันปี้หรูว่า "พวกเราไปด้วยกันเถอะ"
แน่นอนว่าอันปี้หรูไม่วางใจให้ถังถังอยู่กับฉินห้าวตงเพียงลำพัง เธอจึงตามเขาไปที่ร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้ามโดยมีบอดี้การ์ดสองคนอยู่ข้างหลังเธอ
ในห้องผ่าตัดฉุกเฉิน หลินจื่อเยวียนและคนอื่น ๆ มองหลินโม่โม่ที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยสีหน้าตกตะลึง
ถึงแม้ว่าเธอยังนอนสลบอยู่เหมือนเดิม แต่ใบหน้าเธอดูมีเลือดฝาดและสงบ ดูไม่เหมือนคนไข้ที่บาดเจ็บสาหัสเลยสักนิด
จางเทียนเหอผู้ได้รับสมญานามว่าเป็นปรมาจารย์ด้านการแพทย์แห่งเจียงหนาน ได้คลุกคลีอยู่กับทั้งการแพทย์แผนจีนและการแพทย์ตะวันตก เขามองไปยังเครื่องวัดชีพจรที่อยู่ด้านข้างก่อน จากนั้นจึงจับชีพจรของหลินโม่โม่ แล้วคิดในใจว่า ‘นี่มันคนป่วยตรงไหน ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสสักหน่อย!’
เมื่อเห็นอาการของหลินโม่โม่ หลินจื่อเยวียนรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังถามว่า "อาจารย์หมอจาง ลูกสาวของผมเป็นอย่างไรบ้าง?"
จางเทียนเหอกล่าวว่า "เครื่องวัดชีพจรของทางโรงพยาบาลอาจมีปัญหาขัดข้อง อาการของคุณหลินไม่ได้สาหัสอะไร ผมจะจ่ายยาให้เธอ อีกสองสามวันน่าจะหายดีแล้ว"
ฟังจางเทียนเหอพูดเช่นนี้ หลินจื่อเยวียนจึงโล่งใจไปมาก
ในเวลานี้หม่ากัวเฉียงเห็นเข็มเงินที่ช่วงท้องของหลินโม่โม่จึงหันไปพูดกับจางเทียนเหอ “อาจารย์ครับ นี่ต้องเป็นเข็มเงินที่หมอนั่นมันพูดถึงแน่ๆ น่าตลกสิ้นดีที่นักศึกษาแพทย์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรจะกล้าสอนอาจารย์ว่าควรต้องรักษาคนไข้อย่างไร ไม่รู้ว่าหมอนั่นไปเอาความกล้ามาจากไหน "
จางเทียนเหอจึงพูดขึ้นว่า “ก็แค่พวกที่แกล้งทำเป็นว่าตัวเองเก่งแหละ คุณหลินไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดึงมันออกมา!"
หลินจื่อเยวียนเป็นนักธุรกิจที่เฉลียวฉลาดมาก ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างเข้า จึงพูดขึ้นว่า "อาจารย์หมอจาง เข็มเล่มนี้มันไม่มีผลกระทบอะไรหรอก เราปล่อยให้มันฝังอยู่ที่นั่นเถอะ"
หม่ากัวเฉียงพึ่งจะถูกฉินห้าวตงทำให้ตกใจกลัวจนเกือบจะฉี่ราด ในใจเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เกลียดจนไม่อยากจะไว้หน้าฉินห้าวตง เขาจึงพูดขึ้นว่า "คุณหลินครับ อาจารย์ของผมพูดไปแล้วว่านักศึกษาแพทย์คนนี้แกล้งทำเป็นว่าตัวเองเก่ง คุณอย่าไปเชื่อคำพูดเขาเด็ดขาดนะครับ"
"เอ่อ …… " หลินจื่อเยวียนไม่รู้จะพูดอะไรดี สุดท้ายแล้วทางฝั่งนี้ก็เป็นอาจารย์หมอที่มีชื่อเสียง ส่วนฝั่งนั้นเป็นเพียงนักศึกษาแพทย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่เป็นที่รู้จัก พอเอาทั้งสองคนมาเปรียบเทียบกัน เขาเลือกที่จะเชื่อจางเทียนเหอมากกว่า
หม่ากัวเฉียงเดินไปดึงเข็มออกด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพอใจ ในใจของเขามีความสุขมาก เป็นแค่นักศึกษาแพทย์แต่อยากจะทำอวดเบ่ง ฉันไม่ยอมหรอก!
แต่พอเขาพึ่งจะดึงมือกลับ เห็นเพียงสีหน้าของหลินโม่โม่ซีดลงไปในทันที เครื่องวัดชีพจรที่อยู่ด้านข้างส่งเสียงเตือนดังลั่น
หม่ากัวเฉียงตกใจมาก เป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
"ไอ้บ้า แกทำอะไร?"
หลินจื่อเยวียนคว้าคอเสื้อของหม่ากัวเฉียงและพูดตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ
"คุณหลินครับ ปล่อยผมก่อน" หม่ากัวเฉียงหันไปมองจางเทียนเหอด้วยความหวาดกลัว "อะ……อาจารย์ครับ รีบหาวิธีสิครับ……"
จางเทียนเหอรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อจับชีพจรให้หลินโม่โม่เป็นครั้งที่สอง ในครั้งนี้เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้น เพราะชีพจรตอนแรกที่ยังดูนิ่งสงบในเวลานี้กลับยุ่งเหยิงไปหมด เธอสามารถตายได้ทุกเมื่อ ยิ่งไปกว่านั้นเขามองไม่ออกว่าปัญหาที่ทำให้เธออยู่ในขั้นวิกฤตินี้คือจุดไหน
"จางเทียนเหอ สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?"
เมื่อเห็นลูกสาวของเขากำลังจะตาย หลินจื่อเยวียนก็ดูโกรธเคืองราวกับราชสีห์ขู่คำราม
"เอ่อ …… " จางเทียนเหอพูดสาเหตุไม่ได้ จึงขมวดคิ้วมองไปที่หม่ากัวเฉียง แล้วตะคอก "เธอทำบ้าอะไรของเธอ?”
“ อาจารย์ จะมาโทษผมก็ไม่ได้นะ ก็อาจารย์ให้ผมดึงเข็มออกมา” หม่ากัวเฉียงพูดอย่างหวาดกลัว
จางเทียนเหอตบหน้าหม่ากัวเฉียงอย่างแรง แล้วด่า “ไอ้บ้า ยังจะกล้าต่อปากต่อคำกับอาจารย์อีก เมื่อกี้ฉันลองวิชาการแพทย์ของเธอ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะดึงเข็มออกมาก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรต่อ ความรู้ระดับนี้ของเธอยังไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นหมอเลยด้วยซ้ำ"
หม่ากัวเฉียงตกใจมาก เขาเข้าใจทันทีว่าไอ้หมอนี่ไม่ต้องการรับผิดชอบ เขากำลังใช้กลอุบายเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอด ดังนั้นหม่ากัวเฉียงจึงไม่นึกถึงความเป็นอาจารย์ความเป็นศิษย์กันอีกแล้ว เขาพูดตะโกนขึ้น “นี่! เมื่อกี้เห็นได้ชัดว่าคุณให้ผมดึงมันออก ทำไมถึงมาโทษผมซะล่ะ?”
"ไอ้คนทรยศ …… "
เมื่อเห็นคนสองคนนี้ทะเลาะกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและหลบเลี่ยงความรับผิดชอบ หลินจื่อเยวียนเริ่มชักจะอยากฆ่าพวกเขาทิ้ง เขาเข้าใจแล้วว่าชายหนุ่มคนเมื่อที่ช่วยชีวิตลูกสาวของเขาไว้ และตอนนี้คนโง่สองคนนี้ได้ทำลายทุกสิ่ง
"หุบปาก! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาวของฉัน วันนี้คุณทั้งคู่ต้องถูกฝังไปกับเธอด้วย"
จางเทียนเหอกลัวจนตัวสั่น หลายปีที่ผ่านมานี้เขาได้ช่วยชีวิตเจ้าหน้าที่ระดับสูงมามากมายและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ชั้นสูงในเมืองเจียงหนาน อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของหลินชื่อกรุ๊ปเลย การที่หลินจื่อเยวียนอยากจะฆ่าเขามันง่ายเหมือนการฆ่าไก่
หม่ากัวเฉียงตระหนักได้ถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงพูดขึ้นด้วยความกลัวว่า “งะ……งั้นผมจะเอาเข็มเสียบไปอีกครั้งดีไหมครับ?”
หลินจื่อเยวียนตบหน้าเขาอีกฉาดใหญ่ "แกรู้หรอว่าจะเสียบไว้ตรงไหน?"
ถึงแม้ว่าเขาไม่เข้าใจวิชาทางการแพทย์ แต่เขาก็รู้ว่าเข็มนี้ไม่สามารถเสียบปแบบสุ่มๆ ได้
ในเวลานี้เวินฉางเจียงดึงหลินจื่อเยวียนออกไปแล้วพูดโน้มน้าวเขาว่า "คุณหลินครับ คุณควรสงบลงสักหน่อย ตอนนี้สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือการช่วยชีวิตคุณหลินนะครับ”
หลินจื่อเยวียนเตะหม่ากัวเฉียงออกไปให้พ้นทางแล้วพูดอย่างดุเดือดว่า "คนไร้ประโยชน์สองคนนี้ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เราจะช่วยเธอได้อย่างไร?"
“ พวกเขาทำไม่ได้ แต่มีคนทำได้ ไปตามหาตัวนักศึกษาแพทย์คนเมื่อกี้กลับมา เขาต้องมีวิธี!”
เวินฉางเจียงมองดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลเขายังมีวิสัยทัศน์พื้นฐาน เขาเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ถ้ายังอยากจะช่วยหลินโม่โม่อีกครั้ง ทำให้แค่เชิญฉินห้าวตงกลับมา ไม่มีวิธีอื่นที่ดีไปกว่านี้แล้ว
หลินจื่อเยวียนคิดเช่นนี้เหมือนกัน เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า "ใช่! ใช่! ผมจะส่งคนไปตามเขากลับมาเดี๋ยวนี้"
หม่ากัวเฉียงก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ผมไปเอง ผมจะไปเชิญเขากลับมาเองครับ”
ไม่ทันรอให้หลินจื่อเยวียนพูดอะไร เขารีบหมุนตัววิ่งออกไปทันที
เขาไม่ได้โง่ เขาไม่คิดว่าเมื่อกี้หลินจื่อเยวียนกำลังล้อเล่นอยู่ ถ้าหลินโมโม่เสียชีวิตจริงขึ้นมา จางเทียนเหอมีเครือข่ายมากมายในเมืองเจียงหนานซึ่งอาจช่วยชีวิตเขาไว้ได้ แต่เขาไม่มีอะไรเลย มีแค่จุดจบเท่านั้น ตอนนี้ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ การเชิญฉินห้าวตงกลับมาเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะมีชีวิตอยู่รอด
ฉินห้าวตงอุ้มถังถังเดินไปที่ร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้ามพร้อมกับอันปี้หรูเพื่อซื้อขนมขบเคี้ยว พอพวกเขาพึ่งเดินมาถึงประตูโรงพยาบาลเจียงหนาน พวกเขาก็เห็นหม่ากัวเฉียงวิ่งมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
"เสี่ยวฉิน ฉันผิดไปแล้ว เป็นเพราะฉันมันตาสุนัขมองแต่ที่ต่ำๆ ฉันมันคนอ่อนหัดไม่เอาไหน และฉันไม่ควรอิจฉาทักษะการแพทย์ของเธอ …… โปรดช่วยฉันด้วยเถอะ……”
หม่ากัวเฉียงก้มลงคุกเข่าต่อหน้าฉินห้าวตง เขาตบตัวเองและขอร้องฉินห้าวตงอย่างน่าสงสาร
เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายที่อาจคร่าชีวิตของเขาได้ เขาไม่สนใจหน้าตาของเขาแล้ว เขากลัวแค่ฉินห้าวตงไม่ไปรักษาหลินโม่โม่ อีกอย่างเวลามันเร่งด่วนเกินไป ดังนั้นเขาจึงมาคุกเข่าขอร้อง
"เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่เห็นมาสักพักแล้ว หรือว่าจิตของคนนี้เกิดปัญหา?"
ฉินห้าวตงและอันปี้หรูต่างก็มองหม่ากัวเฉียงที่ตบตัวเองด้วยความประหลาดใจ แม่หนูน้อยกอดคอฉินห้าวตงด้วยความกังวล ดูแล้วเหมือนเธอจะเริ่มกลัว
“คุณอาหมอเทวดาคะ คนโง่เขากำลังทำอะไรคะ เขาบ้าไปแล้วหรอคะ?”
จบตอน