หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything - Chapter 29: ต้องการที่จะทำตัวเรื่อยเปื่อยและเสียเวลาไปเรื่อยงั้นเหรอ? ไม่มีทางเสียละ!

  1. หน้าแรก
  2. ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything
  3. Chapter 29: ต้องการที่จะทำตัวเรื่อยเปื่อยและเสียเวลาไปเรื่อยงั้นเหรอ? ไม่มีทางเสียละ!
Prev
Next

 

เฉินเฉินกระโดดลงจากม้าอย่างคล่องแคล่วและเดินตรงไปหาพ่อแม่ของเขา เขายิ้มและพูดออกมา “พ่อ แม่ ข้าได้ทำลายตระกูลหวังไปแล้ว ปัญหาเกี่ยวกับหวังฮู่ที่ได้รับความดีความชอบจากทางกองทัพซึ่งไม่ควรเป็นของเขา ได้ถูกแก้ไขโดยทางการแล้ว หลังจากนี้เป็นต้นไป พวกเรา ตระกูลเฉินจะรับหน้าที่ในการจัดการทรัพย์สมบัติและที่ดินของตระกูลหวัง”

 

“อะไรนะ?!”

 

ก่อนที่เฉินชานและฉินโหลวจะได้พูดอะไร หัวหน้าหมู่บ้านตะโกนออกมาอย่างประหลาดใจแทน

 

“มันไม่ได้มากอะไรเท่าไหร่หรอก มันแค่พื้นที่ทำนาห้าสิบไร่และร้านค้าอีกไม่กี่แห่งเท่านั้น มันไม่ได้ใหญ่อะไรเท่าไหร่หรอก มันไม่มีค่าที่จะพูดถึงด้วยซ้ำไป” เฉินเฉินยิ้มออกมาอย่างถ่อมตัว เขาดูสบายๆและดูใจเย็นมาก

 

เขาเป็นคนที่สามารถโอ้อวดได้อย่างเก่งกาจ สุดท้ายแล้วเขาก็ได้เห็นคนรวยจำนวนมากโอ้อวดมาก่อนในชีวิตชาติที่แล้ว ประโยคอย่าง ‘ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร’ ‘คนธรรมดาทั่วไป’ ประโยคพวกนี้ต่างถูกนำมาใช้ก่อนหน้านี้

 

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร…” หัวหน้าหมู่บ้านเกือบจะกระอักเลือดออกมา เมื่อเขาได้ยินมัน พื้นที่ทำนาของชาวนาทั้งหมดในหมู่บ้านหินแห่งนี้ซึ่งมีประชากรครอบครัวกว่ายี่สิบครอบครัวยังใช้พื้นที่ทำนาเพียงแค่ 15 ไร่เท่านั้น

 

นอกจากนี้แล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พื้นที่ 15 ไร่นี้ก็มากพอที่จะเลี้ยงดูประชากรทั้งหมู่บ้านแล้ว แม้ว่าจะลบค่าเช่าที่ไปก็ตาม

 

แต่ในตอนนี้ที่เฉินเฉินได้ร้านค้ามาอีกหลายสิบแห่งและพื้นที่ทำนากว่า 50 ไร่แบบนี้ มันยังไม่ใช่เรื่องใหญ่เนี่ยนะ?

 

เฉินเฉินยิ้มออกมาโดยไม่ได้พูดอะไร

 

เมื่อเห็นความร่ำรวยในห้องลับนั่นแล้ว ทรัพย์สมบัติของตระกูลหวังก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรอีกต่อไป

 

ในความเป็นจริงแล้ว นอกจากทรัพย์สมบัติของตระกูลหวังแล้ว เขายังได้รับทรัพย์สมบัติจากตระกูลเจามาอีกครึ่งหนึ่งด้วย

 

ตระกูลเจาเป็นตระกูลที่ทรงพลังอย่างมากในเรื่องการเงิน แม้ว่าจะเป็นเพียงครึ่งเดียวของทรัพย์สมบัติพวกเขา มันก็มากยิ่งกว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ตระกูลหวังมี

 

“เฉิน ลูกไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรใช่ไหม?” ฉินโหลวไม่ได้สนใจเรื่องเงินทองที่เฉินเฉินพูด เธอกลับมองไปที่ลูกชายอย่างละเอียด ก่อนที่จะยิ้มออกมา เมื่อเธอเห็นว่าลูกชายของเธอไม่ได้รับรอยขีดข่วนอะไร

 

“มันจะเป็นยังงั้นได้ยังไงกันครับแม่? ข้าเป็นเซียนแล้วนะ”

 

เมื่อเขาพูดออกมา เฉินเฉินก็ยกมือขึ้นและเปลวเพลิงก็ลุกขึ้นบนฝ่ามือตัวเอง ซึ่งมันทำให้หัวหน้าหมู่บ้านตื่นตระหนกจนแทบจะคุกเข่าลง

 

“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเซียนจะมาจากหมู่บ้านหินของพวกเราแบบนี้… ได้โปรดอวยพรให้พวกเราด้วย ท่านบรรพบุรุษ!”

 

“มาเปลี่ยนชื่อมันเป็นหมู่บ้านเซียนกันเถอะ…”

 

หัวหน้าหมู่บ้านพึมพำออกมาด้วยท่าทางที่มึนงง แต่สายตาของเฉินชานและฉินโหลวนั้นเปลี่ยนไปดูซับซ้อน

 

“ฮ่าๆ! ทำไมพ่อแม่ถึงมองข้าแบบนั้นกัน? ข้ายังคงเป็นลูกชายของท่านคนเดิมนั่นแหละ ถึงแม้ว่าจะเป็นเซียนแล้วก็ตาม ท่านคิดว่าข้าจะสู้พวกท่านกลับงั้นหรอ ถ้าพวกท่านตบตีข้าหน่ะ?”

 

เฉินเฉินดับไฟลงและยิ้มออกมา

 

“เฉิน เจ้ากำลังจะไปจากที่นี่แล้วใช่ไหม? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องที่เซียนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆมาก่อนเลย” ฉินโหลวถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยและความไม่เต็มใจ

 

ในอีกด้านหนึ่ง เฉินชานดูมีสีหน้าที่จริงจังและกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

 

ใบหน้าของเฉินเฉินเคร่งขรึมมากขึ้น เมื่อเขาเห็นใบหน้าของพ่อแม่ตนเอง เขากำลังจะบอกพ่อแม่เกี่ยวกับแผนการที่เขาวางไว้ว่าจะไปฝึกตนทีหลัง ดังนั้นเขาควรที่จะพูดกับเขาอย่างสัตย์จริงตั้งแต่นี้เลย

 

“ครับ ข้ากำลังจะไปยังรัฐเมืองจีตอนต้นเดือนสิงหาคม ถ้านับจากวันนี้แล้ว มันอีกประมาณหกถึงเจ็ดวันครับ”

 

รัฐเมืองจีนั้นนับได้ว่ามันเป็นเมืองหลวงของรัฐ เฉินเฉินไม่รู้ว่ามันตั้งอยู่ที่ไหน แต่ตามคำพูดของจางจีแล้ว มันใช้เวลาการเดินทางจากมณฑลเสฉซนไปยังรัฐเมืองจีประมาณสิบวัน แม้ว่าจะไปทางรถม้าก็ตาม ดังนั้นเขาจึงต้องเริ่มต้นเดินทางราวๆ 20 สิงหาคม

 

เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว ฉินโหลวเหมือนต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เธอก็ปิดปากไว้สนิท

 

เฉินชานที่อยู่ด้านข้างเธอถอนหายใจยาวๆออกมา “มันเป็นเรื่องที่ดีแหละกับการออกไปดูโลก ช้าก็ออกไปรับใช้กองทัพเป็นเวลาหลายปีไม่ใช่งั้นเหรอ? โลกภายนอกมันไม่ใช่สิ่งที่มณฑลเสฉวนแห่งนี้สามารถเทียบเคียงได้เลย ผู้คนที่อยู่ด้านนอกต่างฉลาดกว่าผู้คนในมณฑลเล็กๆแบบนี้ เฉิน เมื่อลูกออกไปอยู่ด้านนอกแล้ว จงจำไว้ตลอดเวลาเลยนะว่าลูกห้ามประมาท ไม่ว่ากับใครก็ตามลูกต้องระมัดระวังตัวเอาไว้นะ”

 

เฉินเฉินพยักหน้า

 

ยังไงก็ตาม เขายังรู้สึกมั่นใจอย่างมากด้านใน

 

คนที่อยู่ด้านนอกนั่นจะฉลาดเท่ากับเขางั้นเหรอ? เขาที่เป็นคนที่กลับชาติมาเกิดแบบนี้ เขาที่ได้รับการเรียนรู้มาจากสังคมสมัยใหม่นี่นะ?

 

เหอะ! มันเป็นพวกคนด้านนอกนั่นต่างหากที่จะต้องไม่ประมาท ไม่อย่างงั้นแล้วพวกเขาจะต้องพบกับความโหดเหี้ยมของสังคม

 

“เอาละ พ่อ แม่! ข้ายังไม่ได้ไปไหนนะ! อย่าพึ่งรีบเสียใจไปเลย สิ่งสำคัญที่สุดอย่างแรกคือการเก็บของก่อน ดังนั้นพวกเราจะได้ย้ายไปอยู่ในเมืองได้ยังไงละ”

 

เมื่อเขาพูดออกมา เฉินเฉินไม่ได้สนใจการตอบกลับของพ่อแม่ เขาวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน

 

…

 

เมื่อกลับเข้ามาในบ้าน เขาก็พบกับหน้าต่างที่แตกหักลงในบ้านดินของเขา เฉินเฉินไม่คิดว่ามันดูทุเรศหรืออะไร เขากลับรู้สึกอบอุ่นแทนเสียมากกว่า

 

พ่อแม่ของเขากำลังเก็บของอยู่ด้านในบ้าน เฉินเฉินก็เดินตรงไปที่เล้าหมู

 

“อู๊ด! อู๊ด!”

 

เหลาเฮยนั้นเริ่มที่จะเหมือนหมาขึ้นเรื่อยๆแล้ว เมื่อมันสัมผัสได้ถึงการมาถึงของเฉินเฉิน มันก็กลิ้งมาหาเขาและลุกขึ้นยืนในเล้าหมู ไม่เพียงแต่มันจะส่งเสียงร้องออกมา มันยังกวัดหางกลมๆให้กับเขาด้วย

 

เฉินเฉินเดินไปที่เล้าหมูและลูบหัวของเหลาเฮย เป็นไปดั่งเช่นเคย เหลาเฮยก็ดูมีท่าทางที่พึงพอใจมาก

 

เมื่อเห็นดังนั้น เฉินเฉินก็ล้อมันเล่น “เหลาเฮย พวกเรากำลังจะย้ายบ้านแล้ว เพื่อการเฉลิมฉลองในการย้ายบ้านครั้งนี้ พวกเราจะเชิญชาวบ้านทั้งหมดมาทำอาหารกินกัน เจ้าช่วยแบ่งเนื้ออ้วนๆของเจ้ามาเป็นวัตถุดิบให้พวกเราได้ไหม?”

 

อู๊ด! อู๊ด!

 

เหลาเฮยร้องออกมาหลายครั้งก่อนที่จะมุดตัวกลับไปยังส่วนลึกที่สุดของเล้าหมู ตอนที่มันเดินถอยไป มันก็หันกลับมาเหลือบตามองเฉินเฉินไปด้วย มันเหมือนกับนักรบที่ถูกบังคับไปอยู่แนวหน้า ความจริงจังของมันนั้นไม่ได้มากเกินกว่าที่พูดไปเลย

 

ในที่สุดเหลาเฮยก็ถอยกลับไปยังมุมสุดของคอกได้ มันล้มตัวลงนอนอย่างช้าๆ หลังจากที่ถอนหายใจออกมาดังก้อง มันกระพริบตาออกมาหลายครั้ง มันดูน่าสงสารอย่างมาก

 

“พอก่อน ข้าแค่หลอกเจ้าเท่านั้นแหละ” เฉินเฉินอดหัวเราะไม่ได้

 

เหลาเฮยที่นอนอยู่ตรงนั้นเหมือนจะเข้าใจคำพูดของเฉินเฉิน มันลุกตัวขึ้นและวิ่งเข้าหาเฉินเฉินอย่างเชื่อฟัง

 

เมื่อเห็นดังนี้ เฉินเฉินก็ตั้งคำถามในหัวตัวเอง “มันมีสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้พวกเราสิบห้าเมตรที่กินน้ำอมฤตได้ไหม?”

 

“มีค่ะ มันคือหมูกลายพันธุ์ที่อยู่ด้านหน้าท่านค่ะ ท่านเจ้าของ”

 

เมื่อได้ยินคำตอบกลับของระบบแล้ว เฉินเฉินก็เอาน้ำอมฤตออกมาและวางไว้ที่ด้านหน้าของเหลาเฮย

 

เหลาเฮยเป็นหมูที่จงรักภักดี แม้ว่ามันจะฉลาดมากยิ่งขึ้น มันคงจะไม่ทำลายครอบครัวของเขาหรอก

 

เมื่อความคิดนี้โผล่ขึ้นในหัวตัวเอง เขามองไปที่หน้าของเหลาเฮยอย่างจริงจัง

 

“เหลาเฮย ข้าจะให้โอกาสกับเจ้า หลังจากที่เจ้ากินน้ำอมฤตนี้ไป เจ้าจะพบกับชีวิตที่แตกต่างออกไปของเจ้า บางทีเจ้าอาจจะสูญเสียชีวิตอันแสนอิสระของเจ้าที่เป็นอยู่มาโดยตลอด….เจ้าอาจจะเริ่มต้นได้พบกับประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและกังวล”

 

“ไม่ว่ายังไงก็ตาม หลังจากนี้เป็นต้นไป เจ้าจะได้รับพลังที่เกินกว่าหมูธรรมดาทั่วไป..”

 

อู๊ด!

 

ก่อนที่เฉินเฉินจะพูดจบ เหลาเฮยก็ถอยกลับไปยังมุมคอกเหมือนเดิม สายตาของมันเต็มไปด้วยความตกใจและตื่นกลัว มันดูตึงเครียดกว่าแต่ก่อนอีก

 

มันจ้องน้ำอมฤตเหมือนกับมันกำลังจ้องไปยังยาพิษที่กำลังจะสังหารมันทิ้งโดยการจิบเพียงจิบเดียว

 

เมื่อเห็นดังนี้ มันทำให้ใบหน้าของเฉินเฉินหมองคล้ำ

 

เวรเอ้ย ฉันลืมไปเลยว่าเจ้าเหลาเฮยมันรักชีวิตในการนอนเล่นสุขสบายแบบนี้มากแค่ไหน

 

ถ้าเขารู้ก่อนหน้านี้แล้ว เขาคงจะให้เจ้าเหลาเฮยดื่มไปเลย เขาจะอธิบายให้มันรู้ไปทำไมกัน?

 

“เหลาเฮย เจ้าเป็นหมูที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่นะ!” เฉินเฉินพูดออกมาอย่างโกรธเคือง เขาปีนเข้าไปในคอกหมู

 

ยังไงก็ตาม เหลาเฮยเมินเขาไปอย่างสมบูรณ์ มันหันหัวเข้าหามุมคอกและหันก้นให้กับเฉินเฉิน

 

“เหลาเฮย ข้าโกหกกับเจ้า สิ่งที่อยู่ในมือข้าคืออาหารหมูแสนอร่อยที่ข้าเอามาจากในเมืองยังไงละ ข้าเอามาเพื่อให้เจ้าเลยนะ”

 

เหลาเฮยไม่ได้ตอบกลับ

 

“มันอร่อยมากเลยนะ!”

 

เหลาเฮยสะบัดหาง ซึ่งมันหมายความว่ามันปฏิเสธ

 

เฉินเฉินพูดไม่ออก เจ้าหมูตัวนี้มันฉลาดกว่าจางจีเสียอีก

 

ในช่วงเวลาที่ตกอยู่ในความสิ้นหวัง ไอเดียอย่างหนึ่งก็โผล่ขึ้นในหัวของเขา เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตะโกนออกมา “เหลาเฮย เจ้าโซวที่อยู่ข้างบ้านเราหนีออกมาจากคอกละ!”

 

เมื่อได้ยินมันดังนั้น เจ้าเหลาเฮยก็หันหัวมาทันที

 

เขาก็ใช้จังหวะนี้ เฉินเฉินขยับตัวอย่างคล่องแคล่วและยัดน้ำอมฤตเข้าปากของเหลาเฮย

 

ตาของเหลาเฮยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มันแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาในการนอนอยู่บ้านเฉยๆใช้ชีวิตโดยไม่ต้องทำอะไรเลย

 

ก่อนที่มันจะพ่นน้ำออกมา เฉินเฉินยกคางของมันขึ้น คอของเหลาเฮยขยับอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่จะดื่มน้ำอมฤตลงไป

 

เหลาเฮยตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง มันเหมือนกับสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของมันไป

 

เฉินเฉินเยาะเย้ยมัน หลังจากที่เขาเห็นสีหน้าของเจ้าหมูตัวนี้

 

“ข้าจะต้องขยันขันแข็งเพื่อการฝึกตน ในขณะที่เจ้าจะใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อยเนี่ยนะ? ฝันไปเถอะ!”

 

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "Chapter 29: ต้องการที่จะทำตัวเรื่อยเปื่อยและเสียเวลาไปเรื่อยงั้นเหรอ? ไม่มีทางเสียละ!"

0 0 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

วิญญาณอาฆาต
วิญญาณอาฆาต
มีนาคม 12, 2022
หัตถ์เทวะธิดาพญายม : ชายายอดรักทรราชไร้ใจ
หัตถ์เทวะธิดาพญายม : ชายายอดรักทรราชไร้ใจ
พฤษภาคม 17, 2022
ผู้ใหญ่หลิวยอดเกษตร (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี วันละ 1 ตอน
ผู้ใหญ่หลิวยอดเกษตร
กรกฎาคม 20, 2023
Badge in Azure
Badge in Azure
มีนาคม 12, 2022
เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
สิงหาคม 28, 2022
สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ! [卿本腹黑 : 邪君请上钩]
สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ!
มีนาคม 12, 2022
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz