ข้าคือราชาแห่งเทคโนโลยี (am the King Of Technology) - Chapter 3: เหล่าลูกน้องผู้ซื่อสัตย์
- หน้าแรก
- ข้าคือราชาแห่งเทคโนโลยี (am the King Of Technology)
- Chapter 3: เหล่าลูกน้องผู้ซื่อสัตย์
มีกลุ่มคนอยู่ 10 กลุ่มกำลังนั่งอยู่บนพื้น แต่ละกลุ่มนั้นมีคนอยู่อย่างน้อย 30 คนนั่งล้อมกันอยู่รอบกองอาหาร ในขณะที่เขาเดินเข้ามา, ทุกคนก็คุกเข่าลงข้างนึง, เพื่อทำความเคารพเขาตามความเหมาะสม
“สวัสดีครับองค์ชาย”
“ทุกคนทำตัวตามสบายเถอะไม่ต้องมากพิธีขนาดนี้ก็ได้” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนพากันโล่งอกแล้วกลับไปนั่งเหมือนเดิม จากนั้นเขาก็เดินตามลูซี่ต่อในขณะที่ส่ายหัว ในตอนที่เห็นแม่ของเขา, เขาก็เดินตรงไปหาเธอแล้วนั่งข้างๆ พอเขานั่งเรียบร้อยแล้วแม่ของเขาก็มองมาที่เขาด้วยสายตาจริงจัง, เธอจับเขาหันซ้ายหันขวา จากนั้นก็กอดเขา, แล้วเอามือทาบที่หน้าผากเหมือนกับกำลังตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายของเขา ในเวลาเดียวกันนั้นเองลูซี่ก็จับข้อมือของเขาราวกับกำลังสัมผัสชีพจร แล้วเธอก็หันหน้าเขาไปทางซ้ายทีขวาที, แล้วก็หยุดราวกับได้ยืนยันกับตัวแล้วว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ
อะไรกันเนี่ย, สองคนนี้ทำเหมือนกับว่าเราเป็นเด็กเลย…คนของเราจะคิดยังไงถ้าเห็นเราถูกทำแบบนี้?…แล้วสองคนนี้รู้ไหมว่าการจับเราส่ายไปมาแบบนี้มันทำให้เวียนหัวหน่ะ?
เขาคิด
“แลนดอนลูกแม่, รู้สึกดีขึ้นแล้วสินะ? แต่ถึงลูกจะอาการดีขึ้นยังไง, พอถึงเบย์มาร์ดแล้วพวกเราจะไปให้หมอดูอาการอีกทีนะ แล้วก็นี่อาหารของลูกกินเยอะๆหล่ะ..”
ในขณะที่แม่ของเขาพูด, เธอก็เอาจานใบใหญ่ออกมาแล้วตักอาหารอย่างไม่หยุดหย่อน
ดวงตาของแลนดอนแทบจะถลนออกมา, เขามองไปรอบๆแล้วสังเกตุเห็นว่าจานอาหารของเขานั้นเยอะที่สุดในกลุ่ม ไม่สิลืมเรื่องกลุ่มไปเลย, มันเป็นจานอาหารที่เยอะที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในชีวิต
จะมีคนกินอาหารเยอะขนาดนี้ได้ด้วยหรอเนี่ย? บอกมาตรงๆเถอะ, นี่แม่พยายามจะฆ่าเราด้วยการทำให้ท้องแตกตายใช่ไหม?
“พี่แลนดอนเอานี่แบ่งส่วนของข้าไปด้วยนะ…”
ในขณะที่ลูซี่พูดเธอก็ตักอาหารเพิ่มลงไปในจานของเขาเรื่อยๆ แม่ของเขาเองก็ยังคงตักใส่ไม่หยุดจนมีอาหารมากมายอยู่บนจานของเขา จากนั้นเธอก็หยุดลงในที่สุด, แล้วเธอก็ใช้ช้อนตักอาหารมายื่นให้ที่ปากของเขา
พระเจ้า, ตอนนี้พยายามจะป้อนเราด้วยหรอเนี่ย?
เขาอดอุทานในใจไม่ได้
พอคิมเห็นว่าเขาไม่ยอมกินอาหารที่อยู่ในช้อน, เธอก็คิดว่าอาจเป็นเพราะอาหารมันร้อนเกินไป ดังนั้นเธอก็เลยทำสิ่งที่แม่ทุกคนทำ, เธอเป่าอาหารที่อยู่ในช้อน
“ฟู่ววว..ฟู่วว, เอ้านี่…แลนดอนลูกแม่ตอนนี้มันเย็นแล้วรีบกินเข้าสิ”
แลนดอนถึงกับพูดไม่ออก, เขารีบหันไปมองกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาพยายามกลั้นขำอยู่ สายตาของพวกเขาแฝงไปด้วยความสนุกสนาน เขามองไปที่พวกเขาราวกับจะพูดว่า ‘ช่วยด้วย’, แต่พวกเขาก็ยักไหล่และรับประทานอาหารของตัวเองต่อในขณะที่กลั้นขำไปด้วย
การมีแม่มันให้ความรู้สึกแบบนี้เองสินะ?…มันก็ไม่แย่นี่…ก็ได้, ตอนนี้จะยอมให้ป้อนก็ได้ แต่นี่ครั้งสุดท้ายนะ…ถึงยังไง, ตอนนี้เราก็ถูกมองเป็นคนป่วย, การทำแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่..ถูกไหม?…
เขาอดคิดไม่ได้
ในชีวิตก่อนเขาเป็นเด็กกำพร้า, ที่ไม่เคยได้รับความรักจากพ่อแม่เลย อย่างไรก็ตามในชีวิตนี้, ถึงแม้ว่าเขาจะมีพ่อที่ห่วยแตก, แต่แม่ของเขาก็เหมือนกับนางฟ้า แล้วเขาก็ถูกห้อมล้อมด้วยผู้คนที่ห่วงใยเขาจากใจจริง
พอหันไปมองลูซี่, จู่ๆหัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เธอเป็นเด็กสาวที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาเลย และเมื่อผนวกกับความจริงที่ว่าเธอเคยใช้เวลากับการดูแลแลนดอนคนเก่า, และมักจะคอยอยู่เคียงข้างเขาในตอนที่ถูกรังแกแล้ว เขาก็คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ซื่อสัตย์, เอาใจใส่และมีความเข้มแข็งอย่างบอกไม่ถูก…เขาสาบานกับตัวเองอย่างลับๆว่านับจากนี้ไปเขาจะเป็นฝ่ายดูแลและปกป้องเธอเอง
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกตื้นตันใจกับสิ่งที่แม่ของเขาและลูซี่ทำให้, เขาก็ยังอดคิดไม่ได้อยู่ดี
ผู้หญิงสองคนนี้คิดว่าเราเป็นหมูรึไง? อาหารที่อยู่บนจานเรานี่มันปริมาณสำหรับผู้ใหญ่สามคนเลยนะแถมต่อให้กินสามคนจริงๆก็น่าจะยังเหลือด้วยซ้ำ นี่มันไม่เยอะเกินไปหน่อยหรอ?
ถึงเขาจะคิดแบบนั้น, แต่พอเห็นสีหน้าที่ห่วงใยของลูซี่กับแม่ของเขา, เขาก็ตัดสินใจที่จะกินให้หมด
นี่คงถึงวันที่เราจะได้ตายจากการกินอาหารเยอะเกินไปแล้วสินะ
ในตอนที่แลนดอนกับแม่ของเขาออกมาจากเมืองหลวง, พวกเขาได้รับอัศวินมาแค่สามร้อยสามสิบนาย แต่บารอนกับดยุคส่วนใหญ่นั้นมีอัศวินอยู่ภายใต้การดูแลอย่างน้อยสามพันคน และในตอนที่เหล่าพี่ชายทุกคนของเขาอายุถึงสิบห้า, พวกเขาจะได้ปกครองเมืองที่เจริญรุ่งเรืองโดยมีอัศวินอยู่ภายใต้การบัญชาการไม่ต้ำกว่าหนึ่งหมื่นนาย ขนาดพวกพี่สาวยังมีอัศวินเยอะกว่าเขา และถึงแม้พวกเธอจะไม่ได้ปกครองเมืองแต่ได้คฤหาสน์ในเมืองหลวงแทน, พวกเธอก็ยังมีอัศวินหกถึงสามพันคนอยู่ภายใต้การปกครอง
แถมอัศวินที่ติดตามเขามานั้นก็ถูกอาณาจักรมองว่าเป็นพวกไร้พรสวรรค์ในการเป็นอัศวิน, และขาดการฝึกฝนที่เหมาะสมหรือเป็นตัวน่ารำคาญสำหรับพระราชา ดังนั้นสรุปเลยก็คือ, อัศวินพวกนี้จริงๆแล้วเป็นเหล่าคนดีที่ถูกคนในอาณาจักรรังแก
แต่ในบรรดาอัศวินเหล่านี้, ก็ยังมีคนที่โดดเด่นอยู่ห้าคน หนึ่งในนั้นก็คือลูเซียสที่เป็นแม่ทัพอัศวิน, เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในอาณาจักร คนส่วนใหญ่พากันตกใจในตอนที่เขาขอลาออกจากตำแหน่ง, และประกาศว่าจะตามแลนดอนไปที่เบย์มาร์ด แต่ก็แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพื่อเขา, เขารู้เรื่องนี้ดีกว่าใครจากความทรงจำของเขา
ลูเซียสนั้นคอยดูแลเขาเหมือนพ่อมาตั้งแต่ตอนที่เขาจำความได้ เห็นได้ชัดว่าลูเซียสหลงรักแม่ของเขา, แต่ว่าเธอซื่อเกินกว่าที่จะมองออก ซึ่งมันทำให้เขาอดคิดไม่ได้
เราจำเป็นต้องเป็นพ่อสื่อให้พวกเขารึเปล่านะ?…ถึงยังไงแม่ก็ควรจะหาความสุขให้ตัวเองบ้าง
ในขณะที่คิดเขาก็รับประทานอาหารต่อและมองไปรอบๆ
เขามองผู้ชายสามคนที่นั่งอยู่กับลูเซียส พวกเขามีชื่อว่าจอร์ช, มาร์คและแกรี่ พวกเขาทุกคนเป็นลูกศิษย์ที่ซื่อสัตย์ของลูเซียสที่ติดตามเขาไปทุกที่, และแน่นอนว่าพวกเขาปฏิบัติกับแลนดอนในฐานะพี่น้อง พวกเขาทุกคนต่างก็พยายามฝึกฝนตัวเองอย่างหนักจนได้รับตำแหน่ง ‘อัศวินชั้นพันเอก’
สุดท้ายเขาก็หันไปมองเทรย์ พาร์ซี่ที่เป็นอัศวินประจำตัวและบอดี้การ์ดของเขา เทรย์นั้นซื่อสัตย์กับแลนดอนมากจนเข้าขั้นเสพติดได้เลย เขามักจะคอยอยู่ใกล้ตัวแลนดอน, และปกป้องเขาตลอดเวลา พวกเขามักจะเล่นด้วยกันบ้างเล่าเรื่องตลกบ้าง ในใจของเทรย์, แลนดอนเป็นน้องของเขา แม้ว่าเทรย์จะมีอายุแค่ 19 ปี, แต่เขาก็แข็งแกร่งมากและมีตำแหน่งเป็น ‘อัศวินชั้นพันโท’
ในอาณาจักร, อัศวินนั้นจะทำการจัดอันดับยศหลังจากที่ประเมินดูความสำเร็จและความแข็งแกร่งของพวกเขา โดยจะเริ่มจากยศต่ำสุดไปสูงสุดได้แก่: อัศวินรับใช้, อัศวินฝึกหัด, พันโท, พันเอก, นายพล, แม่ทัพ, แม่ทัพใหญ่และสุดท้ายก็คือผู้บัญชาการสูงสุด
หลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารกันอิ่มหมดแล้ว, พวกเขาก็เดินทางต่อไปยังบ้านหลังใหม่ของพวกเขา เบย์มาร์ด